มัจจุราชซาตาน

ตอนที่ 2



ตอนที่ 2

“ไค..หลังจากนี้ ย้ายไปอยู่กับคุณลุงที่อังกฤษนะ

สิ้นเสียงของผู้หญิงใบหน้าสวยที่มีดวงตาที่บอบช้ำ จาก การร้องไห้ติดๆกันเป็นเวลานานเอ่ยจบลง….เด็กชายที่ถูก พูดถึง ก็แสดงสีหน้านิ่งเฉยกับสิ่งที่มารดาเขาพูด..ก่อน ที่จะมีเสียงของพ่อของเขาอีกคนที่พูดเสียงนิ่งสำเนียง อังกฤษอธิบายเพิ่มเติม

“พ่อกับแม่ จำเป็นต้องส่งไคไปที่อังกฤษ..ไปอยู่กับลุง นะไค อยู่ที่นั่น ไคจะไม่ลำบาก

หมายความว่าอย่างไร..

ครอบครัวเขา ไม่ต้องการเขาแล้วอย่างนั้นหรือ

ทันทีที่เขาคิดแบบนั้น เด็กน้อย ก็ถอยออกมาหนึ่งก้าว เพื่อให้มือผอมบางขาวซีดที่จับไหล่ของเขาเอาไว้ก่อนหน้า นี้หลุดออกไป และมองไปยังใบหน้าของบุพการีทั้ง 2 อีก ครั้ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างที่ใจนึก

“แล้วแด๊ด ม๊า เค และคินล่ะ”
เงียบ..ทุกอย่างในห้องนั้นยังคงเงียบไร้คำตอบ ก่อนที่ไม่ นาน ก็เป็นผู้พ่อของเขาพูดมาอีกครั้ง แต่คำพูดนั้นไม่ได้ ตอบคำถามของเด็กน้อยเลยซักนิด

“หลังจากนี้.. ลุงจะเป็นพ่อของลูกนะ ไค..

พ่อ.. ทำไมเขาต้องพ่อคนใหม่.. แล้วผู้ชายตรงหน้านี้ล่ะ คนที่ดูแลเขาและน้องๆของเขาเสมอ

คนที่สอนความรู้ต่างๆมากมายให้เขาตั้งแต่เด็กจนเติบ ใหญ่

คนที่มักจะมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนส่งไปให้แม่ของเขา คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวและดูและทุกคนในครอบครัว เป็นอย่างดีมาเสมอ

คนๆนี้ ไม่ใช่พ่อเขาหรืออย่างไร?

แต่แล้ว ระหว่างที่เขามองหน้าผู้เป็นผู้ให้กำเนิดเขาทั้งคู่สลับไปมา..คุณลุงของเขาที่ถูกพ่อแม่เขายัดเยียดให้ไป อยู่ด้วย ก็พูดขึ้นมาบ้าง

“ไค..มาเป็นลูกบุญธรรมให้ลุงนะ.. ถ้าไคอยากได้อะไร บอกลุง ลุงจะให้ไคได้ทุกอย่าง…ลุงจะทำให้ไคยิ่งใหญ่ เหนือใครๆ ..ไปกับลุงนะ

ยิ่งใหญ่งั้นหรือ..ถ้าเขาให้คุณลุงมาเป็นพ่อคนใหม่ เขาจะ ยิ่งใหญ่ เขาจะได้สิ่งที่ต้องการอย่างนั้นหรือ

แต่สิ่งที่เขาต้องการคือครอบครัว..คือแด๊ด ม๊า เค และ คิน..ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ซะหน่อย

“ผมอยากอยู่กับครอบครัวของผม..และผมจะไม่ไปไหน ทั้งนั้น”

สิ้นสุดคำพูดของเด็กน้อย ที่ยังคงนิ่ง แสดงสีหน้าที่ได้ ความรู้สึก ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกข้างในบุคคลผู้เป็น พ่อ ที่มักจะเงียบขรึมและทว่าอบอุ่นและใจดีกับลูกๆเสมอ ต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่

“ไคต้องไปอยู่กับลุง… นี่คือ ข้อบังคับของแด๊ด
ทันทีที่พ่อเขาแสดงสีหน้าจริงจังและพูดแบบนี้ ไคก็ได้ แต่คิด คิดว่าทำไมพ่อแม่เขาต้องผลักไสเขาแบบนี้..พ่อแม่ รังเกียจเขาแล้วอย่างนั้นหรือ หรือว่า พ่อแม่ต้องการกำจัด เขาให้ชีวิตของพวกเขาสบายขึ้น

แน่ละ เขาต้องคิดแบบนี้ ถ้าเมื่อวานเขาไม่ได้บังเอิญไป ได้ยิน คุณลุงของเขาคุยกับพ่อแม่ของเขา

“ให้ไคมาอยู่กับฉันอย่างถาวร..แล้วฉันจะให้เงินพวกแก 20 ล้าน”

ตอนนั้นเขามั่นใจว่า พ่อกับแม่ไม่มีทางขายเขาอย่าง แน่นอน..เขาเลยเดินออกมา..แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขา คิดผิด

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเป็นเด็กที่มีสติและสุขุม ไม่ได้มีท่าที งอแง หรือโวยวายใดๆ นอกจากเอ่ยปากถามออกมาอย่าง รู้ดีราวกับไม่ใช่เด็ก 11 ขวบ

“ม๊า กับแด๊ด ขายผมให้เขาเหรอครับ”

นอกจากเรื่องที่ไคได้ยินมานั้น เขาก็ยังรู้ดีอีกว่า สถานการณ์ทางบ้านของเขาเป็นอย่างไร จากอาหารที่เคยมีให้เลือกกินมากมาย ตอนนี้ก็แทบไม่มีกิน จำนวนคน รับใช้ในบ้าน ก็ถูกลดปริมาณลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือ ใคร รถที่เขาเคยเห็นว่ามีมากมาย บัดนี้ก็เหลือแค่เพียงคัน เดียว.. รวมไปถึง เขาไม่ได้มีรถรับส่งไปโรงเรียน เหมือน เช่นเมื่อก่อน และก็ทำให้เขา…ไม่ได้มองเห็นเด็กผู้หญิงคน นั้นที่สะพานมาเป็นเวลาอาทิตย์กว่าๆแล้วด้วย..

สิ้นสุดคำพูดของไค.. ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าม้าก็ถึงกับ น้ำตาตกในในทันที..พร้อมกับปากที่นิ่งสนิทและพูดไม่ ออก..เพราะว่า เธอทำเช่นนั้นจริงๆ

ในขณะที่คนที่ถูกเรียกว่าเด็ด…ก็พูดออกมานิ่งๆ

“ไม่ว่าจะเพราะอะไร แด็ดอยากให้รู้ว่า แด็ดกับม๊า..รัก ลูก..และถ้าลูกรักพวกเรา..รักน้อง..ไคก็ต้องไป…

ครั้งนี้มันไม่ใช่คำพูดที่ดูบังคับ…แต่มันคือคำพูดที่คนเป็น พ่อรู้ดีว่า…ลูกของเขาที่ดูนิ่งนั้น แท้จริงแล้วรักครอบครัว มากแค่ไหน เลยทำให้เขาต้องพูดแบบนั้นออกมา

และก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ.. แม้ว่าไคจะไม่เข้าใจและไม่พอใจกับการกระทำของพ่อแม่เขา ที่พยายาม ผลักไสเขาออกไป.. แต่ถ้าการที่เขาต้องไป เขาต้องเปลี่ยน พ่อใหม่ จะทำให้คนทางนี้สบายขึ้น เขาก็ยินดี

นั่นเลยทำให้เขาเอ่ยปากเสียงเรียบเช่นเดิม

“เมื่อไร..”

“พรุ่งนี้”

สิ้นเสียงของคุณลุง… ที่ต้องกลายมาเป็นพ่อบุญธรรมของ เขาในอนาคต ..ไคก็นิ่งไปทันที…กับความเร็วที่ไม่ทันตั้ง ตัว..และก็ทำได้เพียงแค่ว่า

“ครับ..งั้นผมขอตัว..และไม่ต้องตามมา

ฟรีบ!!

เขาพูดแค่เพียงเท่านั้น พร้อมกับถอยหลังออกอีกก้าว เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่ เอื้อมมือเพื่อที่จะมาแตะตัวของ เขา.. ก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างช้าๆ และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของผู้เป็นมารดาของเขาไล่ หลัง…ที่เขาไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปสนใจ
ฮือออออออ…

เขาโดนขายแล้ว เขาโดน..พ่อแม่แท้จริงของเขา..ขาย เขาแล้ว..

และก็ไม่ใช่แค่ผู้เป็นแม่ที่ร้องไห้เป็นเท่านั้น เพราะเด็ก อย่างเขาก็ร้องไห้เป็น

เผาะ..

และตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตา…และเขาก็ ต้องการไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านหลังนี้..

นั่นเลยทำให้เขาเดินออกตัวนอกบ้าน และเดินเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีใครมาทักมาห้ามคุณหนูของบ้านหลังนี้ เขาก็ ทำเพียงแค่มองตาขวาง และใช้ทักษะการต่อสู้ที่พ่อของ เขาสอนมาแต่เด็กๆ หนีเอาตัวรอดออกจากบ้านมาได้

จนรู้ตัวอีกที…เด็กชายตัวเล็กแต่สมองและความคิดเป็น ผู้ใหญ่ ก็มาหยุดอยู่ตรงที่ที่เขาชอบมองเป็นประจำ แต่ เขากลับไม่เคยมายืนตรงนี้ ตรงที่เป็นสะพานใกล้บ้านของ เขานั่นเอง..
สะพานที่มีผู้หญิงที่มีรอยยิ้มที่สดใสคนนั้นยืนอยู่

นั่นเลยทําให้เท้านัอยๆ หยุดชะงัก..

หลังจากนี้..จะไม่มีโอกาสได้เห็นเธออีกแล้วสินะ..

นั่นคือความคิดของเขา..ที่ผุดขึ้นมา..เมื่อเขายืนอยู่ตรง ตำแหน่งเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ริมขอบราวสะพานอยู่ อย่างนั้น..ก่อนที่จะหันไปยังทิศตะวันตก ทิศที่ผู้หญิงคน นั้นชอบมองและยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์วงกลมทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน..

เขายกข้อมือมาดูนาฬิกาที่ติดตัว…ก่อนที่จะเงยหน้ามอง ดูดวงอาทิตย์ที่มันกำลังเคลื่อนที่และเขาก็คำนวณได้ ว่า ..อีกไม่ถึงชั่วโมง พระอาทิตย์ดวงกลมสีส้ม ก็จะมา แสดงอยู่ตรงตำแหน่งใกล้ๆตรงนี้แล้วสินะ..

แล้ว…ถ้าเขารอเธอตรงนี้ ผู้หญิงคนนั้นจะมาหรือเปล่า

และก็เป็นอีกความคิดของเขา..ที่ทำให้เขาตัดสินใจไม่ เดินไปต่อ แต่ตัดสินใจรอเธอตรงนี้. รอด้วยความคิดใจ จดจ่อ..ความคิดที่ว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ไทย วันสุดท้ายที่เขาจะได้มาที่นี่.. แล้ววันนี้..เขาจะได้เห็นเธอหรือไม่…เขาจะได้เจอเธอในระยะใกล้แบบนี้หรือ เปล่า..เขาได้แต่คิด คึดจนลืมเรื่องเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่บ้าน ก่อนหน้านี้ และเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่หยุดมาตลอดทางด้วย เช่นกัน..

เขารู้แต่ว่า วันนี้มันต้องเป็นวันที่เขาจดจำไปชั่วชีวิต และ เป็นวันที่เหมือนเป็นฝันร้ายของเขา เพราะฉะนั้น เขา อยากให้ในฝันร้ายของเขา มันถูกดับไป..ด้วยรอยยิ้มของผู้ หญิงคนนั้น

แต่แล้วฝันของไคก็เป็นจริง…เมื่อเขามองไปยังต้น สะพาน..

ภาพของเด็กหญิงตัวเล็ก ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ เธอเดินขึ้นมาอย่างช้าๆ ด้วยสภาพผมสีดำยาวเส้นตรงสวย สวมเสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงขาสั้นสีครีม กับรองเท้าแตะ สีชมพู

เธอมาจริงๆด้วย..

ทันทีที่เขาเห็นเช่นนั้น…หัวใจของเขาก็เต้นดังขึ้นทันที อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งเขาได้เห็นใบหน้าของ เธอใกล้ๆ..ความตื่นเต้นก็หายไปฉับพลัน.. เพราะนี่มันไม่ใช่ภาพอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย

เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือรอยยิ้มน่ารักนั้น แต่สิ่งที่เขา ได้เห็นวันนี้ คือใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าที่เปรอะเปื้อน ไปด้วยรอยน้ำตามากมาย พร้อมกับเสียงร้องไห้และมือ น้อยๆที่ยกปาดไปมาอย่างน่าสงสาร

“ฮืออออออ ฮัก ฮัก….

เขาได้แต่ยืนอึ้งและมองดูกับภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ ว่า..จะทําอย่างไรดี..

เพราะเขาไม่คุ้นเคย และไม่เคยพูดคุยกับเด็กผู้หญิงมา ก่อนในชีวิต…แล้วยิ่งผู้หญิงร้องไห้ด้วย ยิ่งทำให้เขาไปไม่ เป็น นอกจากยืนดูเธอห่างๆเท่านั้น

ส่วนเธอ แม้ว่าจะร้องไห้มากมาย แต่ว่าเธอก็อดไม่ได้ที่ จะหันไปยังทิศที่เธอหันประจำ ก่อนจะยกมือเล็กที่เอาแต่ เช็ดน้ำตา ยื่นออกไปตรงหน้าและทำสัญลักษณ์วงกลม แบบที่เธอชอบทำ., และมองดูภาพดวงอาทิตย์..ที่มันอยู่ ภายในวงกลมเล็กๆที่เธอทำเอาไว้ พร้อมกับสะอื้นร้องไห้ ไปด้วยไม่หยุด
“ฮึก…ฮึก”

“นี่เธอ..”

และนั่นเลยทำให้เขาตัดสินใจเอ่ยปากพูดออกมาทันที.. ส่วนผู้หญิงอีกคนก็ยังคงทำเหมือนเดิม…เพราะไม่ได้คิดว่า อีกฝั่งจะเรียกตน

“นี่..เธอ..”

แต่การเรียกอีกครั้งของเขา…ก็ทำให้เธอเอามือน้อยๆ ลง..และหันไปมองอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนที่จะเอ่ยปากเสียง เล็กๆพูดออกมา พร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างน่าเอ็นดู

“ฮึก เรียกเราเหรอ..ฮึก…

ง็ก ง็ก..

ไคได้แต่พยักหน้างักงักแทนคำตอบ ก่อนที่จะเอ่ยปาก ถามออกมา อย่างสงสัย..และต้องการชวนคุยเพื่อไม่ให้ เธอเศร้าด้วย
“ทำแบบนั้นทำไม..

และคำถามของเขา..ก็ทำให้เธอเอียงคอสงสัย..ก่อนจะ ถามออกมา

“ทําอะไร”

“ก็ยกมือส่องดวงอาทิตย์แบบนั้นไง”

ทันทีที่ไคพูดจบ..หญิงสาวก็ยกมือมาเช็ดน้ำตาอีกครั้งจน แห้งไป..ก่อนจะตอบออกมา

“เรากำลังอธิษฐานน่ะ..

หื้ม..อธิษฐาน??

“พ่อกับแม่บอกว่า บนนั้น มีคนรับฟังคำขอพรเราอยู่ ถ้าเรา ทำแบบนี้..และเป็นเด็กดี พรที่เราขอจะเป็นจริง…

เธอพูดพร้อมกับชี้ไปยังดวงอาทิตย์ดวงกลมสีส้มและ เอ่ยปากออกมาอย่างใสซื่อ ในขณะที่ไค ขมวดคิ้วสงสัย และพูดออกมาด้วยความรู้ที่มี
“นั่น มันคือ ดวงอาทิตย์..ที่มี ไฮโดรเจน 75% ต่อมวล ฮีเลียม 25% ต่อมวล และเกิดเมื่อ 4,600 ล้านปีก่อน ตรง นั้นมันมีอุณหภูมิสูงประมาณ 5,500 องศาเซลเซียส รวม ถึงตรงนั้นห่างไกลกับโลกเราเป็นระยะทาง 150 ล้าน กิโลเมตร.. เพราะฉะนั้น คนไม่สามารถอยู่ได้ และมันไกล มากจนไม่มีใครสามารถไปที่นั่นได้หรอก”

“นายพูดภาษาอะไรอะ…ไม่เข้าใจ

แต่ว่าทันทีที่ไคพูดจบ..เด็กหญิง ก็มองหน้าอีกฝ่ายพร้อม กับขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบว์ ก่อนจะพูดออกมาด้วย ความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้น..เธอก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ จริงจังหรอก..เพราะตอนนี้ เธอต้องการที่จะขอพรเท่านั้น นั่นเลยทำให้เธอเอ่ยปากพูดออกมาอีกครั้ง อย่างลืมเรื่อง ก่อนหน้าไปอย่างสิ้นเชิง

“…นายก็มีเรื่องเศร้าใช่มั้ย.. งั้น..มาขอพรด้วยกันสิ

เมื่อพูดจบเด็กน้อยที่เคยเศร้าร้องไห้ ก็เปลี่ยนเป็นยิ้ม แย้มทันที เมื่อเธอได้แบ่งปันความลับสุดยอดที่พ่อกับแม่ เธอกำชับนักหนาว่า อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร แต่ว่า เธอก็อยากบอกเขา..เพราะเธอเองก็สังเกตเห็นว่า ใบหน้า อีกฝ่ายก็แอบเลอะน้ำตาไม่ต่างกับเธอ
นั่นเลยทำให้เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามือของ เด็กชายหนุ่มตรงหน้าที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน…เพื่อดึง ให้ยกสูงขึ้น

จากนั้น เธอก็ทำท่าเอานิ้วชี้และนิ้วโป้งของทั้ง 2 มือแตะ กัน ทําให้เขาดู..และหันไปบอกเด็กชายข้างๆเธออีกครั้ง

“ทำแบบนี้นะ..แล้วก็หันไปที่คุณอาทิตย์แบบนี้แล้ว ก็….ขอพร..”

เมื่อพูดจบ..เธอก็มองพระอาทิตย์ตรงหน้าด้วยแววตา สุกใสไร้น้ำตาก่อนหน้า อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ขอพร เพียงแค่คนเดียว รวมไปถึงปากเล็กๆนั้น ก็เริ่มยิ้มอย่าง มีหวังและมีความสุข ซึ่งทั้งหมดที่เธอเป็นอยู่นั้น มันคือ สีหน้า แววตา และรอยยิ้มเดียวกับที่เขา..ชอบมองเธอจาก บนรถมาเสมอ

แต่วันนี้เขาไม่ได้มองเธอผ่านฟิล์มจากบนรถ ไม่ได้มอง เธอระยะไกลจากบนรถ และไม่ได้มองเธอแค่ไม่กี่วินาที จากบนรถ

เพราะตอนนี้เขาเห็นเธอชัดเจนมาก เขาได้เห็นเธอใกล้ๆ และมันก็ใกล้มาก..จนทำให้เขาได้แต่ทำมือค้างอยู่ อย่างนั้น..แต่ว่าสายตาเขาไม่ได้หันไปมองดวงอาทิตย์ เลยแม้แต่น้อย นอกจากมองคนที่สอนให้เขาทำท่านี้.. พร้อมกับคิดว่า..การที่เขาได้เจอเธอวันนี้ ก็เหมือนเขาได้ รับพรแล้ว

นายอย่าลืมเป็นเด็กดีด้วยล่ะ …แล้วคำขอของเรา จะต้อง เป็นจริงแน่ๆ..^ ^”

ทันทีที่เธอขอพรเสร็จ..เธอก็เอามือลง.. ก่อนจะหันมาส่ง ยิ้มให้กับไค..และพูดออกมาอย่างมีความสุข แตกต่างจาก สีหน้าและน้ำตาที่ไหลรินตอนก่อนขึ้นสะพานมาอย่างสิ้น เชิง และภาพนั้นก็ทำให้เขาเอามือลงช้าๆ ก่อนที่จะส่งยิ้ม ตอบไปให้..เช่นกัน

“เรื่องนี้ นายห้ามบอกใครนะ..พ่อแม่เราให้เก็บเป็นความ ลับ..”

แม้ไคจะรู้ว่า มันคือเรื่องโกหก แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะ พยักหน้าส่งกลับไป เพื่อให้เด็กผู้หญิงตรงหน้าได้มีความ สุขกับอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้
แต่แล้ว..ระหว่างนั้น เธอก็ขมวดคิ้ว และเอ่ยถามเขาอย่าง สงสัย..

“เออ ว่าแต่นายเป็นใครเหรอ เราไม่เคยเห็นหน้านายเลย เพราะเธอรู้จักคนในละแวกนี้เป็นอย่างดี แต่ว่าผู้ชายคน นี้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

“บ้านอยู่แถวๆนี้”

“หึม….เพิ่งย้ายมาใหม่เหรอ..

เขาเองก็ไม่รู้จะตอบเธอว่าไง เลยได้แต่พยักหน้าไป ใน ขณะที่อีกฝ่ายก็มองเขาด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรและพูด อะไรบางอย่างออกมา ที่ทำให้ไคต้อง งงแล้วงงอีก กับผู้ หญิงคนนี้

“สนใจเข้าร่วมแก๊งเรามั้ย..

เข้าร่วมแก๊ง งั้นหรือ??
แก๊งที่ว่า จะเหมือนของคุณลุงเขาหรือเปล่านะ?

แต่แล้วระหว่างที่ไคได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย.. เด็กหญิงตัว น้อย..ก็ทําท่าเหมือนนึกอะไรได้..ก็เลยรีบโพล่งปากออก มา

“..อ่อๆ..แป๊บนะๆ”

พูดจบ..เธอก็หยิบสติกเกอร์มากมายที่เป็นรูปเซเลอร์ มูน..ออกมาจากกระเป๋ากางเกง.. ก่อนที่จะแบมือ แสดงให้ อีกฝั่งเห็น..และพูดออกมาอย่างภูมิใจ

“นี่คือสัญลักษณ์แก๊งของเราเอง.. นายเหมือนกับหน้ากาก ทักซิโด้เลย ถ้านายสนใจ เราจะให้เข้าแก๊งได้ฟรี ไม่ต้อง ผ่านการทดสอบ

หน้ากากทักซิโด้ หนึ่งในตัวการ์ตูนเรื่องโปรดของเธอ บุคคลลึกลับ ที่มักจะแสดงตัวมาช่วยเซเลอร์มูน ตัวการ์ตูน โปรดของเธออยู่เสมอ..

ด้วยความนิ่ง สุขุม และรูปร่างหน้าตาของอีกฝั่ง…ทำให้ เธออดที่จะนึกถึงตัวการ์ตูนตัวนี้ไม่ได้ เลยพูดออกมาตาม ประสาของเด็กน้อยที่สดใส ซึ่งขัดกับหน้าตาของไคอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่เธอจะยื่นสติกเกอร์ชิ้น นึงส่งไปให้ไค..แล้วก็ยัดในมือ พร้อมกับพูดออกมา

“ตอนนี้นายอยู่แก๊งเราแล้ว ต่อไปนี้ ถ้านายมีเรื่องเศร้า อะไร อย่าเก็บไว้ มาเล่าให้เราฟังได้นะ..หน้ากากทักสิโด้..

หน้ากากทักสิโด้งั้นเหรอ..

เขายังคงงุนงงอยู่ว่า..เธอกำลังพูดเรื่องอะไร แล้ว..ผู้ หญิงผมสีเหลืองในสติกเกอร์ที่เธอยื่นมาคือใคร และเป็น สัญลักษณ์ยังไง แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะคืนสติกเกอร์นั้น ไป ..แต่เปลี่ยนเป็นเอ่ยปากถามออกไปแทนอย่างสงสัย

“แล้วเมื่อกี้ เธอร้องไห้ทำไม..

ซึ่งคำถามนั้นมันทำให้รอยยิ้มที่สดใสของผู้หญิงตรงหน้า กลายเป็นซึมไปในทันที.. พร้อมกับพูดออกมาด้วยความน่า รักและน่าเอ็นดู

“เรา..สงสารพ่อแม่…แล้วก็พี่สาวของเรา.. พวกเขาอยู่ใน ตึกใหญ่ๆมา 3 วันแล้ว บนตัวมีสายอะไรไม่รู้ห้อยเต็มไปหมดเลย …พ่อกับแม่แล้วก็พี่ต้าคงเจ็บแน่ๆ ขนาดเรา โดนฉีดยาเรายังเจ็บเลย..”

แต่แล้ว ไม่นานอยู่ๆ เธอก็ค่อยๆยิ้ม และมองไปยังดวง อาทิตย์ที่ค่อยๆหายไปกับตึกแล้ว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วย ความเข้มแข็งและความเชื่ออันแกร่งกล้า

“แต่ว่า…เรามาขอคุณอาทิตย์ทุกวันเลยนะ.. และเราก็เป็น เด็กดีด้วย …พ่อ แม่ แล้วก็พี่ริต้า ต้องตื่นมาคุยกับเราอีกไม่ นานแน่ๆ ^ ^

แม้ว่าปกติเขาจะไม่ค่อยยิ้ม… แต่ว่ารอยยิ้มของเด็กผู้ หญิงตรงหน้าก็ทำให้เขาเผลอที่จะยิ้มตามไม่ได้..ก่อนที่ จะเอ่ยถามอย่างสงสัย และทำให้เธอเลิกมองดวงอาทิตย์ และหันมามองหน้าเขาแทน พร้อมกับใบหน้าที่เศร้าเล็ก น้อยอีกครั้ง

“ทําไมทุกคนถึงไปนอนที่นั่นล่ะ

“ป้าบอกว่า มีคนใจร้ายขับรถมาชน

และคำตอบนั้น ก็ทำให้เขากลับมาย้อนคิดดูว่า เรื่องที่พ่อ กับแม่เขาขายเขาให้ลุง กับเรื่องของเธอคนนี้…เรื่องของใครมันเศร้ากว่ากันนะ…

แต่แล้วระหว่างนั้นเอง สายตาเขาก็เหลือบไปเห็น..ผู้ชาย ฝรั่งตัวโตที่ประกบติดกับคุณลุงของเขา จากประเทศ อังกฤษ กำลังเดินตรงมาทิศทางนี้นั่นเลยทำให้เขาคิด ว่า.. หมดสนุกแล้วสินะวันนี้

เขาเลยตัดสินใจ..ถอดสร้อยคอจี้รูปดวงอาทิตย์ที่เขาพก ติดตัวเสมอออกมา.. จี้รูปดวงอาทิตย์สีเงินเรียบๆ และเป็น ของชิ้นเดียวที่เขาเคยขอรางวัลจากพ่อของเขา เมื่อเขา อ่านหนังสือได้ตรงตามเป้าหมายที่พ่อเขาอยากให้อ่าน..

ปกติเขาไม่เคยขอ เพราะเขาอยากอ่านหนังสือเอง..แต่ ทว่า ของชิ้นนี้ เขาอยากได้จริงๆ ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นเธอ มองพระอาทิตย์แล้วยิ้มออกมาอย่างสดใสแบบนั้น

และวันนี้ ก็ถึงเวลาที่เขาจะให้สิ่งที่เขาพกติดตัวให้กับผู้ หญิงที่ทำให้เขาต้องพกมัน

เขายื่นสร้อยเส้นนั้นส่งให้กับเด็กผู้หญิงที่ทำหน้างุนงงอยู่ ตรงหน้า ก่อนจะพูดออกมานิ่งๆแต่ว่ามุมปากกลับมีรอยยิ้มประดับเล็กๆอยู่ตลอดเวลา

“ถ้าเธออยากขอพรตอนกลางคืน หรือขอพรในบริเวณ ที่เธอมองไม่เห็นคุณอาทิตย์ ก็ขอให้เธอมองว่า มันคือ ตัวแทนคุณอาทิตย์ของเธอนะรักษามันไว้ให้ดี..

และเมื่อเขาพูดจบ..เด็กหญิงตรงหน้าก็เปลี่ยนจากสีหน้า ที่งุนงง เป็นยิ้มกว้างออกมาทันที..พร้อมกับมองดูจี้เล็กๆ อันนั้นด้วยแววตาสุกใส และมีความสุข.. ก่อนที่เขาจะเอา มือแตะลงบนหัวของเด็กสาวตรงหน้า ที่เจอเรื่องหนักหนา แต่ก็ยังยิ้มได้อย่างเอ็นดู และพูดอีกครั้ง..

“เราเชื่อว่าคนบนนั้นได้ยินคำขอของเธอแล้ว หลังจากนี้ เธอต้องเป็นเด็กดีนะ พ่อ แม่ และพี่สาวเธอ จะได้มาดูคุณ อาทิตย์ด้วยกันกับเธอได้อีกครั้ง”

ตอนนี้เธอได้แต่ยิ้ม และได้แต่คิดว่า…เขาคือหน้ากากทักซิ ได้ของเธอจริงๆด้วย…คนที่ทำให้ช่วงเวลาที่เศร้าๆของเธอ ช่วงนี้ มีแต่ความสุขและเรื่องดีๆ

“อืม เราจะเป็นเด็กดี นายก็ด้วยนะ.. หน้ากากทักซิโด้..A A
เป็นอีกครั้งที่เด็กหญิงตัวน้อยส่งยิ้มสดใส และมั่นคงจะ เป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่เด็กชายจะได้เห็น เพราะทันทีที่เขา ได้รับคำพูดและรอยยิ้มนั้นเขาก็เอามือจากหัวเล็กๆ ของเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะหมุนตัวและเดินหันหลังกลับ ทันที..อย่างตัดใจ

โดยที่เด็กผู้หญิงก็ได้แต่ขมวดคิ้วงงว่า เขาจะไปไหน

และการกระทำของเขา ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าผู้ชายคน นี้ลึกลับเหมือนหน้ากากทักซิโด้ของเธออีกแล้ว และครั้ง หน้าเธอต้องได้เจอเขาอีกแน่ เธอเลยตะโกนออกไปสุด เสียงน้อยๆของเธอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่รับพลังมาก็ตาม

“แล้วเจอกันนะะะะ

พูดจบ..เธอก็ได้แต่มองแผ่นหลังสูงใหญ่เกินวัยของอีก ฝ่าย ก่อนจะที่ค่อยๆยิ้มออกมาในแบบที่เธอถนัด และหัน ไปมองพระอาทิตย์ที่ลาลับหายไปกับดักเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับนึกถึงคำขอพรของเธอเมื่อครู่ จากนั้น เธอก็เดิน กลับไปยังอีกฝั่งอย่างอารมณ์ดี และหวังว่า พ่อกับแม่ของ เธอจะตื่นมาคุยกับเธอในอีกไม่กี่วัน
ในขณะเดียวกัน ทางอีกฝั่งของสะพานนี้

“เจอคุณไคแล้ว…”

เสียงสำเนียงอังกฤษ ก็พูดกรอกเสียงออกไปยังเครื่องมือ สื่อสารที่ถืออยู่ในมือทันที..เมื่อเจอตัวคนที่พวกเขาออก ตามหามาหลายนาที..

ก่อนที่จะผายมือและเชิญให้คุณหนูตรงหน้า เดินตามเขา มา เพื่อจะพาไปยังรถที่ขับมารับ

ส่วนเขาก็ไร้รอยยิ้มเหมือนเช่นที่ตอนอยู่ตรงกลางสะพาน นั่น.. และเดินตามไปอย่างว่าง่าย จนกระทั่งเขาเข้าไปนั่งใน รถหรูที่ขับเคลื่อนไปยังบ้านหลังใหญ่ที่เขาเดินออกมา..

และตลอดเวลา…เขาก็ทำเพียงแค่แบมือและมองสติก เกอร์ในมือนั้น พร้อมกับคิดว่า

วันนี้จะเป็นอีกวันที่เขาไม่มีวันลืม…

ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ของเขา.. My Shunshine


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ