ตอนที่ 4 คนละชิ้น
“โยวเอ๋อร์!! “น้องสาว!” สิ้นเสียงของเพิ่งเขียนโยว ในบ้านก็ เกิดเสียงอุทานร้องดังขึ้นสองเสียง
เพิ่งเสียนวางถ้วย ในมือลง แล้วรีบเข้าไปพูดกับเม็งเซียน โยวอย่างไม่รอช้า “น้องสาว เรื่องนี้จะเอามาเดิมพันไม่ได้เด็ด ขาดนะ” เขาหันไปพูดกับเพิ่งต้าจีนอีกว่า “ลุงใหญ่ น้องสาวยัง เด็ก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ท่านอย่าฟังนางเด็ดขาดนะ ขอรับ”
“ใช่แล้ว โยวเอ๋อร์ เรื่องนี้หลานจะตัดสินใจเองไม่ได้ ต่อ ให้เราจนอย่างไร เราก็ไม่มีทางขายลูกชายหลาน ท่านย่ากับ ท่านหลานแก่แล้ว มีชีวิตไม่กี่ปีก็ตาย ปล่อยให้เจ้าลูก อกตัญญู ทรมานไปเถอะ” หญิงชราพูดด้วยความร้อนใจ
“ยุ่งอะไรกันนักหนา เรื่องนี้นั่งตัวดีเป็นคนพูดเอง ข้าไม่ได้ บีบบังคับ อีกอย่างไปเป็นสาวใช้บ้านเศรษฐีไม่ดีตรงไหน ได้กิน อิ่มอยู่สบาย หากบังเอิญถูกนายท่านคนไหนต้องตาเข้า เอาไป เป็นอนุของเขา พวกท่านก็จะได้สุขสบายไปด้วยอย่างไร เห็น ท่าทีไม่ค่อยดี เพิ่งต้าจีนจึงรีบร้องโวยวาย
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าลูกอกตัญญู อยากให้พวกเรา โมโหายหรือยังไง” หญิงชราพูดจบก็หยิบตะเกียบในมือขว้าง ใส่เพิ่งต้าจีนอย่างแรง
“ตี ตีแรงๆ เลย จัดการเจ้าลูกบัดซบนี้ให้ตาย” ชายชรา ร้องตะโกนอย่างฉุนเฉียว
“ท่าน ท่านย่า อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ ความคิดนี้ข้าเป็น คนพูดเอง อย่าไปโทษลุงใหญ่เลย เมื่อข้าพูดได้ ก็ต้องมีวิธี ทำให้ได้” เพิ่งเชี่ยนโยวปลอบประโลมสองผู้เฒ่าชรา
“โยวเอ๋อร์เอ๊ย ปีนี้เก็บเกี่ยวไม่ดี มีหลายครอบครัวไม่มี ข้าวให้กิน ผู้ใหญ่หลายคนกลัดกลุ้มจนผมขาวไปทั้งหัว หลาน อายุแค่นี้จะมีวิธีอะไร เชื่อย่าเถอะนะ อย่าไปให้เงื่อนไขอะไรกับ ลุงใหญ่ทั้งนั้น เจ้าคนเลว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น!” หญิง ชราโน้มน้าวใจอย่างมีความหมายแฝง
“ท่านปู่ท่านย่าวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ในเมื่อข้ากล้ารับปาก ลุงใหญ่แล้วก็จะต้องทำให้ได้ ไม่เพียงจะทำให้ลุงใหญ่มีเนื้อกิน ทั้งยังจะทำให้ครอบครัวเราทั้งหมดมีกินมีใช้ไม่ลำบากอีก” เพิ่ง เขียนโยวเอ่ยปากแน่วแน่
เพิ่งเรียนอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา เห็นแวว ตาเด็ดเดี่ยวของน้องสาวแล้ว คำพูดที่ริมฝีปากก็ถูกกลืนลงไป แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยต่อไปชีวิตของท่าน ท่านย่าจะได้สบายใจ ขึ้น ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอีก อย่างมากตัวเองพอ ไม่มีงาน ขึ้นเขาให้บ่อยหน่อยก็ได้
เพิ่งต้าจีนเบ้ปากพูดกับตัวเอง : นั่งตัวดีปากกล้าดีนัก! ถ้า ทำไม่ได้ คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง
ชายชรามองไปที่เพิ่งเขียนโยว หลานสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่ตรงนั้น รอบตัวกลับมีพลังที่น่าเชื่อถือประหลาดแผ่ออกมา จา ต้องพูดกับหญิงชราว่า “ยายแก่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไว้ข้าหาย ป่วยแล้ว ยังพอช่วยได้อีกแรง
มองชายชรา แล้วก็มองเพิ่งเชี่ยนโยว ในที่สุดหญิงชรา กลืนคำพูดที่มุมปากนั้นลงไป ทำได้เพียงถอนหายใจยาว
“ลุงใหญ่ตัดสินใจได้หรือยังเจ้าคะ” เพิ่งเชี่ยน โยวหันไป
ถามเพิ่งต้าจิน
“ข้าตกลง!” เห็นทุกคนถูกเพิ่งเชี่ยนโยวพูดให้ยอมได้แล้ว
เพิ่งต้าจินก็รีบรับค่
“แล้วหากลุงใหญ่ทำไม่ได้จะทำยังไง” เพิ่งเชี่ยนโยวถาม
“เจ้าจะเอายังไง”
“ง่ายมากเจ้าค่ะ ถ้าลุงใหญ่ทำไม่ได้ ต่อไปท่านปู่ท่านย่า จะต้องไปอยู่บ้านของพวกเรา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านใหญ่
อีก!”
เมื่อได้ฟังเงื่อนไขของเพิ่งเชี่ยนโยว แววตาของเพิ่งต้าจีนก็ สะท้อนออกมา มองพ่อแม่ตัวเอง แล้วก็มองไก่ในถ้วย กัดฟัน แล้วตอบ “ตกลง” ตอนที่เดินออกมาจากประตูบ้านใหญ่ ฟ้าก็ มืดสนิทแล้ว
“พี่ใหญ่ เงื่อนไขที่ข้ารับปากกับลุงใหญ่ พี่ไม่บอกพ่อแม่ ได้หรือไม่เจ้าคะ ขากลัวพวกท่านเป็นห่วง ระหว่างทางเดินกลับที่มืดสนิท เป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่เอ่ยปากขึ้นก่อน
“อือ” เพิ่งเรียนรับอย่างง่ายๆ
“พี่ใหญ่ไม่สบายใจหรือ กำลังตำหนิที่ขาตัดสินใจโดย ผลการใช้หรือไม่” นางถามขึ้น
“พี่ไม่ได้ตำหนิเจ้า พี่กำลังตำหนิตัวเอง พี่ไม่ได้เรื่อง ช่วย พ่อแม่แบกรับครอบครัวเราไม่ได้ ทำให้น้องสาวต้องถูกรังแก เพิ่งเสียนลูบหัวของเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแผ่วเบาแล้วพูดต่อ “เจ้า วางใจเถอะ นับจากวันนี้ไปที่จะขยันทำงานให้มาก พี่จะไม่ยอม ให้นางถูกขายไปเด็ดขาด”
“ข้าเชื่อพี่ใหญ่เจ้าค่ะ”
“อือ”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว เพิ่งเรียนร้อง
ตะโกนข้ามบานประตูเข้ามา
ได้ยินเสียงร้อง ทุกคนในบ้านก็มองตรงมาพร้อมกัน
“เสียนเอ๋อร์ เหตุใดถึงเพิ่งกลับมา แม่กำลังจะให้พ่อไปหา พวกลูกอยู่พอดี” เห็นลูกชายลูกสาวที่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว หญิงสาวถอนหายใจโล่งอกถาม
“พวกเราท่านท่านย่ากินข้าวเสร็จถึงกลับมาขอรับ เพิ่งเสียนมองเพิ่งเขียนโยวแวบหนึ่ง ตอบอย่างรู้สึกผิด
“รีบกินข้าวเถอะ แม่ลูกอุ่นกับข้าวไว้ให้อีกรอบแล้ว” ชาย หนุ่มพูดไปพลางยกโต๊ะเก่าตัวหนึ่งมาตั้งกลางลานบ้าน เพิ่งรีบไปหยิบตะเกียงและถ้วยตะเกียบออกมาจากเพิ่งเล็กๆ สร้างไว้ข้างๆ เด็กตัวน้อยหยิบเก้าอี้สองสามตัวมาให้อย่างรู้ ความ
อาหารถูกวางลงบนโต๊ะ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เพิ่ง เขียนโยวก็ยังงงกับสิ่งตรงหน้า ข้าวต้มคนละถ้วยจางจนมอง เห็นเม็ดขาวที่นอนอยู่ก้นถ้วย แป้งทอดไส้ผักไหม้เกรียมที่ไม่รู้ ว่าใช้อะไรทำ ถ้วยเล็กๆ ถ้วยหนึ่งวางอยู่กลางโต๊ะ เห็นชัดว่านี่ เป็นสิ่งที่เรียกว่า “กับข้าว
“วันนี้พวกเราจะกินพวกนี้หรือเจ้าคะ” เพิ่งเชี่ยนโยวถาม อย่างแคลงใจ ในความทรงจําแม้ครอบครัวนี้จะยากจน แต่ก็ ไม่ถึงขั้นกินไม่อิ่มท้องเช่นนี้
แน่นอนว่าไม่ใช่ ยังมีเนื้อไก่ไว้ให้โยวเอ๋อร์ของพวกเรา กิน” แม่พูดไปพลางยกถ้วยเนื้อไก่มาวางตรงหน้าเพิ่งเชี่ยนโยว
เมื่อเห็นเนื้อไก่ไม่กี่ชิ้นในถ้วยตรงหน้า และมองกับข้าวที่ เหลืออย่างอื่น เพิ่งเรียนโยวก็รู้สึกพูดไม่ออก แม้จะเพิ่งมาอยู่ บ้านนี้ได้เพียงวันเดียว แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไม่เคย ได้รับมาตลอดชีวิตยี่สิบปีในชาติก่อน มีพ่อแม่รักเอ็นดู มีพี่น้อง คอยปกป้อง
“เหตุใดโยวเอ๋อร์ถึงไม่กินล่ะ ยังปวดหัวอยู่ใช่หรือไม่ เห็นเพิ่งเขียนโยวไม่ยอมขยับตะเกียบ หญิงสาวจึงถามอย่าง เป็นห่วง
“พวกเรากินด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ!” เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติคืนจากภวังค์ แล้วผลักถ้วยไปไว้ตรงกลาง
“พ่อกับแม่ไม่กิน” หญิงสาวพูด
“พวกเราก็ไม่กิน” เมิ่งเสียน เพิ่งฉีก็พูด
“เจี่ยเอ๋อร์ก็ไม่กินขอรับ” เด็กตัวน้อยก็รีบพูด
“เนื้อไก่หอมมากเลยนะ เจียเอ๋อร์ไม่กินจริงๆ หรือ เพิ่ง เขียนโยวพูดหยอกเย้ากับเด็กน้อย
เมื่อครูท่านแม่ตักน้ำซุปหนึ่งทัพพีให้ข้าดื่มแล้ว อร่อย มาก พี่สาวกินเนื้อไก่เถอะ กินแล้วพี่จะได้ไม่ปวดหัวอีก” เด็กตัว น้อยพูดด้วยความเดียงสา
เพิ่งเชี่ยนโยวขอบตาขึ้น ความรู้สึกในใจเอ่อทะลุกขึ้นมา อีกครั้ง ครอบครัวนี้ทำให้เธอซาบซึ้งใจมากเกินไปแล้ว
“หากทุกคนไม่กิน เช่นนั้นข้าก็ไม่กิน” เพิ่งเชี่ยนโยวผลัก ถ้วยออกไป จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ารู้ว่าเมื่อ ก่อนขาเอาแต่ใจ ไม่รู้ความ คิดว่าพวกท่านสมควรต้องรักข้า พวกพี่ๆ สมควรต้องยอมให้ข้า ของดีๆ สมควรต้องให้ช้ากิน แต่หลังจากหกล้มครั้งนี้ข้าก็เข้าใจแล้วว่าข้าโตแล้ว จะงอแง ไม่รู้ความอีกไม่ได้แล้ว ต่อไปข้าจะกตัญญูกับท่านพ่อท่านแม่ จะขยันทำงาน และเมื่อมีของดีก็ต้องกินด้วยกัน
“โยวเอ๋อร์ ลูก… หญิงสาวเผยอปากเหมือนจะพูดอะไร “เอาล่ะ เชื่อลูกเถอะ คนละชิ้น เสียนเอ๋อร์และจีเอ๋อร์ก็ยัง
อยู่ในวัยเจริญเติบโต” ชายหนุ่มตัดบทที่หญิงสาวจะพูด หยิบตะเกียบขึ้นมาคืบเนื้อใส่ในถ้วยเด็กตัวน้อยก่อนเป็นคนแรก
หญิงสาวถอนหายใจออกมา คืบเนื้อให้ลูกชายทั้งสอง คนละชั้นเช่นกัน
“ท่านพ่อท่านแม่ก็กินด้วย” ลูกทั้งสามส่งเสียงพูดพร้อม
เมื่อมองดูสายตาดึงดันของลูกๆ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือก แต่ละคนคบคนละชิ้นเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ
ทันใดนั้น บ้านที่ซอมซ่อหลังน้อยก็เต็มไปด้วยบรรยากาศ
อบอุ่น
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เพิ่งชื่อก็เก็บกวาดล้างถ้วย เพิ่ง เขียนโยวไม่ต่อรองจะช่วยอีก เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ย ประเมิน บ้านที่แสนยากจนหลังนี้อย่างละเอียด บ้านสามห้องนอนหันไป ทางทิศเหนือ ดูมีอายุประมาณหนึ่งแล้ว บนหลังคามีหญ้าขึ้น บางจุด ยังดีที่ไม่มีรอยรั่วรอยแตก ฝั่งตะวันตกของบ้านมีบ้าน มุงจากหลังหนึ่ง ในความทรงจำของเธอนั้นเป็นที่อาศัยของพี่ ชายเพิ่งทั้งสองคน ด้านหน้าบ้านมุงจากเป็นเพิงเล็กหลังหนึ่ง เป็นห้องครัวของครอบครัวนี้ ติดกับห้องครัวคือเตาไฟขนาด ใหญ่อันหนึ่ง แม้ตัวบ้านจะกว้าง ทั้งสี่ด้านล้อมเป็นกำแพงด้วย ต้นไม้ขนาดเล็ก ตรงกลางเป็นทางเดินไปยังบานประตูไม้ “ก็ไม่ เลว” เพิ่งเขียนโยวประเมินดูโดยรอบ พิมพ์ให้คำติชม
“น้องสาว พรุ่งนี้พี่ใหญ่จะไปหางานทำในเมือง เจ้าอยาก กินอะไร ที่ได้เงินค่าแรงมาจะซื้อให้เจ้า” เพิ่งเรียนเดินมาพูดข้างเมิ่งเขียนโยว
เพิ่งเขียนโยวนิ่งอึ้ง “พี่ใหญ่ก็ไปด้วย
“อือ งานในท้องนาท่าเกือบหมดแล้ว ที่เหลือแม่กับน้อง รองท่ากันเองได้ พี่ถามพ่อแม่แล้ว พวกท่านอนุญาตให้พี่ไป
“พี่ตัวแค่นี้ จะมีคนใช้งานหรือ” ในสังคมสมัยนี้ นี่เป็นการ ใช้แรงงานเด็กชัดๆ
พ่อบอกว่า อาจจะหาได้น้อยหน่อย ได้วันละห้าอีแปะ แต่ ว่าหากถูกใจเถ้าแก่คนไหน ได้ทำงานระยะยาว ก็จะได้เงินเยอะ
เอง”
“พี่ใหญ่อยากทํางานระยะยาวหรือ
“อือ ทํางานระยะยาววันหนึ่งจะได้ยี่สิบอีแปะ พอมีเงิน ท่านพ่อท่านแม่จะได้ไม่ต้องลำบากแบบนี้”
“ทำงานระยะยาวก็จะไม่ได้กลับบ้าน พี่ใหญ่ไม่คิดถึงบ้าน
เกิดเป็นความนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
“เวลาที่งานไม่ยุ่ง พี่จะบอกเถ้าแก่ขอกลับบ้านมาหาพวก เจ้า” ครู่หนึ่ง เพิ่งเรียนก็ตอบ
“ข้ามีเรื่องอยากจะถามพี่ใหญ่” เมื่อเห็นสีหน้ากล้ำกลืน ของเพิ่งเรียนแล้ว เพิ่งเซี่ยนโยวก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“เรื่องอะไรหรือ” เพิ่งเรียนเรียกกำลังใจถาม
“ข้าจำได้ว่าบ้านเรายังมีเสบียงอาหารอีกมาก เหตุใดการ กินวันนี้ถึงได้แย่เช่นนี้”
เพิ่งเรียนมองเพิ่งเรียนโยว เผยอปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร
ออกมา
“เพราะว่าข้า ใช่หรือไม่ เห็นสีหน้าเพิ่งเรียนแล้ว เพิ่ง เขียนโยวก็พูดอย่างมั่นใจ
พอเห็นว่าปิดบังไม่ได้ เพิ่งเสียนพิจารณาถ้อยคำพูดว่า
“เจ้าล้มหัวกระแทก สลบไสลไม่ยอมฟื้น หมอในหมู่บ้านบอกว่า ไม่มีทางรักษา ท่านพ่อท่านแม่ก็เลยเชิญหมอที่มีชื่อในเมืองมา ถึงช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ได้ แต่ในบ้านไม่มีเงินจ่ายค่ายาและค่า รักษามากขนาดนั้นแล้ว จำต้องเอาเสบียงอาหารในบ้านไป ขาย สินสมรสของท่านแม่ก็ขายไปแล้ว”
“แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ในบ้านยังมีไข่ไก่ที่ป้าใหญ่ส่ง มาให้เจ้ากิน” เพิ่งเรียนกลัวว่าเพิ่งเชี่ยนโยวจะเสียใจจึงรีบพูด ออกมา
เพิ่งเชี่ยน โยวมองเพิ่งเสียนอย่างเหม่อลอย เกิดความรู้สึก ที่พูดไม่ออก สวรรค์จะต้องสงสารที่ชาติที่แล้วเธอโดดเดี่ยวเกิน ไป ดังนั้นจึงส่งครอบครัวที่มีขนาดมาตรงหน้าเธอ
“น้องสาว!” เห็นเพิ่งเขียนโยวมีอาการเหม่อลอย เพิ่งเรียน จึงลองเอ่ยปากเรียกขึ้น
“พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าไม่อาละวาดหรอก” เพิ่งเขียน โยวพูดแฝงรอยยิ้มจางๆ
เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งของนางแล้ว เพิ่งเรียนกลอบถอน หายใจออกมาอย่างโล่งอก ท่านพ่อท่านแม่กำชับเด็ดขาดว่าไม่ ให้พวกเราบอกน้องสาว กลัวว่านางจะเสียใจรู้สึกผิด ร้อง โวยวายอาละวาด ทำให้อาการป่วยกำเริบ ไม่คิดว่าน้องสาวจะ คาดเดาได้เอง ตัวเองจึงไม่อาจปิดบังต่อได้อีก
“น้ำร้อนต้มเสร็จแล้ว โยวเอ๋อร์รีบไปอาบน้ำเถอะ” หญิง สาวส่งเสียงดังลอยมา “พวกลูกกับพ่อรีบไปอาบน้ำได้แล้ว จะ ได้รับนอน พรุ่งนี้ต้องเข้าเมืองไปแต่เช้า หากไปสายก็จะไม่มี งานให้ทํา
“ขอรับ!”
“รู้แล้วขอรับ!”
เพิ่งเชี่ยน โยวตักน้ำมาหนึ่งกะละมังเดินเข้ามาเช็ดตัว ลวกๆ ในห้องฝั่งตะวันตก แล้วเอนตัวไปบนเตียงอย่างเหนื่อย ล้า พูดทอดถอนใจว่า : ร่างนี้แตกต่างกับชาติที่แล้วมากจริงๆ ชาติที่แล้วตอนกลางวันต้องฝึกฝนอย่างผิดมนุษย์ ตอนกลาง คืนยังไม่กล้าข่มตาหลับ กลัวถ้าหลับเต็มอิ่มจะมี “ญาติ” คน ไหนมาตามฆ่าถึงในฝัน ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ก็ยัง ไม่รู้สึกเหนื่อยมากเหมือนวันนี้ ดูท่าจะต้องกำหนดแผนการ อย่างชัดเจน ให้ตัวเองมีระดับร่างกายที่เหมือนกับชาติที่แล้ว ให้ได้โดยไว
หยิบผ้าห่มผืนเก่าห่มไว้บนตัว สูดดมกลิ่นแล้วพูด : โชคดี ที่ร่างเดิมรักความสะอาด ไม่อย่างนั้นยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะนอนหลับได้หรือเปล่า
คิดได้เท่านี้ ดวงตาก็ค่อยๆ ปิดลง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ