ตอนที่ 13 พาภรรยากลับโรงแรม
ตอนที่ 13 พาภรรยากลับโรงแรม
“แม่ครับ ในเมื่อแม่ก็รับปากกับพ่อ และรับปากกับผู้หญิงคน นั้นแล้ว ก็ต้องทำให้ได้สิครับ ต่อให้เพ็ญจิตไม่ใช่ลูกในไส้ของ แม่ แต่ในใจของเธอนั้นก็คิดมาตลอดว่าแม่คือแม่ของเธอนะ ครับ ทำไมถึงไม่ปฏิบัติราวกับว่าเธอเป็นลูกแท้ๆของแม่ล่ะครับ แม่ ครับ การแต่งงานของผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการแต่งงาน คือความสุขทั้งชีวิตของเธอ ทำไมแม่ถึง… ทำไมถึงทำกับเพ็ญจิต แบบนี้
อรรถพลเอ่ยถึงทั้งเรื่องที่แม่เอาความแค้นมาลงที่เพ็ญจิต และ ทั้งเรื่องความน้อยเนื้อต่าใจของแม่ แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็ได้ตก ปากรับคําลงไปแล้ว ในเมื่อยอมรับเพ็ญจิตเข้ามา ทำไมถึงปฏิบัติ ต่อเธอดีๆไม่ได้กัน
“เพ็ญจิต ลูกไปไหนมา พ่อกับแม่ของลูกปรึกษากันเรียบร้อย แล้ว งานแต่งวันนี้ถูกยกเลิกไปแล้วล่ะลูก”คุณอุดมที่เพิ่งจัดการ งานแต่งงานวันนี้เสร็จสิ้น เมื่อกลับมาถึงก็เห็นเพ็ญจิตยืนอยู่หน้า ประตู เลยรีบอธิบายเรื่องราวให้หล่อนฟัง
“เพ็ญจิต ลูกไปไหนมา
แม่กับพี่ชายที่อยู่ในห้องเมื่อได้ยินเสียงข้างนอกจึงหันมาพร้อม สบถเสียงหลงด้วยความตกใจ
“แม่คะ เมื่อกี้แม่กับพี่ชายพูดเรื่องอะไรกันคะ หนู…หนูไม่ใช่ลูก ที่เกิดจากแม่กับพ่องั้นหรือคะ”เพ็ญจิตพูดด้วยเสียงสั่นคลอ เธอ ไม่กล้าที่จะเชื่อและไม่สามารถที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ แม่จะไม่ใช่ แม่แท้ๆของเธอได้อย่างไรกัน ใครๆต่างก็บอกว่าเธอกับแม่คล้าย กันมาก เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
“เพ็ญจิต ลูกพูดอะไรนะ”คุณอุดมที่เพิ่งเข้ามาทีหลังจ้องบุตรสาว ตนเองด้วยความตกใจ พลางใช้สายตานําหนิภรรยาและลูกชาย ตัวเอง
เพ็ญจิต ถึงลูกจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แต่ยี่สิบกว่าปีมานี้…”
อรรถพลมองไปยังเพ็ญจิตและคิดที่จะเล่าความจริงให้เธอฟังว่า ที่เขากลับมาคราวนี้ ก็เพื่อที่จะพาเธอออกไป เมื่อสบโอกาสได้ พูดออกมาก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องทนและเก็บความรู้สึกตัวเองอีกต่อ
ไป
“ไม่ ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง…”เพ็ญจิตเอามือปิดหู ร้อง ตะโกนเสียงดัง และวิ่งรุดออกไป
“เพ็ญจิต เพ็ญจิต”
คุณอุดมร้องเรียก แต่เพ็ญจิตวิ่งไปอย่างรวดเร็วจน แค่พริบตา เดียวก็ไม่ได้เห็นเงาของเธอแล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้ ลูกจะไปไหน”อรรถพลคิดจะวิ่งตามออกไป แต่กลับ ถูกแม่คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“แม่ ปล่อยผม เพ็ญจิตวิ่งออกไปคนเดียวแบบนี้มัน
อันตราย อรรถพลสบัดมือแม่ออก คิดจะวิ่งตามเพ็ญจิตออกไป
ฝั่งเพ็ญจิตที่รีบวิ่งออกมา เมื่อเจอสุวิทย์จึงวิ่งเข้าไปในอ้อมกอด ของเขาทันที
“เพ็ญจิต คุณเป็นอะไร”สุวิทย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อครู่เขาเหมือน จะปะหน้ากับพ่อของเพ็ญจิตเข้าแล้ว หรือว่าจะเป็นเพราะเขากัน?
“เราไปกันเถอะ”เพ็ญจิตหันกลับไปมองแล้วคว้าแขนสุวิทย์วิ่ง ออกไปยังถนน ขณะนั้นมีรถผ่านมาพอดีจึงรีบโบกมือเรียกแล้ว ขึ้นรถไปในทันที
“เพ็ญจิต ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณถูกคุณแม่ด่า? หรือว่าถูก คุณพ่อตีหรือ? “สุวิทย์เมื่อเห็นเพ็ญจิตเอาแต่ร้องไห้ก็ยิ่งเป็นห่วง มากขึ้น
“ฮือๆๆ … ฉันเสียใจมาก ใจฉันมันปวดร้าวไปหมด รอฉันร้องไห้ จนพอใจแล้วจะเล่าให้คุณฟังเอง ฮือๆ…” เพ็ญจิตหันมาพร้อมกับ น้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้า ร้องไห้กระซิกๆ เมื่อพูดจบก็ปล่อยโฮออกมา คิ้วของสุวิทย์จึงขมวดเข้าแน่นแล้วแน่นอีก
เขาเกลียดน้าตาของผู้หญิงอย่างสุดใจ เพราะมันทำให้ผู้หญิง มองดูแล้วยิ่งอ่อนแอลงไปอีก ใครๆก็บอกว่าน้ำตาของผู้หญิงนั้น ทําให้พวกผู้ชายใจอ่อน แต่สําหรับเขาแล้วนั้นมันกลับน่ารำคาญ เสียมากกว่า
“คุณผู้ชายครับ คุณจะลงที่ไหนครับ คนขับรถก็ดูเหมือนจะรับไม่ ได้เช่นกันอย่างเห็นได้ชัดจึงได้เอ่ยถามสุวิทย์ขึ้น
“ไปที่รุ่งอรุณโฮเทลแล้วกันครับ”สุวิทย์ไม่มีทางเลือก เพ็ญจิตที่ เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนี้นอกจากโรงแรมแล้วจะสามารถไปที่ไหน ได้อีก
“เพ็ญจิต ถึงแล้ว พวกเราขึ้นไปข้างบนแล้วคุณค่อยร้องต่อดึ ไหม”เมื่อรถจอดลง ถ้าหากสวิทย์ไม่พูดแบบนี้ออกมา แล้วปล่อย ให้เพ็ญจิตเอาแต่ร้องล่ะก็ มีหวังพนักงานได้โทรแจ้งตำรวจแน่
“ก็ได้ ฉันไม่ร้องแล้วก็ได้” เพ็ญจิตทำจมูกฟุตฟิตแล้วยอมลง จากรถลงเพราะเสียงรบเร้าจากคนขับรถ
อันที่จริงแล้วสุวิทย์ไม่อยากเห็นภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง แต่เมื่อลงจากรถ เพ็ญจิตก็เอาแต่เกาะแขนของเขา แม้เขาอยาก จะสดเท่าใดแต่ก็สบัดไม่ออก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ