บทที่ 1 เลือกฉัน
บทที่ 1 เลือกฉัน
ในเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สาดส่องครอบคลุมไปทั่วทั้ง เมืองหนิง
บนท้องถนนเส้นหนึ่งในเมือง ฉู่เทียนเจียงยืนอยู่ด้าน ล่างต้นไม้ อย่างไม่ขยับเขยื้อน
มองดูผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปมา ทำให้เขา รู้สึกนับร้อยนับพันยากที่จะอธิบาย
ผู้ที่ใช้ชีวิตฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาสี่ปี ในที่สุดฉันฉู่เทียน เจียงได้กลับมาแล้ว เมียจ๋า ไม่รู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้าง…..
มีคนเดินผ่านเขาไปแล้วหยุดก้าวเดินมองเขาอยู่พักหนึ่ง วัยรุ่นคนนี้ช่างแตกต่างจากคนทั่วไป
ร่างสูงยาวแต่หุ่นกลับไม่ใหญ่โตบึกบึน เปรียบดั่งนก อินทรีท่องราตรีในยามรัตติกาล มีดวงตาเรียวยาวคมกริบ ซ่อนอยู่ในนั้น ความกว้างใหญ่ในความลึกล้ำนั้น ราวกับ จะดูดกลืนแสงแรกของเช้าตรู่ให้หมดสิ้น
ทันใดนั้นก็มีเงาของใครบางคนเข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า
“ท่านนายพลครับ ผมได้ทำการตรวจสอบแล้วครับ ที่อยู่ ของตัวจีนถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ นอกจากนั้น ยังมี อีกข่าวหนึ่ง”
หม่าเหลียง เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของฉู่เทียนเจียง เป็นคน ที่มีความว่องไวรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า แต่เขากลับมีความ รู้สึกลังเลใจอยู่เล็กน้อย
“พูด”
พอเห็นฉู่เทียนเจียงคิ้วขมวดเป็นปม หม่าเหลียงก็รู้สึกตัว ขึ้นในทันที ทั้งเกรงขามและเกรงกลัวในขณะเดียวกัน
“วันนี้เวลาสิบโมงตรงตระกูลฮัวจะทำการเลือกลูกเขยที่ โรงแรมซอสย
เลือกลูกเขยอีกแล้วงั้นเหรอ? ฉู่เทียนเจียงขมวดคิ้ว เป็นปมแน่นขึ้น นึกถึงเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อน การแต่งงาน ระหว่างเขากับฮัวจิ่นถึง ก็มาจากการเลือกลูกเขยเหมือน กัน
“ให้น้องเมียฉันเหรอ? “
ตัวเมิ่งหยวนเป็นน้องสาวแท้ๆของฮัวจั่นถิง มีนิสัยแสบ มาก แต่หน้าตาและรูปร่างของเธอก็โดดเด่นไม่เหมือนคน ทั่วไป ถึงจะไม่อาจเทียบกับฮัวจิ่นถึงผู้เป็นพี่สาวได้ แต่ เธอก็สวยงามมากเลยทีเดียว
“ไม่ใช่ครับ ปะ…..เป็นคุณฮัวจิ๋นถึงครับ”
ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้น ร่างกายของหม่าเหลื ยงเริ่มสั่นเทาขึ้นมา ด้วยความกลัว
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือฉู่เทียนเจียง รักษาการในดินแดน ที่ครอบครองมาเป็นเวลาถึงสี่ปี ชื่อเสียงโด่งดังไกลนับพัน ลี้ เป็นตำนานที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
มีผลงานปกป้องประเทศชาติ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน เทพเจ้าแห่งสงคราม ถึงได้กลับสู่ถิ่นฐานเกิดอย่างภาคภูมิ ได้แบบนี้
เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร ที่ภรรยาของตนจะเลือกสามี อีกครั้งแบบนี้?
หวืด!
ทันใดนั้นก็มีลมพัดขึ้นมาจากพื้นดิน ต้นไม้ที่อยู่ข้างๆล้ม ตึง จนโผล่ให้เห็นรากไม้
หม่าเหลียงก้มรษะลง น้อมรับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออก มาจากตัวของอู่เทียนเจียง เขารู้ดีว่า นายพลของเขาได้ โกรธเกรี้ยวแล้ว
“เอาแล้วสินะตระกูลฮัว คิดว่าเมียฉันเป็นตัวอะไรกัน แน่ แล้วคิดว่าฉู่เทียนเจียงเป็นตัวอะไร โรงแรมสื่อสุ่ยใช่ ไหม? ออกเดินทางกันเถอะ ”
หลังจากที่เปิดประตูรถด้วยความยำเกรงแล้ว มือใหญ่ ของหม่าเหลียงโบกมือ ด้วยความทรงพลัง
“ออกเดินทางได้!
รถเบนซ์รุ่นG63เคลื่อนตัวออกไป ไม่ไกลจากมุมของ ถนน ก็มีรถรุ่นG63ขับตามออกมาหลายคัน ไม่มีป้าย ทะเบียนแขวนไว้ เหมือนรถคันที่ฉู่เทียนเจียงนั่งอยู่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ณ ประตูทางเข้าของโรงแรม ซื่อสุ่ย คนที่เดินผ่านไปมาหยุดชะงักกับที่ สายตาทุกคู่ ต่างพากันจดจ้องอย่างตกตะลึง
รถเบนซ์รุ่นG63ทั้งหมดยี่สิบคันขับมาจอดด้านหน้าด้วย ความเร็ว ไม่จำเป็นต้องเติมแต่งใดๆทั้งสิ้น ความทรงพลัง นี้สามารถทำให้ถนนทั้งเส้นเงียบลงได้ภายในพริบตา
*โห นี่มันใครกันเนี่ย ทั่วทั้งเมืองหนิงของเราคงไม่มีบ้าน ใครมีG63เยอะขนาดนี้หรอกนะ”
“ไม่หรอกมั้ง รถหนึ่งค้นราคาสี่ล้านกว่า ยี่สิบค้น……ไม่ กล้าคิดไม่กล้าฝันเลย
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น รถที่นำขบวนอยู่หยุด ลง ฉู่เทียนเจียงเดินลงมาจากประตูด้านหลัง มองดูป้าย ของโรงแรม อสุ่ยครู่หนึ่ง แล้วเดินก้าวไปยังขั้นบันได
โครม!
เสียงของพื้นสั่นสะเทือน ท้องฟ้าถูกเมฆบดบังในทันที ตามมาด้วยรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวของฉู่เทียนเจียง คนที่ เดินผ่านไปมา ต่างถอยหลีกทางให้กับเขา แม้กระทั่ง ไม่ กล้ามองสบตาที่ดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความ
“หล่อจังเลยอ่ะ เท่มาก! พระเจ้าช่วย ถ้าอนาคตข้าง หน้าฉันสามารถแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ได้ ถึงตายก็ไม่ เสียดาย
“ฝันไปเถอะย่ะ เขาไม่เพียงแค่หล่อเท่นะ ยังมีเงินอีก จะ ไปแต่งงานกับคนแบบเธอได้เหรอ? ”
เสียงค่อยๆเงียบลง ในตอนที่ฉู่เทียนเจียงก้าวเข้าไปด้าน ในโรงแรม อสย
ในขณะเดียวกัน งานเลี้ยงบนชั้นห้าก็เต็มไปด้วยความ ครึกครื้น คนพวกนี้ ต่างมาเพื่อร่วมงานเลือกลูกเขยของ ตระกูลฮัว
แต่ภายในห้องบนชั้นแปดนั้น บานหน้าต่างจรดพื้นมี หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดราตรีสีฟ้าอ่อนยืนหันหลัง อยู่ ลำพังแค่แผ่นหลัง ก็สามารถทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วน ตะโกนร้องได้แล้ว
เธอเป็นภรรยาของฉู่เทียนเจียง เป็นผู้หญิงที่มีหน้าตารูป โฉมและมีออร่าคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ถิงถิง”
เสียงของฮัวเหวินฮุยที่เสียงของชายวัยกลางคนดังลอด มาจากโซฟาที่เขากำลังนั่งอยู่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วย ความรู้สึกผิด
ฮัวจิ่นถึงหันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม แต่ ความเจ็บปวดรวดร้าวในแววตาคู่นั้นกลับคมชัดมาก
“รายชื่อพ่อเอามาแล้วนะ ถิงถิง หนู…..เลือกมาหนึ่งคน เถอะ”
แทบจะเป็นในขณะเวลาเดียวกันที่เสียงของฮัวเหวิน ฮุยฟังพูดจบ เยื้องไปอีกหน่อยมีหญิงวัยกลางคนรูปโฉม งดงามนั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยว หลิวหลานผู้ซึ่งเป็นแม่ของฮัว จิ่นถึงก็ได้ตบเก้าอี้ แล้วพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
“เลือกๆๆ! ให้เลือกอะไร ะ คุณดูสิแต่ละคนที่มาเป็น คนอะไรบ้าง ไม่เพียงแค่ไม่สมประกอบ ยังมีคนพิการ คน ไร้ความสามารถ แม้กระทั่งคนบ้าก็มี คิดว่าลูกสาวฉันเป็น ตัวอะไรห้ะ! *
พูดถึงตรงนี้ หลิวหลานก็มองไปที่ฮัวเหวินฮุยที่ไม่พูดไม่ จา ด้วยความโกรธที่สั่งสมอยู่นานทำให้มันปะทุออกมา
“เป็นเพราะคุณมันขี้ขลาดตาขาว ครั้งแรกเลือกฉู่เทียน เจียงเป็นลูกเขย อย่างน้อยเขาก็เป็นคนปกติ ครั้งนี้เป็น ไงล่ะ? อีกทั้งการเลือกลูกเขยก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ขนาด นี้ คุณดูสิคุณพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง ใครมากัน ส่งแต่คนรุ่นเด็ก มา ดูถูกเหยียดหยามใครกัน”
ฮัวจิ่นถึงหยุดก้าวเท้า แล้วเอื้อมไปหยิบรายชื่อมา
“แม่คะ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ขอแค่เอาอีอีกลับมาได้ จะให้ หนูทําอะไรหนูก็ยอมค่ะ”
อี….พอได้ยินชื่อของหลานสาวอันเป็นที่รักแล้ว ทั้งสองก็พูดอะไรไม่ออกในทันที
“ถิงถิง ตอนนี้ไม่มีคนนอก แม่รู้สึกอัดอั้นมาก ปู่ของหนู ไม่ใช่คนดีอะไรเลยจริงๆ หลานสาวที่เลือดข้นกว่าน้ำ เขา กลับเอามาเป็นของตอรองได้ ช่าง……..
“แม่คะ!
พอพูดออกไปแค่คำเดียว มือข้างขวาของฮัวจิ๋นถึงก็กุม อยู่ครู่หนึ่ง ตามมาด้วยการเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ชื่อใดชื่อหนึ่ง บนใบรายชื่อ
“เขาก็ได้ค่ะ”
หลังจากผ่านไปสิบนาที ในห้องจัดงานเลี้ยง ฮัวเหวินฮุ ยมองลงไปที่’เด็กหนุ่มอายุน้อย’ที่อยู่ด้านล่าง เขาฝืนใจ พูดขึ้นด้วยความโกรธที่ฝังอยู่ในใจ
“ต่อจากนี้ผมขอประกาศ การเลือกลูกเขยของตระกูลฮัว ในครั้งนี้ ผู้ที่ถูกเลือกคือ…..
“ผม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ทรงพลังพูดดังขึ้น ทุกคนต่างจับ จ้องมองตามไปที่เสียง เห็นเพียงแค่ทางเข้าประตูของงานเลี้ยง มีคนหนุ่มที่สวมชุดสีขาวทั้งตัวเดินเข้ามา
ใบหน้าอันหล่อเหล่านั้น สะกดสายตาของผู้หญิงที่อยู่ใน งานจนตะลึงไปเลยทีเดียว
แต่ด้านบนเวที ฮัวจิ่นถึงหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของงาน กุม ปากของตัวเองแน่นด้วยความตกใจ แต่กลับยังคงมีเสียง ลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วเรียวสวย
“ทะ…..เทียนเจียง”
เดินมาถึงครึ่งทาง ร่างของฉู่เทียนเจียงก็ถูกใครคนหนึ่ง ขวางเอาไว้
“แกเป็นใคร ะ คุณหนูฮัวเลือกแล้วเว่ย แกเป็นใครวะ”
เพียะ!
ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียว ฉู่เทียนเจียงก้าวเท้าอย่างไม่หยุด ตบไปที่คนที่ขวางเขาไว้ฉาดหนึ่ง ในอากาศยังมีฟันหลาย ที่มาพร้อมกับเลือดปลิวออกมาปากด้วย
“แม่งเอ้ย! แกคือฉู่เทียนเจียงงั้นเหรอ? ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ฮัวว่างถงลูกบุญธรรมของลูกชายคนที่สองตระกูลฮัวเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ฉู่เทียนเจียง? ชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก”
“อ๋อ ฉันนึกขึ้นมาได้แล้ว เป็นสามีคนแรกของคุณหนู ว และเขายังเป็นเขยแต่งเข้าบ้านนั้นด้วย เขาชื่อฉู่เทียน เจียงไง ได้ข่าวมาว่าเขาเข้ากองทัพเพื่อหนีงานแต่งไม่ใช่ หรอ? นี่คือการกลับมางั้นเหรอ? ”
เสียงถูกแพร่กระจายออกไป ตามมาด้วยทุกคนรู้ว่าไม่มี หวังอะไรแล้ว เขายังไม่ได้หย่ากัน พวกเขาไม่มีหวังอะไร แล้ว จึงได้เดินออกไปจากงานเลี้ยงจนทั้งงานดูว่างเปล่า
“ฉู่เทียนเจียง แกยังมีหน้าปรากฏตัวที่นี่อีกหรอ?”
นิ้วชี้ข้างขวาของหลิวหลานชี้ไปที่เขาด้วยความสั่นเทา ผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบคนนี้ ยังกล้ากลับมาอีกงั้นเห รอ
“ถิงถิง ผมขอโทษ ในเมื่อผมฉู่เทียนเจียงตัดสินใจกลับ มาแล้ว จะไม่ทำให้คุณเสียใจอีกเป็นอันขาดที่คุณมอบ ความรักให้กับผม”
ฮัวเหวินฮุยกับหลิวหลานอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่กลับถูกชัวจนถึงห้ามไว้
“คุณพ่อคุณแม่ตะ ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้เขา ไม่ได้ต้องรับผิดชอบแค่ตัวหนูคนเดียว”
ทั้งคู่รู้ดีอยู่แล้วว่าหมายถึงอีอี ตลอดมาเป็นเพราะอีอี ไม่มีพ่อจึงทำให้ถูกคนอื่นๆเยาะเย้ย ทั้งสองต่างคำนึงถึง เรื่องนี้มาโดยตลอด จึงทำได้เพียงแค่สะบัดแขนเดินออก ไปอย่างไม่พอใจ
ฉู่เทียนเจียงกลับขมวดคิ้วขึ้น อะไรคือไม่เพียงแต่เธอคน เดียว
หลังจากนั้นฮัวจิ่นถึงก็เดินก้าวไปทีละก้าว กำลังจะตัด ความสงสัยความคิดของเขาออกไป โดยเฉพาะหางตา ของฮัวจิ่นถึงมีน้ำตาไหลรินไม่หยุด
ผู้ชายคนนี้ เธอเคยรักเขามาก ไม่อย่างงั้น คงไม่มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาจนให้กำเนิดอีอีหรอก
“ฉัน…..ให้อภัยคุณ มันเป็นเพราะ เราสองคนมี..…….…..
ในขณะที่ฮัวจิ๋นถึงกำลังพูดอยู่ ก็ถูกใครบางคนพูดแทรก ขึ้นมาทันที
“ในๆๆ ! อ้างถึง ฉู่เทียนเจียงได้ตกรอบไปแล้ว เข้าใจ ไหม? คนคนนี้ เป็นคนที่เธอเลือกจากรายชื่อเมื่อกี้ ตอนนี้ สามีของเธอ คือเขา
ฮัวจิ๋นถึงมองไปที่ชัวว่านถงที่ขวางทางอยู่แวบหนึ่ง ด้วย ความรังเกียจขยะแขยง
“สามีของฉันเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องให้ฮัวว่านถงคนอย่าง
นายมายกมือวาดเท้าชี้สั่งการหรอกนะ”
ในขณะที่มีคนนอกอยู่ ฮัวจิ่นถึงกลับไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่ น้อย ฮัวว่านถงเองหน้าเสียไปในทันที จึงพูดขึ้นอย่าง
“เรียกแกว่าถิงถิงแกคงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครสินะ? กล้า มาพูดแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ ฮัวจิ่นถิง แกมันก็แค่หมูตัวหนึ่ง ที่คุณปู่เลี้ยงไว้เท่านั้นแหละ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ