ตอนที่11 งานแต่งทั้งสามครั้งที่น่าเวทนา
ตอนที่11 งานแต่งทั้งสามครั้งที่น่าเวทนา
ตกลง งั้นก็เริ่ม เล่าตั้งแต่ตอนที่คุณมาขอผมแต่งงานเถอะ”สุวิทย์ยื่นมือโบกรถ แท็กซี่ เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
เพ็ญจิตก็สูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วจึงเริ่มเล่า
“จริงๆแล้ววันนี้ควรจะเป็นวันแต่งงานรอบที่สามของฉัน
สุวิทย์เผยอปากออกเล็กน้อยแต่ก็มิได้พูดอะไรออกไป ถือว่าเขา เป็นผู้ฟังที่ดีคนหนึ่ง ส่วนเรื่องอยากหรือไม่อยากช่วยเธอนั้นเอา ไว้ฟังเสร็จแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายเกินไป
“งานแต่งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ฝ่ายเจ้าบ่าวกับฉันนับ ว่ามีใจให้กันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ทว่าคืนก่อนวันแต่งงานเขากลับหนี งานแต่งไปอย่างลับๆกับผู้หญิงคนหนึ่ง พอวันถัดมาก็มีแค่ฉันที่ ยืนโง่ๆเพียงคนเดียวในพิธีรอแล้วรออีก จนกระทั่งเขาโทรศัพท์ มาหา…ครั้นนึกถึงความขายหน้าอันสุดจะเกินทนของงานแต่ง ครั้งแรกแล้ว น้ำตาของเพ็ญจิตก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้
สุวิทย์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เพ็ญจิตซับน้ำตา เธอทําจมูกฟุตฟิตแล้ว
จึงเล่าต่อ
“งานแต่งครั้งที่สองจัดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว เจ้าบ่าวเป็น ลูกชายของเพื่อนในวงไพ่ของคุณแม่ เธอบอกว่าพวกเรานั้น เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก”เพ็ญจิตพูดพลางร้องไห้ฮือๆขึ้น มา เมื่อนึกถึงความอัปยศของงานแต่งครั้งที่สองแล้ว หากว่า หล่อนไม่เข้มแข็งพอล่ะก็ เกรงว่าป่านนี้แม้ความกล้าที่จะมีชีวิตต่อ ไปก็คงไม่เหลือแล้ว
“เขาก็หนีงานแต่งหรือ?”สุวิทย์อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปอย่างตรง ไปตรงมา เขาล่ะเกลียดพวกผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างนี้จน เข้ากระดูกนํา
“ไม่ เขามาเข้าร่วมงานแต่ง แต่ว่า…”ฮือๆ แต่ว่าขณะกำลังเข้าพิธี นั้น จู่ๆก็มีผู้หญิงท้องแก่พาตัวเขาออกไปฮือๆๆๆๆ เพ็ญจิตพูดไปก็ เอนตัวลงซบกับไหล่ของสุวิทย์แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างดัง
“อย่าเศร้าไปเลย คิดเสียว่าคนพวกนั้นมีตาแต่หามีแววไม่ก็แล้ว กัน ถึงทำแบบนี้กับคุณได้ และก็ถือเสียว่าชีวิตพวกเขานั้นไร้ วาสนาที่จะอยู่เคียงคู่คุณ”สวิทย์ค่อยๆลบหลังเพ็ญจิตเบาๆ เพื่อ ปลอบใจเธอ
“ฉัน ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นเลยก็รับปากกับแม่ว่าจะ ยอมแต่งงานเป็นครั้งที่สาม และพิธีก็จัดขึ้นวันนี้
เพ็ญจิตเช็ดน้ำตากับน้ำมูกของเธอลงบนตัวสุวิทย์ เมื่อคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เธอก็รู้สึกเสียใจยิ่งนัก เธอน่า เข้าไปหยิบมีดในครัวแล้ว จ้วงแทงคนคนนั้นให้สิ้นเรื่องไปเสีย
และคราวนี้ คุณกลัวที่จะเจอกับคนไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น อีก จึงได้หนีออกมาใช่ไหม แม้ว่าเธอะหนีงานแต่งออกมา แต่ เมื่อพูดแบบนี้แล้ว สุวิทธ์ก็พอที่จะรับได้อยู่
“ไม่ใช่ จริงๆแล้วเมื่อวานฉันก็คิดจะทำแบบนั้นตอนเย็นก็เลยไป หาเขา”เพ็ญจิตกัดริมฝีปาก คิดย้อนกลับไปเห็นภาพเหตุการณ์อัน น่าสะอิดสะเอียนเมื่อคืน แล้วก็อยากจะอ้วกออกมา
“ไม่ใช่ว่าคุณได้จับอยู่บนเตียงพอดีเลยนะ?” สุวิทย์ก็พูดเผลอ ออกไป แต่ทว่ากลับเห็นน้ำตาของเพ็ญจิตที่หยุดไหลไปแล้วกลับ รินไหลออกมาอีก จึงรู้ว่าตัวเองนั้นช่างปากเสียจริงๆ
“ที่นั่นเป็นเรือนหอของเรา เป็นบ้านที่คุณพ่อฉันมอบให้ แต่ เขากลับนำผู้หญิงมาเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง เตียงหลังนั้น ผ้าห่มผืนนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ฉันเลือกมาเองกับมือ ฮือๆๆ
สุวิทย์หมดคำใดๆจะพูด คิดเพียงแค่ว่าชีวิตของเพ็ญจิตนั้นช่าง น่าเศร้าเหลือเกินถึงได้ไปพบไปเจอกับผู้ชายพันนั้นได้
“หยุดร้องได้แล้ว คุณต้องเปลี่ยนมุมมองไปคิด ถ้าไม่ใช่เพราะ พวกเขาแล้ว คุณจะมาเจอกับผมได้อย่างไร ผมสัญญาว่าผมจะไม่ ทำตัวเหมือนคนพวกนั้นเด็ดขาด”สุวิทย์ดึงเพ็ญจิตเข้ามาในอ้อม กอด
“ฉันรู้ คุณคือคนที่ฟ้าเบื้องบนประทานให้ฉัน ฉันเชื่อว่าคุณจะ ไม่มีทางเป็นเหมือนคนระยำสามคนนั้นได้ ประเดี๋ยวถ้าถึงบ้านฉัน แล้ว ไม่ว่าแม่ฉันจะพูดอะไรก็ตาม คุณก็ต้องอดทนเข้าไว้นะ ห้าม แสดงอาการโกรธเป็นอันขาด”
ระหว่างทาง เพ็ญจิตพูดเกลี้ยกล่อมเขาอย่างเป็นกังวลใจ
สุวิทย์ยิ้มพลางพยักหน้ารับ ตอนนี้คุณเป็นถึงภรรยาของผม ผม ก็ต้องยืนอยู่ข้างคุณอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิด ผมจะไม่ยอมหลีก ทางให้ใครเป็นอันขาด
เมื่อเห็นสุวิทย์ช่างรู้ใจถึงเพียงนี้ น้ำตาของเพ็ญจิตจึงหยุดไหล ลง อารมณ์ก็ดีขึ้นมามากโข เมื่อถึงบ้านแล้วเธอจึงสามารถยิ้ม ออกมาได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ