ตอนที่ 19 เธอทําให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ
ตอนที่ 19 เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ
“เพ็ญจิต เธอรีบกลับบ้านมากับพี่เดี๋ยวนี้ !!! เมื่อประตูเปิดออก ฝ่ามือใหญ่ๆของอรรถพลก็รั้งจับข้อมือของเพ็ญจิตไว้
“ต๊ะ ! พี่ พี่มาได้ยังไงกัน? เพ็ญจิตครั้นได้ยินเสียงของอรรถพล ก็ตกใจขวัญเสีย อีกมือก็เอาจับชุดนอนกันไว้ไม่ให้เผยอจนเห็น เนื้อหนังมังสาของเธอ
“เพ็ญจิต ทำไมเธอถึงหนีออกทั้งที่ยังไม่พูดไม่จา ทำไมถึง ไม่รับแม้แต่สายโทรศัพท์ เธอไม่รู้หรืออย่างไรว่าพ่อกับแม่เป็น ห่วงเธอแค่ไหน”อรรถพลรั้งไม่ให้เพ็ญจิตปิดประตูด้วยท่าทีอัน เดือดดาลของเขา
“พี่คะ พี่ไปเสียเถอะ หนูไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด ไม่ว่าหนูจะ ใช่หรือไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพ่อกับแม่ก็ตาม เรื่องนั้นสำหรับ หนูมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้หนูมีชีวิตเป็นของตัวเอง มี ครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว เพ็ญจิตหอบเอาเสื้อผ้าเข้าไปใน ห้องน้ำ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่ชายแต่ทว่าการคุยกันทั้งที่ใส่ชุดนอน แบบนี้เห็นทีคงจะไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่
“เพ็ญจิต ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็ยังคงเป็นคนของบ้านวงศ์ อัจฉราอยู่ดี แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากคุณแม่ แต่เธอก็อาศัย อยู่บ้านวงศ์อัจฉราของเรามายี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไมเธอถึงได้ทําให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจเช่นนี้เล่า”ใบหน้าของอรรถ พลถอดสีอึมครีม เพราะเขาดันกวาดตาไปเห็นเสื้อผ้าของผู้ชาย วางอยู่ในห้อง
“พี่คะ พี่กลับไปเถอะค่ะ ไว้ผ่านไปสักสองสามวันหนูจะพาสุวิทย์ กลับไปด้วยนะคะ เพ็ญจิตซึ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ได้ยินเสียง อรรถพลเงียบสงบลงไปชั่วยาม
“สุวิทย์หรือ? มันเป็นใครกัน? ทั้งๆที่เห็นเสื้อผ้าของผู้ชายอยู่ ทนโท่ แต่เขากลับไม่อาจเชื่อสายตาได้ ทว่าเมื่อได้ยินเพ็ญจิต เรียกชื่อผู้ชายออกมากับปาก หน้าของเขาก็ถอดสีไม่ชวนให้น่า มอง
“แต่งงานแล้วงั้นหรือ? เพ็ญจิตทำไมเธอถึงได้ทำตัวเสื่อมๆเช่นนี้ ได้ เธอคิดว่าการอยู่กินชายคาเดียวกับผู้ขายเช่นนี้ก็นับว่าแต่งงา กันแล้วงั้นหรือ? เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ อรรถพลหมด หนทางที่จะควบคุมหัวใจที่ถูกฉีดขาดเป็นชิ้นๆได้ จึงตะคอกเสียง ดังใส่เพ็ญจิต
“พี่คะ หนูกับเขาเราไม่ใช่แค่อยู่ด้วยกันค่ะ เราแต่งงานกันแล้ว หนูกับสวิทย์เราเป็นสามีภรรยากัน และอีกเรื่องหนึ่งหนูก็โตเป็น ผู้ใหญ่แล้วนะคะ หรือต่อให้หนูจะมาอยู่กินกับผู้ชายสองต่อสอง มันก็เป็นเรื่องของหนู พี่อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย”
“ไป เธอกลับบ้านไปกับพี่เดี๋ยวนี้!”อรรถพลพุ่งแขนเข้าไปยึดข้อ มือของเพ็ญจิตไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พี่ไปเสียเถอะ ยังไงๆหนูก็ไม่มีทางกลับไปกับพี่แน่ๆ หนูจะรอ สุวิทย์อยู่ที่นี่”เพ็ญจิตพยายามจะขัดขืนแต่ทว่าเธอไม่สามารถจะ สลัดมือออกมาได้ ไม่เพียงแต่เท่านี้อรรถพลยังจับข้อมือเธอแน่น ขึ้นอีกด้วย เพ็ญจิตรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแต่ทำได้แค่กัดฟันทน เอา
“เธอกลับบ้านไปกับพี่เถอะเพ็ญจิต พี่เป็นพี่ชายของเธอ เธอต้อง เชื่อฟังพี่สิ”อรรถพลหาได้สนใจท่าทีต่อต้านของเพ็ญจิตไม่มี หนำซ้ำเขายังจะลากเธอออกมาจากห้องอีกด้วย
“ไม่ใช่สักหน่อย คุณไม่ใช่พี่ชายของฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย… “เพ็ญจิตโวยวายเสียงดัง มืออีกข้างก็จับประตูไว้แน่น ให้ ตายอย่างไรเธอก็จะไม่มีปล่อยเด็ดขาด
“เพ็ญจิต หุบปากเดี๋ยวนี้ ยังไงวันนี้แกก็ต้องกลับไปกับฉัน แก ไม่รู้หรือไงว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงมาแค่ไหน หลายวันมานี้พวกเรา ไม่มีใครข่มตาหลับได้สักคน ถ้าแกยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้างก็กลับ ไปกับฉันเดี๋ยวนี้”อรรถพลพยายามลากเพ็ญจิตออกมาอย่างสุด กำลัง
“โอ๊ยเจ็บ… พี่ พี่ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้ มันเจ็บนะ”เมื่อข้อมือปวดระบม จนเกินจะทนไหว เธอจึงร้องออกมาเสียงดัง
เมื่อได้ยินเพ็ญจิตร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด อรรถพล ถึงรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ออมแรงให้กับเธอ จึงรีบปล่อยมือเธอทันที เมื่อเห็นข้อมือบวมช้ำดำเขียวของเพ็ญจิตก็ตกใจมาก จึงเอาแต่ พูดขอโทษเธอ
“ขอโทษ เพ็ญจิต พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษ พวกเรา…
ฝั่งเพ็ญจิตเมื่อเป็นอิสระก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันควันหวังจะปิด ประตูเสีย ทว่าปฏิกริยาของอรรถพลนั้นไวมาก มือของเขาได้ยื่น เข้ามาขวางประตูเอาไว้เสียแล้ว
“พี่ เอามือออกไป หนูไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด หรือจะไปก็ต้อง รอสามีหนูกลับมาก่อน”เพ็ญจิตไม่อ่อนข้อให้ปิดประตูหนีบมือ อรรถพล เธอจึงร้องให้ออกมา
“เพ็ญจิต เธอเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเธอแต่งงานแล้วจริงๆงั้นก็พา เขากลับไปด้วยสิ พี่จะรอเป็นเพื่อนเธอเอง
อรรถพลรับรู้ได้ถึงทิฐิของเพ็ญจิต เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อน
นุ่มลง
“พี่คะ จริงหรือคะ? พี่จะไม่พลากฉันกลับไปตอนนี้ใช่ไหมคะ? พี่ จะให้ฉันรอสวิทย์อยู่ที่นี่จริงๆหรือ?” เพ็ญจิตพูดด้วยน้ำเสียงเปรม ปรีดิ์ หากสุวิทย์โกนหนวดกลับมาเสร็จแล้วพวกเขาก็จะได้กลับ บ้านไปเจอพ่อกับแม่ด้วยกัน
ก็อย่างที่พี่พูด ต่อให้เธอไม่ใช่ลูกที่เกิดจากแม่ แต่ทว่าพระคุณ ที่ดูแลเลี้ยงดูเธอมากว่ายี่สิบปีนี้ก็มิอาจลืมเลือนได้ ต่อให้ต้อง แยกจากพวกเขาออกมาก็ควรจะต้องบอกเหตุผลพวกเขาเสีย หน่อย
“แน่นอน พี่จะรอเป็นเพื่อนเธอเอง เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเพ็ญ จิตอ่อนลงจึงยินยอมทำตามคำของเธอ
เพ็ญจิตเปิดประตูออก อรถถพลก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที
“พี่คะ จริงๆแล้ววันนั้นหนูกลับไปเพื่อที่จะบอกทุกคนว่าหนู แต่งงานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินแม่กับพี่พูดว่าหนูไม่ใช่ลูก แท้ๆของบ้านวงศ์อัจฉรา เพ็ญจิตพูดไปก็เห็นว่าอรรถพลดูไม่ค่อย เชื่อสักเท่าไหร่ เธอจึงหยิบทะเบียนสมรสออกมา
“นี่มัน….อรรถพลเมื่อเห็นสมุดสีแดงๆที่เพ็ญจิตยื่นมาให้ ใจก็ หายวูบ
“นี่คือทะเบียนสมรสของหนูกับสุวิทย์ค่ะ พวกเราแต่งงานกันแล้ว จริงๆ ตอนนี้สวิทย์ออกไปซื้อของอยู่ข้างนอก รอเขากลับมาแล้ว หนูจะพาเขากลับไปด้วย
อรรถพลรับทะเบียนสมรสมาด้วยมือสั่นๆ ในขณะที่มืออีกข้าง หนึ่งก็กำหมัดแน่น เขาไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง
เขาไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ เพ็ญจิตจะแต่งงานได้อย่างไร เขาใช้ แรงกายแรงใจเต็มที่เพื่อจะหยุดยั้งงานแต่งทั้งสามครั้งสามครา แล้วเธอจะแต่งงานแล้วได้อย่างไรกัน
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?”อรรถพลเปิดดูทะเบียนสมรสสีแดงด้วย มือสั่นเทา เมื่อเห็นชื่อที่เขียนอยู่บนกระดาษ ดวงตาก็เบิกโพลง คนที่อยู่ในภาพนอกจากแค่มองออกว่าเป็นผู้ชาย หน้าของเขา เป็นอย่างไรก็มองไม่ขัดสักอย่าง
“นั่นวิทย์ค่ะ เมื่อครู่เขาออกไปโกนหนวดแล้ว รอเขากลับมาพวก เราก็ไปกันได้ เพ็ญจิตลงกหัว เธอรู้ดีว่ารูปที่อยู่บนทะเบียนสมรส ช่างดูไม่จัดจริงๆ แต่ทว่าวิทย์ออกไปโกนหนวดโกดเคราแล้วเธอ เชื่อว่าวิทย์ที่กำลังจะกลับมาต้องดูเปลี่ยนไปแน่นอน
“ไม่ได้ เธอกลับบ้านไปกับพี่เดี๋ยวนี้เลย”อรรถพลชักสีหน้า เขา โยนทะเบียนสมรสไมนั้นทั้งด้วยอารมณ์เดือดดาล
“พี่คะ พี่เป็นอะไรไป พวกเราตกลงกันแล้วหนิคะ…”
เพ็ญจิตก้มตัวลงเก็บทะเบียนสมรส แต่ทว่าอรรถพลกลับ ออกแรงตบหลังเพ็ญจิต มือของเธอที่เพิ่งจะเอื้อมถึงทะเบียน สมรสกลับล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
อรรถพล ได้สนใจใยดีทะเบียนสมรสที่ตกอยู่บนพื้น เขารีบคว้านหาบัตรปะชาชนของเพ็ญจิตและ อุ้มเธอออกไปจากโรงแรม ทันที
สุวิทย์ กลับมาถึงโรงแรมด้วยอารมณ์หน้ามีนชื่นบาน เมื่อออก จากลิฟท์ก็ลูบคล่าใบหน้าตัวเอง ผ่านมาก็ตั้งหลายเดือนแล้วจู่ๆ ใบหน้าของเขาก็เกลี้ยงเกลาเช่นนี้ช่างไม่คุ้นชินเอาเสียเลย ไม่รู้ ว่าถ้าเพ็ญจิตเห็นแล้วจะตกใจแหกปากหรือไม่
เมื่อเดินมาจนถึงหน้าประตู สวิทย์ยื่นมือออกทําท่าจะเปิดประตู แต่ทว่าดูเหมือนประตูจะเปิดอยู่แล้ว
“คุณภรรยาจํา คุณตื่นนอนแล้วหรือ?”สวิทยผลักประตู ภายใน ห้องเงียบสงัดไม่ปรากฏแม้แต่เสียงใดๆ
“คุณภรรยา? เพ็ญจิต … เพ็ญจิต”เมื่อกวาดตาจนเห็นทะเบียน สมรสที่ตกอยู่บนพื้น สุวิทย์จึงรู้สึกตะหงิดๆใจแปลกๆ เขาผลัก ประตูห้องน้ำ แต่กลับไม่พบเพ็ญจิต นี่ทำให้เขาร้อนรนใจยิ่งขึ้น
“เพ็ญจิตหายไปไหนกัน? เขารีบต่อสายไปยังล็อบบี้ของโรงแรม แต่ทางล็อบบี้เองก็กลับไม่แน่ใจเช่นกัน เมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อ คืนก่อน สีหน้าของสุวิทย์ก็มืดลง เขารีบวิ่งไปหาผู้รับผิดชอบ ของโรงแรมทันที
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีเหตุผลอะไร ภรรยาของผมหายตัวหายไปจากที่นี่ พวกคุณต้องหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ผม สุวิทย์พูดด้วยหน้าดำเคร่งเครียด
“คุณคำวงษาครับ ภรรยาของคุณเธอบรรลุนิติภาวะแล้ว หากเธอ ต้องการจะไปไหนมาไหน ทางเราเองก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ ผู้จัดการโรงแรมพูดกับสุวิทย์ที่กำลังก่อกวนไร้เหตุผล”ด้วยท่าที อดทนอดกลั้น
“เป็นไปไม่ได้ บัตรประชาชนเธอยังอยู่ในห้อง แม้แต่ข้าวของ ใดๆก็ไม่ได้พกไป ผมต้องการดูกล้องวงจรปิด ผมอยากรู้ว่าเกิด อะไรขึ้นกับเธอกันแน่?
สุวิทย์สีหน้าคร่ำเครียดเมื่อนึกถึงทะเบียนสมรสที่ตกอยู่บนพื้น อีกทั้งไหนจะเสื้อผ้าอาภรณ์ เงินสดของเธอ และในตอนนี้เอง จู่ๆเขากลับนึกขึ้นได้ว่าบัตรประชาชนของเพ็ญจิตดูเหมือนจะไม่ อยู่ในห้องแล้ว
“ขออภัยจริงๆครับคุณคำวงษา ทางเราไม่อนุญาตให้ใครก็ตามดู กล้องวงจรปิดได้ครับ ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะ ครับ” ผู้จัดการโรงแรมอธิบาย
“ก็ได้ จะไม่ให้ผมดูใช่ไหม งั้นผมจะแจ้งตำรวจ เธอหายไปจาก ที่นี่ผมมั่นใจว่าตำรวจต้องช่วยผมหาตัวเธอแน่ๆ” สวิทย์แสดง ท่าทีโกรธจัด หัวของเขาก็พอจะเดาได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีส่วน พัวพันกับบ้านวงศ์อัจฉราเป็นแน่
“คุณคำวงษาครับ บางทีภรรยาของคุณอาจจะเป็นคนออกไปเอง ก็ได้นะครับ พวกเราจะให้คุณดูกล้องวงจรปิด แต่คุณห้ามโวยวาย เสียงดังอีกเป็นอันขาดนะครับ ผู้จัดการหมดทางเลือก ครั้งนี้นับ ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับคนเลือดร้อนเช่นนี้
เมื่อสุวิทย์เห็นภาพเหตุการณ์วิวาทจากกล้องวงจรปิด และยิ่ง เมื่อเขาเห็นว่าอรรถพลอุ้มเพ็ญจิตออกไป สีหน้าเขาก็เขียวคล้ำ ขึ้นมาทันใด
เขาคาดไม่ถึงว่าคนบ้านวงศ์อัจฉราจะอันตพาลหยาบคายขนาดนี้ เมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าเพ็ญจิตน่าจะหมดสติ อยู่ด้วย เขาไม่อยากแม้แต่จะคาดเดาเลยว่าพี่ชายของเธอใช้วิธี ไหนกันแน่ สิ่งเดียวที่เขาอยากจะทำตอนนี้คือการรีบไปบ้านวงศ์ อัจฉราโดยเร็วที่สุด
สุวิทย์รีบวิ่งไปยังบ้านวงศ์อัจฉรา แต่ทว่าเขากลับถูกกักไว้อยู่ หน้าบ้าน อรรถพลเดินออกมาจากประตูเหล็กบานใหญ่
“คุณผู้ชาย หากคุณยังขึ้นจะไม่ไปอีก ผมคงต้องแจ้ง ตำรวจ อรรถพลกล่าวกับสุวิทย์ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ผมเป็นสามีของเพ็ญจิต ได้โปรดพาเธอออกมาด้วยครับ มือ ของสุวิทย์กำหมัดแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าทำกับเพ็ญ จิต เขากำหมัดแน่นเสียจนอยากชกเข้าไปสักหมัด
“คุณผู้ชายครับ ที่ภรรยาคุณหายไปผมก็เห็นใจอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่า ใครคือเพ็ญจิตที่คุณพูดถึง ได้โปรดกลับไปเดี๋ยวนี้เถอะครับ อรรถ พลซึ่งยืนอยู่หลังประตูเหล็กเอ่ยขึ้นกับสุวิทย์
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ากับผู้ชายที่ปรากฏอยู่บนทะเบียนสมรส ของเพ็ญจิตช่างเหมือนคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าเขาก็รู้ อยู่แก่ใจว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นสุวิทย์ที่เพ็ญจิตเอ่ยถึง เขาคาดไม่ ถึงว่าใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคลาแท้จริงแล้วจะหล่อเหลา ถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตามอรรถพลก็ไม่อาจให้เขาพบกับเพ็ญจิต ได้
“นี่คนบ้านวงศ์อัจฉรา หากคุณยังขืนจะแกล้งโง่อยู่เบบนี้ล่ะก็ เห็นทีเรื่องนี้คงต้องให้ตำรวจมาจัดการ ภาพจากกล้องวงจรปิด ของโรงแรมก็เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นคนพาเพ็ญจิตออกมา”สุวิทย์ พูดด้วยอารมณ์โกรธ หากมิใช่ว่ามีประตูเหล็กคั่นอยู่ล่ะก็ป่านนี้เขา คงบุกเข้าไปแล้ว
“แล้วจะอย่างไรล่ะ เพ็ญจิตเป็นน้องสาวของผม ซึ่งจริงๆแล้ว พวกเราก็ไม่ได้รู้จักคุณ ไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไร ผมก็ไม่มีทางได้ คุณเจอกับเพ็ญจิตเป็นอันขาด คุณไปเสียเถอะ เพ็ญจิตก็แค่หน หันหลันแล่นไปก็เท่านั้น เรื่องระหว่างพวกคุณพวกเราคงไม่อาจ ยอมรับได้ สีหน้าของอรรถพลตรึงเครียด เขาถึงกับลืมเรื่อง กล้องวงจรปิดที่โรงแรมไปได้อย่างไรกัน
“คุณวงศ์อัจฉรา ผมต้องการจะพบเพ็ญจิต สุวิทย์คนประตูเหล็ก เขาต้องการพบจะเพ็ญจิต เขาอยากพาเพ็ญจิตออกมาจากที่แรกๆ อย่างนี้ แท้จริงแล้วบ้านอัจฉราก็เป็นพวกวิกลจริต ไม่อาจปล่อย ให้เพ็ญจิตทนอยู่ที่นี่ถูกพวกเขากระทำทารุณได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่มีผู้ใดใส่ใจสุวิทย์ เขาถึงกับขนาดคิดว่าบางทีเพ็ญจัดอาจจะ ถูกจับขังไว้ก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจ ให้มาจัดการ ในขณะที่เขาจะรีบกลับไปโรงแรมก่อนเพื่อไปเอา ทะเบียนสมรส และเอาโทรศัพท์ที่ไม่ได้ใช้มานานออกมา ตลอด ระยะเวลาที่หนีออกจากบ้านมาครึ่งปี เขาก็ปิดเครื่องมาโดย ตลอด เมื่อมือถือเปิดขึ้นมา ตื้ดๆๆ ประเดี๋ยวเดียวก็พบว่ามีข้อความ ส่งเข้ามาอย่างถ้วนถัน อีกทั้งยังมีข้อความเสี่ยงสูงทิ้งไว้อีก มากมาย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ