ตอนที่ 3
ท่ามกลางความวุ่นวายของกลุ่มฝูงชนที่กำลังสัญจรไป มาในเมืองหลวงแห่งประเทศสหราชอาณาจักร เมืองที่มี ผู้คนหลากหลายสัญชาติ เชื้อชาติ หลากหลายชนชั้นอาศัย อยู่นั้น ได้มีชายหนุ่มผู้มีร่างกายสูงกำยำ สัดส่วนสมชาย สูงราวร้อยแปดสิบปลายๆ ใบหน้าคม หนวดเคราดกหนา ดวงตาเรียวสีนิลและจมูกโด่งสันคมสมกับที่มีเชื้ออังกฤษ ผสมจีน แต่สัญชาติไทย กำลังใช้ชีวิตในเมืองแห่งนี้อีก 1 ชีวิต และเป็นชีวิตที่ใครต่อใคร ต่างก็ขนานนามให้ว่า เขา คือ Demon of Grim Reaper หรือ มัจจุราชซาตาน
ดุดัน โหดเหี้ยมราวกับซาตาน
และชี้เป็นชี้ตายผู้คนได้ ราวกับมัจจุราช..
เขาผู้นั้น ก็คือ มิสเตอร์ฟรองค์ ไค ชายหนุ่มวัย 28 ปี บุคคลลึกลับ หาตัวจับยาก และยากที่จะเข้าถึง เพราะเขา ไม่ได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองได้เหมือนกับคนธรรมดาคนอื่น ทั่วไป ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเป็นลำดับตามอายุเหมือนกับ นักเรียนทั่วไป ไม่ได้ทำงานเรียบง่ายหรือต่อสู้ชีวิตเหมือน มนุษย์ทั่วไป เพราะเขาคือหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ยอดบนสุด ของพีระมิด คนที่มีอำนาจ มีอิทธิพล มีชีวิตที่ลอบล้อมไป ด้วยเงินทองมากมายมหาศาล มีชีวิตที่เหนือผู้อื่น และมีชีวิตที่สมองของเขาทำให้ เขา..เหนือกว่าคนอื่นทั่วไป
ไค บุคคลที่มีสมองอันชาญฉลาดเกินมนุษย์ทั่วไป หรือ เรียกง่ายๆว่า เขาคืออัจฉริยะดีๆนี่เอง …เขาสามารถพูดได้ 5 ภาษา เขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ด้วยอายุเพียง 18 ปี และเขาก็เริ่มเข้ามาช่วยกิจการงานของพ่อบุญธรรม ของเขาตั้งแต่เขาอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
รวมไปถึงวิถีการใช้ชีวิตราวกับหุ่นยนต์ ที่นอกจากเวลา นอนวันละ 5 ชั่วโมง และเวลารับประทานอาหารแล้ว ได ก็เอาเวลาทั้งหมดไปลงกับงานที่เขาแบกรับมาเป็นเวลา เกือบ 10 ปี ไม่ว่าจะงานของตระกูลที่เกี่ยวกับสถาบันการ ศึกษาชั้นนําของยุโรปโซนตะวันตก หรืองานบริษัทที่เขา ก่อตั้งเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว หรือจะเป็นงานสายเทา ที่เขายัง เข้าไปไม่เต็มตัวนัก.. และงานทั้งหมดที่พูดถึงนั้น…ไม่ใช่ ว่าใครทั่วไปจะทำได้ เพราะ สิ่งที่เขากำลังแบกรับ มันเกิน กว่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาก็ทำได้ และ ทําได้ออกมาดีซะด้วย
ดีจนมันเป็นเรื่องปกติในการใช้ชีวิตของเขาไปเสียแล้ว
เขามีพร้อมทั้ง หน้าตา รูปร่าง อำนาจ เงินทอง การงาน และความมั่นคง ที่สาวแท้สาวเทียมต่างก็ใฝ่ฝันอย่างได้มา เชยชมกันทั้งนั้น แต่ทว่าเขากลับไม่เคยคิดจะสนใจ หรือ ให้ความสําคัญกับผู้หญิง หรือความรักแม้แต่น้อยนิด แม้ว่า เพศตรงข้ามจะสวยมากแค่ไหน มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม มากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาหวั่นไหว ใจสั่น หรือสนใจได้แม้แต่เพียงคนเดียว..อาจเพราะในใจของเขา มีใครบางคนที่มีรอยยิ้มที่สดใสแต่ตราตรึงใจเขามาเนิ่น นาน และไม่มีใครที่มาแทนเธอได้ก็เป็นได้
แต่จะว่าคนอย่างเขาจะไม่มีเรื่องผู้หญิงเลย มันก็ไม่ใช่.. เพราะเขาก็มีอยู่บ้าง เพียงแต่ว่า มี..ก็แค่เพื่อสนองความ ต้องการทางกายภาพของเพศบุรุษเท่านั้น ไร้ซึ่งความใคร่ และความพอใจในตัวบุคคลอย่างสิ้นเชิง
ทุกอย่าง เหมือนกับว่า เขาคือคนที่ถูกพระเจ้าสรรสร้าง ให้สมบูรณ์แบบ แต่ใครจะรู้ว่า ความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มี อยู่จริง..เพราะเขายังขาดบางสิ่งไป ที่หลายคนมีแต่เขา ไม่มี…นั่นก็คือ..เขายังขาดความสุขที่แท้จริง
เขาไม่รู้หรอกว่าความสุขคืออะไร เขารู้แค่ว่า ในทุกๆวัน เขาต้องคุมลูกน้องของเขานับหมื่นชีวิตของเขา ให้มีกินมี ใช้ ให้อยู่รอด คุมให้พวกเขายังคงนับถือ เกรงกลัว และเชื่อมั่นในศักยภาพของเขา โดยเขาต้องใช้ชีวิต ในแต่ละวันที่ห้ามผิดพลาดแม้แต่วินาทีเดียว และทำทุก อย่าง อุทิศร่างกายและจิตวิญญาณ เพื่อบุคคลที่มีบุญคุณ กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา และเขาต้องตอบแทน
นั่นเลยทำให้ ทุกลมหายใจของเขาที่เข้าออก ในหัว ของเขาไม่เคยมีเรื่องอื่นเลยนอกจาก…งานเท่านั้น งาน ที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเขาเป็นราวกับหุ่นยนต์ที่โดนตั้ง โปรแกรมเอาไว้
เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า..เขาต้องตื่นมาออกกำลังกาย ฝึกการ ต่อสู้และใช้อาวุธให้ชินมือ ชินกับร่างกาย และไวต่อการ ตอบสนอง เพื่อให้เขาสามารถหลบหลีกและป้องกันตนเอง จากศัตรูได้ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูที่เกิดจากงานสายขาวหรือ สายเทาก็ตาม
จากนั้น ทั้งวันของเขา ก็จะเป็นช่วงของการทำงาน ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดูเอกสารรายงานต่างๆที่กอง เป็นตั้งต่อวัน การจัดการปัญหาของบริษัทที่เขาถือใน มือทั้งหมดที่เกิดรายวัน การพบปะพูดคุยกับลูกค้า หรือ พันธมิตรที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เขาสามารถก้าวต่อไปข้างหน้า ได้อย่างราบรื่น โดยที่เขาต้องไม่เสียผลประโยชน์ใดๆทั้ง นั้น รวมถึงบางวันที่เขาต้องเข้าร่วมประชุม เพื่อดู กระตุ้น และเข้าถึงศักยภาพของพนักงานภายใต้การ ดูแลของเขาเอง.. เหมือนอย่างในตอนนี้
“ผมให้โปรเจคนี้..เมื่อวาน?”
ทันทีที่ผลงานโปรเจคใหม่..กำลังถูกนำเสนอผ่านหน้า จอกลางห้องประชุมใหญ่ไม่ได้นาน… ประธาน CEO ที่ นั่งหัวโต๊ะอย่างไค ก็เอ่ยปากพูดแทรกออกมาอย่างเสีย มารยาท.. เมื่อเขาเปิดอ่านเอกสารและอ่านผ่านทางสายตา เพียงไม่ถึงนาที
และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่า อีกฝ่าย จะสูงอายุกว่าเขาเท่าตัว หรือจะมีประสบการณ์ทำงานมากกว่าเขากี่ปี เขารู้แค่เพียง ว่า ..โปรเจคที่เขามอบหมายให้เมื่อ 1 เดือนที่แล้ว มันกลับ มีผลงานที่เหมือนทำแค่ 1 วัน
และเขาก็ไม่จำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายนำเสนอโครงการบ เพราะเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทอง ในเมื่อเขาพบาด บกพร่องของงาน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทนฟังใช้เวลาเสียไป โดยใช้เหตุ
“งานผมไม่ดีตรงไหนครับ
สิ้นสุดคําพูดของ มิสเตอร์เพิลล์ ผู้ที่ได้รับเลือกทำโปรเจค ใหญ่ที่ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศเพื่อนบ้าน และ มั่นใจกับไอเดียความคิดของตัวเองแล้ว
นายของเขา..ก็ค่อยๆเปิดเอกสาร..ไปยังหน้าที่เขาสะดุด ก่อนหน้าคร่าวๆ 2-3 หน้า ก่อนจะวางเอกสารลงอย่าง ช้าๆบนโต๊ะ พร้อมแสดงสีหน้าเรียบเฉยแต่ทว่ากลับชวน ขนลุก.. จนทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในภาวะความเงียบ และลุ้น ระทึกกับสิ่งที่เขาจะเอ่ยออกออกมาอย่างชาญฉลาด ตรง จุด และตรงประเด็น..เหมือนกับหลายๆรายที่ผ่านมา
“ตรงนี้.. ที่คุณใส่ตัวเลขมาว่า ยอดคนที่เดินผ่านในบริเวณ นี้ มีจำนวน 2 ล้าน.. แต่เท่าที่ผมทราบ ตรงนั้นยอดมันอยู่ที่ ล้านคนต่อวัน.. ยกเว้นช่วงเทศกาลเท่านั้น ที่มันจะได้ยอด ตามที่คุณเขียนเอาไว้ และวันในเคมเปญของคุณไม่ได้ตรง กับช่วงเทศกาล….
และตรงนี้ ตามทฤษฎี ในล้านจะมีคนที่สนใจมองอยู่ 30% และใน 30% จะมีคนที่ตรงกลุ่มเป้าหมายอยู่ 80% เพราะฉะนั้น ตัวเลขตรงนี้ที่บอกว่า จะมีเพิ่มยอดลูกค้าได้ จากคนที่สนใจป้ายโฆษณาจะอยู่ที่ล้านนึง จริงๆแล้วมันต้องอยู่ที่ราวๆ 2แสนสี่เท่านั้น
“และตรงนี้…..ทั้งหน้า มันคือข้อความที่เคยปรากฏมา ก่อนในเอกสารของโปรเจคที่คุณ ซาร่า อีกทีมในแผนก ของคุณเคยเขียนเอาไว้นะครับ…
อาจจะเป็นเพราะมิสเตอร์เพิลล์ เป็นพนักงานใหม่ที่ไม่ เคยทํางานกับบุคคลตรงหน้าเขาในตอนนี้มาก่อน คนที่ ใครๆต่างก็ลือกันหนาหูว่า ถ้าไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความ สามารถ และไม่มีความรอบคอบ อย่าริมาทำงานกับซาตาน ที่ฉลาดเป็นกรดอย่างเขาเด็ดขาด
และด้วยความทะนงตนที่เขาคิดว่า เขาผ่านประสบการณ์ ทํางานมายาวนานหลายปี เผลอๆมากกว่าอายุของ CEO ของที่นี่ด้วยซ้ำ ทำให้เขาชะล่าใจ รวมถึงคิดว่า คนอย่าง ไค ก็แค่คนที่เกิดมาในตระกูลที่เอื้ออำนวยให้เขาได้มาอยู่ ในจุดๆนี้ได้ก็เท่านั้น การลักไก่เล็กๆน้อยๆกับโปรเจคเล็กๆ จากการนำเสนอร่วม 10 โครงการ ในวันนี้ เขา..ไม่มีทางรู้ หรอก
แต่ไม่กี่นาทีมานี้ เขารู้ซึ้งแล้วว่า..ทุกอย่างที่เขาคิดมันผิด และทุกอย่างที่เขาได้ยินเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ มันก็ ไม่ใช่เพียงข่าวลือ ..โดยเฉพาะเรื่องอีกเรื่องที่เขารู้ นั่นก็ คือ..ชายผู้นี้เกลียดการโกงและการคัดลอกความคิดผู้อื่น
นั่นเลยทำให้เขาที่เชิดชูคอก่อนเริ่มนำเสนอ ถึงกับยืนตัว สั่นเล็กน้อย รวมถึงทั้งห้องที่เคยมีประสบการณ์การทำงาน กับประธานของห้องนี้และบริษัทนี้ ถึงกับนั่งตัวตรงเกร็ง มากกว่าเดิมทันที..เมื่อสิ้นสุดเสียงก้องกังวาลของชายผู้นี้
สิ้นเสียงปิดเอกสารที่มันดังชัดเจนออกมาในเวลานี้ที่ทั้ง ห้องเงียบกริบ.. เลขาสนิทข้างกาย ใจ ก็ทำหน้าที่อย่าง รู้ทัน..ด้วยการเก็บเอกสารที่เจ้านายเขา..ไม่พอใจออกจาก บริเวณหางตา เพื่อเอาไปทำลายหลังการประชุมนี้
ส่วนไค..ก็ส่งสายตาเรียบ…ไร้ความเกรี้ยวกราด หรือ แสดงสีหน้าที่ดูไม่พอใจ แต่กระนั้นไม่รู้ทำไมว่า ทุกคน กลับรู้สึกได้ถึง..รังสีอะไรบางอย่างที่แผ่ออกมา…ก่อนที่ไค จะเอ่ยประโยคเสียงเรียบ
“โปรเจคนี้ผมจะให้คุณ โจเซฟ รับช่วงต่อ..เชิญมิสเตอร์ เพิลล์ ออกจากที่นี้ไปได้เลยครับ..
แม้คําพูดจะดูสุภาพ แต่ทว่า..ทุกคนก็เข้าใจความหมาย ได้ว่า..นั่นคือ การไล่ออก ซึ่งมันก็ทำให้พนักงานใหม่ชั้น สูง ที่ยอมออกจากที่เก่าเมื่อเห็นว่าที่นี่ให้เงินในราคาที่สูง กว่าหลายเท่าตัว มีสวัสดิการที่ดี และมีความเป็นหน้าเป็น ตาเมื่อได้บอกใครต่อใครว่าได้ทำงานที่นี่ ถึงกับต้องเอ่ย ปากขอร้องในทันที
“ผมขอโทษ..ผมขอแก้ตัว..ครั้งหน้า ผมจะไม่พลา
“ไม่มีคำว่าครั้งหน้า…เชิญ..
เขาเอ่ยปากเสียงเรียบแทรกขึ้นมาทันที โดยที่สายตา ไม่ ได้มองอีกฝั่งแม้แต่น้อย นอกจากเปลี่ยนเป็นหยิบเอกสาร ของโครงการต่อไปมาอ่าน…ก็อย่างที่บอก..สำหรับเขา เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า..เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องฟังอีก ฝั่งพูดจนจบ และเขาก็ไม่จำเป็นต้องสงสาร..สำหรับคนที่ ทํางานพลาดเช่นกัน
และเมื่อเห็นว่า..อีกฝ่ายดูมีทีท่าที่ไม่ยอม..โจ เลขาสนิท ที่อยู่ด้วยกันมานาน ก็ทำหน้าที่รู้ใจเจ้านายเช่นเดิม..ด้วยการส่งสัญญาณเรียกไปหา เอส ลูกน้องสนิทอีก คนของเจ้านายเขา ที่เปรียบเสมือมือซ้าย และเป็นเพื่อน สนิทของเขาที่ยืนอยู่หน้าห้อง..ให้เข้ามาจัดการอีกฝ่ายใน ทันที
“คุณฟรองค์ ผมสัญญาว่าจะไม่ ไม่นะ..อย่าไล่ผม เลย..ผมขอร้องงงง..คุณฟรองงงง…”
กรีก…
และทุกอย่างก็เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ในเวลาไม่นาน มิสเตอร์เพิลล์ก็หายออกไปจากห้องนี้ นั่นเลยทำให้ผู้ชาย ที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ที่ไม่แม้แต่เปรยตามองอดีตลูก น้องของเขาเลยซักนิดตอนโดนลากออกไป ก็ค่อยๆพูด ออกมา ราวกับว่าเมื่อครู่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“โปรเจคต่อไป”
และการประชุมนำเสนอโครงการต่างๆ ก็ถูกดำเนินการเข้า สู่สถาวะปกติเหมือนเดิม.. โดยแม้ว่าการประชุมครั้งนี้ จะมีการเสนอโครงการเป็นหลักสิบ แต่ว่าเขาก็ใช้ เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็จบการประชุมได้.. เพราะเพียงแค่ เขามองผ่านสายตาคร่าวๆ เขาก็สามารถวิเคราะห์ได้แล้วว่า ผู้นําเสนอเป็นคนอย่างไร โครงการเป็นไปในทิศทางไหน โครงการนั้นมีแนวโน้มที่จะไปต่อได้หรือไม่ และโครงการ ไหนที่ไอเดียยังต่อยอดได้ หรือผู้เสนอลืมประเด็นไหนไป เขา..ก็พร้อมที่จะเสนอแนะสิ่งที่ขาด ช่วยเสนอเพิ่มไอเดีย ไปให้อีกฝ่าย..รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย และ ถ้ามีเหตุผลมากกว่า เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง และยอมรับแต่ โดยดี เพราะเขามีเป้าหมายเดียวคือ ต้องการให้งานทุก งานออกมาดีที่สุด แต่ทว่าส่วนใหญ่แล้ว…ก็มีน้อยกรณีนัก ที่จะมีคนแย้งกับเขาผู้นี้ได้สำเร็จ แต่อย่างน้อย เขาก็รับ ฟังด้วยตรรกะเหตุผล ไม่ได้ใช้อำนาจบังคับใครทั้งนั้น
แน่นอนว่าทุกคนในห้องแห่งนี้ รับรู้ว่า เจ้านายของพวก เขา เป็นคนมีเหตุมีผล ไม่ได้วางอำนาจบาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะทำงานพลาดหรือทำงาน ออกมาลวกๆไม่ได้เด็ดขาด เพราะกรณีศึกษาก็มีให้เห็น กันอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็น เช่นไร
และทันทีที่จบโครงการสุดท้าย…เขาก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะ เดินออกจากห้องนี้ไปในทันที..เพื่อไปห้องทำงานส่วนตัว และเริ่มตารางงานชีวิตต่อไป นั่นคือการวีดีโอคอน เฟอเรนซ์ประชุม กับอีกบริษัทนึง..ในเครือของ KGroup ตามตารางเวลาที่เลขาได้ลงไว้อย่างพอดิบพอดี
และก็เช่นเดิม ใครทำงานพลาด..เขาไม่เอาไว้ ส่วนใคร ทำงานดี..ก็เท่าตัว..
ในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยจนเขา..จบการประชุมทั้งหมดของ วันนี้..
แต่ว่า…เขาก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะหลังปิดวีดีโอ เขาก็เริ่มหยิบจับเอกสารมากมายที่เลขาสนิทของเขา เอา มาวางไว้บนโต๊ะ..มาไล่เปิดอ่านและเซ็นตรวจรับไป ..ตาม หน้าที่ที่เขากำลังอยู่ในตอนนี้ เหมือนกับปกติที่เขาทำอยู่ ทุกวัน..
“ผมว่าคุณไคพักบ้างดีมั้ยครับ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ