ตอนที่ 11 อดใจรอกินน้องสะใภ้ไม่ไหว
อาทิตย์อัสดง แสงดวงอาทิตย์ยามตกดินระบายลง ไปบนท้องฟ้าสีฟ้าผืนใหญ่ เส้นสีทองบรรยากาศต้นฤดู ร้อนอันอบอุ่น ความอบอุ่นและไอเย็นบางๆกลิ่นดอกไม้ แกว่งไกว
นาราปฏิเสธคำเชิญร่วมทานอาหารค่ำจากเพื่อนร่วม งานคนอื่นๆ เดินออกจากตึกตามลำพัง เธอยอมเลือก ทานคนเดียวมากกว่าที่จะไปทานข้าวกับคนแปลก หน้ากลุ่มหนึ่ง นั่นอาจจะเป็นเพราะว่านิสัยเคยชิน หรือ อาจจะเป็นเพราะเวลาอยู่คนเดียว เธอไม่จำเป็นต้อง ระมัดระวังตัวทำให้ได้ผ่อนคลายสมอง
เธอจำตอนที่อยู่นิวยอร์กได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เธอใช้ชีวิตอย่างหวาดหวั่นอยู่ตลอดเวลาความระแวด ระวังเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเหมือนเป็นนิสัยไปแล้ว ช่วงวัน เวลาเหล่านั้นเป็นรอยที่ไม่อาจจางหายไปชั่วชีวิตของ เธอ
ช่วงบ่ายไวทยุตออกไปพบลูกค้าและไม่กลับมา ถ้า ไม่มีคนขับรถให้ฟรี เธอก็เลือกที่จะนั่งแท็กซี่กลับ แต่ ไม่ทันคิดว่าจะมีเมอร์เซเดสไมบัครถสุดหรูราคาแพง หนึ่งคันมาจอดหน้าเธอ
รถที่คุ้นเคย ราวกับได้ยินเสียงบุณวัทน์ที่แนะนำรถ คันนี้ยังดังก้องอยู่ในหู ลึกในดวงตาเธอเปล่งแสงแห่ง ความลับเงียบๆหนึ่งเส้น ปากที่ทาสีแดงแย้มยิ้ม
ธีมนต์ลดหน้าต่างรถลง ค่อยๆเผยหน้าหล่อๆโดยที่ ไม่มีสิ่งใดกั้น “คุณทนายนารา พวกเราพบกันอีกแล้ว นะ”
นาราเอาสองมือกอดอก นิ้วที่เรียวยาวที่อยู่บนต้นแขน เคาะเป็นจังหวะ “แต่จากที่ฉันเห็นนี่ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ เลยนะคะ?”
ใบหน้ามีเสน่ห์ของธีมนต์ค่อยๆถูกแสงอาทิตย์ตกดิน กลืนไป นัยน์ตาดอกท้องดงามคู่นั้นที่ถูกแสงแดดอบอุ่น แต้มก็ไม่อาจละลายความคมของสายตานั่นได้ “แน่นอน ว่าไม่ใช่บังเอิญ ผมตั้งใจมารอคุณโดยเฉพาะ ขึ้นรถสิ”
นาราปรากฏอาการลังเลชั่วขณะ ภายในใจดีดลูกคิด เสียงดังแก๊งๆ จุดประสงค์แรกของเธอก็คือจรรย์ธร เห็นได้ชัดว่าเธอคือจุดอ่อนของธีมนต์
พอนึกถึงตอนที่ปณิดาพูดถึงเขาสายตาก็นึกสนุกขึ้น
มา…
พอคิดแผนเรียบร้อยเธอก็ขึ้นรถที่จอดอยู่ คาด เข็มขัดนิรภัยแล้วพูดตรงๆว่า “พี่เขยอยากพาฉันไป ที่ไหนเหรอคะ? ร้านอาหารหรือว่า…โรงแรม?”
หลังจากขึ้นรถ แสงที่คลุมเครือก็ย้อมดวงตางดงาม ของเธอ คนงามแสนเย็นชานั่งหน้ารถราวกับจะ แยกแยะคนทั้งสอง
ธีมนต์ผู้ที่ตั้งใจขับรถขยับจัดเสื้อผ้านั่งเรียบร้อย ถูกคำพูดยั่วยุของเธอกระตุ้นอารมณ์ขึ้นมา “ไปสถานที่ที่ เธอสามารถทานอาหารได้ไงล่ะ”
นาราเจตนาแสร้งทำแปลกใจ ขยับไปใกล้เขานิด หน่อย กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆก็เข้าไปสู่ลมหายใจของเขา สติของเขาเริ่มตีกัน “พี่เขย คุณอดใจรอที่จะกินน้อง สะใภ้ไม่ไหวแล้วเหรอ?”
ฉวยโอกาสช่วงไฟแดง เขาหันข้างมองปีศาจสาวข้าง หน้า ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมากจนลมหายใจ ผสมกันจนเขาเห็นแสงเจ้าเล่ห์ในดวงตาเจ้าเธอได้อย่าง ชัดเจน
“ถึงจะเป็นผู้ชายที่กำยำแข็งแรงก็ทนไม่ได้กับการ ยั่วยวนที่มากมายของปีศาจสาว” ในสายตาของธีมนต์ นาราคือปีศาจสาวอย่างไม่ต้องสงสัย หากชิดใกล้ความ งามก็จะตราตรึงอีกทั้งหลงเสน่ห์ราวกับต้องมนตร์ปีศาจ ทว่าเขาไม่อาจลืมความร้ายแรงของพิษของเจ้าเธอ เปรียบเสมือนพิษจากดอกฝิ่น เข้าสู่เส้นประสาทของ คุณสักครั้ง จนในที่สุดคุณก็จะล้มลงและตกลงสู่เหวลึก ที่ไม่มีทางฟื้นกลับคืนได้อีกตลอดไป
“พี่เขย ที่คุณพูดนี่หมายความว่าฉันทำสำเร็จแล้วเห รอ?” นาราขยับเข้าใกล้เขาอย่างกล้าหาญ นิ้วเรียวยาว ตะกายไปบนแขนของเขานอกจากยังไต่ไปบนหน้าอก ของเขายังค่อยๆไต่ลงมาทีละนิดๆอีกด้วย ปากแดงๆ ขยับเข้าใกล้เขาเบาๆ
ความซนชวนหลงใหลของหญิงสาว ทำให้เขาขยับเกร็งหน้าท้อง ความคิดเลวร้ายเริ่มจุดไฟส่งเสียงเอะอะ
เธอไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ ใกล้บริเวณที่รับรู้ไวอีกทั้งยัง เป็นเขตลึกลับ สายตาหยาดเยิ้ม ปากสีแดงอมยิ้มมี เลศนัยแฝงความหมายลึกๆ
ขณะที่เธอกำลังรูดซิปกางเกงของเขา ธีมนต์ก็ยังมือ นุ่มๆของเธอ “ทำเกินไปแล้ว”
เธอไม่ได้มองลำคอที่กลืนน้ำลายของเขา นาราดึงมือ กลับ ลูบไล้ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่ของเขา ส่งเสียงหวาน น่ารักที่ทำให้หัวใจกระเพื่อม “พี่เขย ฉันว่าร่างกายพี่ ซื่อสัตย์กว่านะ”
“ฉันว่าคงเธออยากเอาตัวเองเข้าหาไฟ” สายตาของ เขาถูกสีดำมืดย้อม น้ำเสียงแหบขึ้น
“แต่ไฟนี้ดูไปแล้วไม่น่าคุ้มค่าที่จะเผาตัวฉันเองเลย”
พูดพร้อมกับดรอปเสียงลงในขณะเดียวกันที่รถจอด อย่างนิ่มนวล หลังจากถอดเข็มขัดนิรภัย เขาก็โถม ร่างพิงศีรษะเข้าหาเธอ ระยะห่างของสองคนปลาย จมูกแทบจะแตะกัน ลมหายใจเย็นๆของเขาปะทะเข้า บนใบหน้าเธอ ทำให้เธอเกินความรู้สึกที่ไม่สามารถ บรรยายได้
“ผู้ชายคนอื่นฉันไม่กล้าประเมิน แต่ฉัน…ไม่ ลืม’สายตา’ของคุณอย่างแน่นอน ”
เสียงดังขึ้น”คลิก” เขาช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัยออก “ลงรถ!” พูดเสียงต่ำ เขานำลงรถก่อน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก นาราไม่นึกว่าเขาจะติดเบ็ด ง่ายดายแบบนี้ ในเมื่อเข้าทางแล้วเธอก็คิดเตรียม แผนการยั่วยวน เธอจะไม่ถอยเด็ดขาด
พอทั้งสองคนมาถึงห้องอาหารตะวันตกสุดหรู ผู้ จัดการที่ทราบถึงการมาของเขาก็พาไปยังห้องส่วน ตัวอย่างกระตือรือร้น
ห้องส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความหรูหรา หลังจากที่นารา ก้าวเข้าไปดูรอบๆก็ได้ข้อสรุปหนึ่งอย่าง ที่นี่เหมือนตาม ที่เขาพูดไว้ เธอสามารถทานอย่างที่อยากทานได้ แต่ว่า เธอ…จะไม่ให้เขาสมหวัง
“คุณธีมนต์โปรดรอสักครู่ ผมจะไปสั่งทางครัวให้ เสิร์ฟอาหารทันทีครับ”
“อั้ม” ธีมนต์ขานตอบอย่างเฉยเมย หันกลับมามอง นาราที่นั่งอยู่บนโซฟา มุมปากมีความสนใจปรากฏออก มา
ผู้จัดการเข้าใจดีจึงปิดประตูห้องส่วนตัวก่อนจะเดิน ออกไป นี่ยิ่งเปิดทางทำให้เขาได้ใจ
ทันทีที่นั่งลง เขาก็ไม่สนใจสิ่งใดจับนารากดลงบน โซฟา อยู่ในท่าที่ผู้ชายอยู่ด้านบนหญิงสาวอยู่ด้านล่าง อำนาจอยู่ในกำมือของผู้ชาย นาราเองก็ไม่ได้กังวลอะไร คอขอเขาพาดลงบนเขียงเรียบร้อยแล้ว “ฉันยัง ไม่ได้ทานข้าวเลย ถ้าต้องออกกำลังกายทันที ฉันคงทน ไม่ได้แน่”
“ทำไมต้องกลัวในเมื่อต้องการจริงอยู่แล้วนี่?” ธีมนต์ อยากเห็นว่าเธอจะกล้าได้มากขนาดไหน
“กลัว?” นารายิ้มบางๆ “มันคืออะไรฉันไม่รู้จัก!”
“งั้นขอฉันชิมหน่อยว่าปากน้อยๆของคนที่ไม่ยอมคนมี รสชาติยังไง…
“ก๊อกๆๆ”ไม่ทันรอให้เขาได้จูบลงมา บริกรแขกผู้ไม่ ได้รับเชิญก็มาถึง
หางคิ้วของธีมนต์แสดงอารมณ์ไม่พอใจ แต่นาราผลัก เขาออกไปได้จังหวะพอดี “พี่เขย ฉันว่าสวรรค์คงเห็นใจ ร่างกายที่อายุมากแล้วของคุณ ควรเติมท้องให้เต็มก่อน จะออกกําลังกายนะ!”
ธีมนต์กลับไปที่เดิมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้า มา”
กลิ่นดินปืนคุกกรุ่น บริกรก็รู้ว่าตัวเองเผลอเข้ามาตรง ปากกระบอกปืนเข้าแล้ว หลังจากรินไวน์แดงก็รีบเผ่น ออกไป
แม้เขาคิดอยากเริ่มต้นอีกครั้งในเวลาต่อมาแต่ก็ไม่มี โอกาสอีกแล้วเพราะบริกรทยอยกันยกอาหารเข้ามาพวกเขาจึงจําใจต้องทานอาหารเย็นกันอย่างสงบเสงี่ยม
นาราจิบไวน์แดงตาเหลือบมองไปทางนิ้วมือเรียวยาว ของเขา “พี่เขย มือคุณใช้ตัดสเต็กได้สวยเท่ากันดีนะ ไม่รู้ว่าผ่านผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่แล้ว?”
ถูกรุกกระตุ้นอย่างกะทันหัน ธีมนต์ชะงักไปนิดหน่อย ตอนที่เขาดึงสติกลับมาได้ก็พบว่าใต้โต๊ะมีการขยับ ปลายเท้าซุกซนของเจ้าเธอแหย่เล่นที่ปลายกางเกงชุด สูทของเขา “ฉันรู้ได้นะว่าคุณกำลังหิวกระหายทนแทบ ไม่ไหว หลงเสน่ห์ฉันเข้าแล้วล่ะสิ?”
ในที่สุดธีมนต์ก็พบว่าปีศาจสาวคนนี้ล่อลวงเขาไม่ หยุด ทุกครั้งที่เขาต้องการจะหยุดแต่เขาจะหยุดก็ไม่ ได้เลิกก็ไม่ได้
“พี่เขย ฉันว่าคุณมีความมั่นใจในตัวเองไม่เหมือนคน ทั่วไป” รอยยิ้มบนมุมปากของนาราค่อยๆหายไป เท้า เองก็ปล่อยหยุดเคลื่อนไหว ทานอาหารค่ำอย่างสงบ เงียบๆ
ทุกอย่างปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะเป็นเรื่อง ไม่จริงไปอย่างนั้น
ลูกตาแหงนมองเธออีกครั้ง ใบหน้าต่อต้านผู้คนแสน เยือกเย็นกลับมาตามเดิม ธีมนต์ขมวดหัวคิ้ว ช่วงที่ กำลังคิดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอดูที่หน้าจอน้ำเสียงก็ อ่อนลง “แม่?”
“ลูก ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? มีใครอยู่ด้วย?” เสียงคุณ หญิงเพ็ญรดีดังมาบางส่วน บรรยากาศเงียบสนิท ไม่ ง่ายเลยที่นาราจะท่ามองข้ามเสียง ธีมนต์ที่เผชิญกับ คำถามของแม่พูดออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ทาน ข้าวอยู่”
“ไปกินกับนังจิ้งจอกไหนล่ะ?” พูดได้เลยว่าลาง สังหรณ์คุณหญิงเพ็ญรดีแม่นยำมาก
เขาอยู่กับแม่หนูจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์อยู่จริงๆทำให้เขา เกือบจะหัวเราะออกมา “แม่ มาสนใจเรื่องส่วนตัวของ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ตอนนี้นาราเกือบจะถูกกินแล้วแค่นั่งเฉยๆหยิบส้อม เงินป้อนผลไม้ให้กับเขา
“แกเป็นลูกของฉัน เป็นธรรมดาที่จะสนใจชีวิตของ แก จรรย์ธรมารอแกนานแล้ว แกรีบๆกลับมาได้แล้ว” ในที่สุดคุณหญิงเพ็ญรดีก็บอกจุดประสงค์ของการ โทรศัพท์มา
“รู้แล้ว วางล่ะ”
“เดี๋ยวสิ แกใช้ท่าทีเฉยชาปฏิบัติต่อแม่แบบนี้มันควร แล้วหรือไง?” เขาอยากรีบๆวางหูแต่คุณหญิงเพ็ญรดีไม่ ยอมวาง
“แม่ขอเวลาผมทานข้าวให้เสร็จหน่อยได้ไหม?”
“เร็วเข้าล่ะ…ตุ๊ดๆๆ” คุณหญิงเพ็ญรดีวางสายอย่าง ไม่มีพิธีรีตอง
เขาวางโทรศัพท์ลง จับมือเธอ นิ้วที่เรียวยาวลูบไล้ผิ วนุ่มๆของเธอ “วันนี้ถือว่าเธอดวงดี ครั้งหน้าเธอต้องได้ เสพสุขแน่นอน”
“พี่เขย มีคนรอคุณอยู่ที่บ้านนานแล้วนะ!” นารายิ้มให้ อย่างซุกซนและขยิบตาให้
ธีมนต์ฮึดฮัดอย่างเย็นชา ลึกในตาแผ่แสงที่บ่งบอกว่า จะต้องทำให้ได้ออกมา ครั้งหน้าจะไม่ยอมให้แม่ปีศาจ สาวคนนี้หนีไปได้เด็ดขาด!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ