ภรรยาข้าเจ้าชางร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม1

บทที่4



บทที่4

“ได้โปรดท่านแม่ทัพ หรูอี้ไม่ได้ใส่ร้ายผู้ใดนะเจ้าคะ บ่าวพูด ความจริงทั้งหมด มิได้โป้ปดแม้แต่ครึ่งคำ ฮือ ๆ”

หรูอี้ สาวใช้ติดตามท่านหญิงโมไปหลานกำลังถูกลงโทษใน ข้อหา ซึ่งนางมิได้เป็นผู้กระทำ น้ำตาของหญิงสาวไหลรินด้วย ความแค้นใจ หากวันนี้ นางตายไป นายสาวของนางก็อาจพ้น ชะตาเดียวกันเป็นแน่

“กําแหงเกินไปแล้ว บ่าวกล้าใส่ร้ายนาย และยังใส่ร้ายเพื่อน ของตนเองอีก ช่างช้ายิ่งนัก!

น้ำเสียงทรงพลังเปล่งออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดของ แม่ทัพหยางซานหลางผู้เป็นสามีของท่านหญิงโม่ หากข่าวเรื่อง ภรรยาของเขาหลุดออกไปนอกจวน แล้วยังหาตัวคนร้ายมิได้ จวนแม่ทัพจะหลงเหลือเกียรติอันใดให้คนนับหน้าถือตาอีกต่อไป เล่า

“พี่ซานหลาง! ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ หรู คงแค่ทำตามคำสั่ง ของพี่ไปหลานเท่านั้น แต่เกิดผิดพลาดจนท่านพี่! ฮือ ๆ ๆ นาง อาจมิรอด นางคงไม่ได้ตั้งใจใส่ความผู้ใดหรอกเจ้าค่ะ จริงหรือ ไม่ หรูอี้”

หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างแม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไป

ถาม
สาวใช้ของญาติผู้พี่ของตน โดยสองมือเรียววางจับไว้บนแขน แกร่ง ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำใส ๆ เต็มหน่วยตาทั้งสองข้าง ทำให้คนฟังสงสารจับใจ

“โบยต่อไปจนกว่ามันจะตาย เลวทั้งนายและบ่าว คิดว่าตน เป็นเชื้อพระวงศ์แล้วจะทำอันใดก็ได้หรืออย่างไร ตามกฎ มนเทียรของซีเปีย ฮ่องเต้ทำผิดมีโทษเท่าสามัญชน เชื้อพระวงศ์ ก็เช่นกัน นางแต่งแก่สกุลหยางต้องทำตามกฎของตระกูลเท่านั้น หรือนายเจ้าลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว เห็นหรือไม่คุณหนู กวางฮวา นางมีเมตตาต่อบ่าวไพร่เช่นเจ้าเพียงไหน ยังบังอาจใส่ความนาง ช่างต่ำช้าเป็นที่สุด”

หรูอี้เงยหน้าขึ้นมองญาติผู้น้องของเจ้านายด้วยสายตาโกธร แค้นแทนท่านหญิงของนางนัก ตัวนางเองก็ถูกเพื่อนสนิทเช่น ชิงชิงใส่ความอีกด้วย

เมื่อนึกถึงเพื่อนรัก หรูอี้จึงมองเลยไปยังชิงชิงที่ยืนร้องไห้สะอื้น เบา ๆ อยู่ด้านหลังของอีกวานฮวา

หรูอี้ยังจำเรื่องเมื่อบ่ายวันก่อนได้ดี ตอนที่นางตามผู้เป็นนาย ไปยังลำธารหลังจวนนั้น สิ่งที่นางเห็นคือชิงชิงได้เดินขึ้นจาก ลําธาร ก่อนจะเดินหายไปยังอีกด้าน โดยรอบบริเวณกลับมีพบ ร่างของเจ้านายที่ควรต้องนั่งหรือเดินเล่นอยู่ แถว ๆ ข้างริม ลำธารเช่นทุกครั้งที่ท่านหญิงชอบทำเป็นประจำ

นางรีบวิ่งไปยังจุดที่ชิงชิงเดินขึ้นมา จึงได้เห็นร่างของเจ้านาย คว่ำหน้าอยู่ในน้ำ หรูอี้รีบกระโจนลงไปรวบร่างไร้สติของเจ้านายขึ้นจากน้ำ ก่อนจะซ้อนอุ้มร่างบางของท่านหญิงโม่ขึ้นฝั่ง โดยไม่ ได้แสดงสีหน้าว่าคนที่สิ้นสตินั้นหนักเกินไปสําหรับร่างบอบบาง ของนางสักนิด หรู ดูเหมือนคนที่

มีกำลังมากกว่าสาวใช้ทั่วไปมากนัก

ซึ่งความเป็นจริงแล้ว นางมิได้เป็นเพียงสาวใช้ แต่เป็น องครักษ์ที่ติดตามมาจากซานซี แต่ไม่อาจเปิดเผย เพราะนางได้ รับคําสั่งจากท่านอ๋องเจ็ด ให้ปิดเป็นความลับ เพื่อคอยดูแลผู้เป็น นายอยู่ห่าง ๆ ด้วยเหตุผลบางประการที่นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่น กัน

หรูอี้เร่งช่วยเหลือผู้เป็นนายให้กลับมาหายใจอีกครั้ง น้ำตา ของหญิงสาวไหลออกมานองหน้า เพียงแค่ลับตานางมถึงครึ่งชั่ว ยาม ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนลงมือ

หากไม่เป็นเพราะนางติดตามท่านหญิงมาในนามสาวใช้ เรื่อง เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น นางได้รับคำสั่งให้จัดเตรียมของใช้อยู่ใน เรือน จึงทําให้ติดตามมาทีหลัง

“แค่ก ๆ”

โม่ไป๋หลานสำลักน้ำออกมา ก่อนที่หรูอี้จะจับร่างบางของผู้ เป็นนายตะแคงข้าง เพื่อให้ไอเอาน้ำออกมาให้หมด โม่ไปหลาน ยังคงไร้เรี่ยวแรง ดวงตายังปิดสนิทอยู่เช่นเดิม มีเพียงลมหายใจ แผ่วเบาของหญิงสาวเท่านั้นที่ทำให้หรูใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“ท่านหญิง หรูอยู่นี่แล้ว ต้องกลัว ข้าจะปกป้องท่านเอง”
หรูอี้ซ้อนอุ้มร่างบางของเจ้านายขึ้นสู่อ้อมกอด ก่อนจะใช้วิชา ตัวเบามุ่งตรงไปยังเรือนไปหลาน เมื่อใกล้ถึงส่วนที่มีทหาร พลุกพล่าน นางจึงมิได้วิชาตัวเบาเช่นคราแรก ทําแค่เพียงพยุง ร่างอ่อนปวกเปียกเอาไว้มิให้ล้ม แล้วเรียกให้คนมาช่วย

เมื่อพาผู้เป็นนายกลับมายังเรือนไปหลาน เรื่องที่ฮูหยิน ในท่าน แม่ทัพหยางซานหลางจมน้ำก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที หมอประจํา

ตระกูลได้ถูกเชิญมาตรวจอาการของโม่ไปหลานอย่างเร่งด่วน

จากผลการตรวจอาการของฮูหยินน้อย นางอ่อนแรงมากแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่เกินสามวัน จึงทำให้หรูอี้และทุกคนที่เกี่ยวข้องถูก สอบสวน

ผลที่ออกมากลับมีเพียงนางผู้เดียว ที่กลายเป็นผู้กระทำความ ผิดด้วยการลอบสังหารผู้เป็นนาย เมื่อนางพูดในสิ่งที่เห็น มัน กลับกลายเป็นเช่นตอนนี้

หลังบอบบางของหรูอี้เริ่มปริแตก จากการถูกโบยของทหาร ในจวน ทำให้น้ำตาที่ไหลนองในคราแรกมันเริ่มเหือดแห้งไปที ละน้อย

หากผู้เป็นนายต้องตาย นางก็ยินดีตายตามเพื่อไปคอยรับใช้ ยังโลกแห่งวิญญาณ และทุกภพชาติไป

“พี่ซานหลาง! ถ้าอย่างไร…อย่าให้หรูอี้ต้องถึงโทษตายเลยนะ เจ้าคะ กวานเอ๋อร์ขอร้อง”
วงหน้าหวานที่ยังมีน้ำตาเอ่อคลอ ทั้งยังใช้น้ำเสียงกึ่งออก อ้อนชายหนุ่ม เพื่อร้องขอความเห็นใจ แม้ว่าภายในความรู้สึก ที่แท้จริงนางสุขจนล้นเลยก็ว่าได้

“กวานเอ๋อร์ บ่าว นมันใส่ร้ายเจ้า ยังจะให้พี่ไว้ชีวิตนางอยู่

อีกหรือ”

น้ำเสียงนุ่มของแม่ทัพหนุ่มสร้างรอยยิ้มงามแก่หญิงสาวไม่ น้อย แต่มันทำให้หลายคนที่ยืนข้างฮูหยินน้อยเกิดความไม่ พอใจอยู่มากทีเดียว ใช่ว่าท่านหญิงแต่งเข้าจวนมาแล้วจะสร้าง ปัญหาอย่างที่หลายคนพูด

นางมีน้ำใจและเมตตาต่อบ่าวไพร่เสมอ จนกลายเป็นว่ามีพวก ที่เหิมเกริม ได้ใจในเมตตานั้น มียำเกรงต่ออานาจของนาง และ หวังให้ท่านแม่ทัพแต่งภรรยารองเข้ามาอีกคน เพื่อคานอำนาจ ของฮูหยินน้อย แต่จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของบ่าวไพรที่หวังหาที่พึ่งใหม่เท่านั้น เพราะฮูหยินน้อยยังคง เป็นหนึ่งไม่มีสองอยู่นั้นเอง

“มันไม่แปลกนี้เจ้าค่ะ ที่หรูอี้จะคิดเช่นนั้น ในเมื่อกวานเอ๋อร์ไป กับท่านพี่ไปหลาน และอยู่ ๆ ก็หายไป นางก็ต้องสงสัยในตัว กวานเอ๋อ เป็นธรรมดาเจ้าค่ะ”

เสียงหวานยังคงเอ่ยออกมา เหมือนแก้ตัวให้แก่หรูอี้ แต่หาก ฟังให้ดี มันคือการตอกย้ำว่า หรูอี้กำลังให้ร้ายนางนั่นเอง

“เจ้าใจดีเกินไปแล้ว…เด็กน้อย ไม่ไปหลาน นางกำลังจะตาย จึงมิจำเป็นต้องรับโทษจากเรื่องราวที่นางได้ก่อเอาไว้ หากว่ามเห็นแก่เจ้า พี่จะลากนางมาโดยให้สาสมกับสิ่งที่นางได้กระทำ ครั้งแล้วที่ไปหลานเรียกร้องความสนใจจากพี่ โดยการทำให้ ตัวนางเองบาดเจ็บอยู่บ่อย ๆ เจ้าก็เหลือเกิน ยังคอยมาดูแลนาง อยู่เป็นประจำ ทั้งที่นางคอยกลั่นแกล้งเจ้ามาตลอด

คำพูดที่บ่งบอกความเอ็นดูที่มีต่อหญิงสาวของแม่ทัพหยาง ทำให้หรู ขบกรามแน่นด้วยความแค้นเคืองแทนผู้เป็นนาย เวลา ผ่านมาหลายปีไม่มีสักคราที่ท่านแม่ทัพจะพูดจาดี ๆ กับฮูหยิน น้อย เช่นที่กำลังทำอยู่กับญาติผู้น้องของเจ้านายในขณะนี้

หรูได้แต่ขบฟันแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด ที่กำลังได้รับ จากการถูกโบย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ