ภรรยาข้าเจ้าชางร้ายกาจยิ่งนัก เล่ม1

บทที่2



บทที่2

หลี่ถึงพยายามร้องเรียกคนที่เธอกำลังยืนมองอยู่ในตอนนี้ ด้วยความสงสารจับใจ มือเรียวยกขึ้นป้องปากตะโกนเรียกคน ให้มาช่วย

“ใครก็ได้ช่วยผู้หญิงคนนั้นที่ค่ะ”

แต่เหมือนเสียงที่เปล่งออกไปเปรียบเหมือนอากาศธาตุ ยิ่ง เห็นการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของอีกฝ่ายเธอยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเอง กำลังเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้น คือพยายามที่จะต่อสู้เพื่อรักษาลม หายใจ แล้วนี่มันคือที่ไหนกัน ทำไมผู้หญิงหน้าตาสวยราวเจ้า หญิงในเทพนิยายคนนี้ถึงได้ถูกทำร้ายอย่างทารุณแบบนั้นกันนะ

เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ และไร้วี่แววของคนที่จะมา ช่วย สองเท้าเปล่าเปลือยรีบก้าวลงในลำธารเพื่อช่วยเหลือหญิง งามให้รอดพ้นจากน้ำมือของคนร้าย แต่เมื่อมือของหญิงยืน ออกไปเพื่อสัมผัสกับคนร้ายหวังฉุดรั้ง ให้อีกฝ่ายปลดปล่อยหญิง สาวคนนั้น

แต่มันกลับเลยผ่านไป…ไม่อาจทำได้อย่างใจคิด

หลี่ถึงยกสองมือขึ้นมองด้วยอาการสั่นน้อย ๆ น้ำตาไหล โดย ไม่รู้ตัว ตรงหน้าเธอมีน้ำกระเซ็นแตกกระจายจากแรงดิ้นรนของ หญิงสาวชุด

สีขาวคนนั้น
พอเห็นอย่างนั้น หลี่ถึงจึงยึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่ยอมแพ้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะดำลงไปในน้ำที่ไม่ได้ลึกมาก เคลื่อนกายเข้าไปใต้ร่างของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะใช้สองมือ จับที่ใบหน้า

ทำไมถึงจับผู้หญิงคนนี้ได้

หลีถึงทำได้เพียงแค่คิด เพราะตอนนี้ เธอต้องรีบช่วยผู้หญิงคน นี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ดวงตาคู่งามของทั้งสองสบ ประสานกัน หลี่ถังขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนจะประกบริม ฝีปากลงไป เพื่อต่อลมหายใจให้กับหญิงงาม

หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้น มีนามว่า โม่ไป๋หลาน นาง กำลังพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดจากมือของชิงชิงซึ่งเป็นคน สนิท และคือคนที่นางไว้วางใจมาแต่เยาว์วัย สาวใช้ข้างกาย กำลังใช้สองมือกดหัวของนางให้จมลงไปในลำธารสายเล็ก ๆ ที่ อยู่ในบริเวณจวนแม่ทัพสกุลหยาง

ด้วยว่าวันนี้ นางกับน้องสาวและสาวใช้คนสนิทได้ออกมานั่ง เล่นพักผ่อนกัน นางจำได้แค่เพียงว่า น้องสาวได้ขอตัวไปปลด ทุกข์ โดยให้นางนั่งรออยู่ที่เดิมกับชิงชิง สาวใช้ข้างกายที่กำลัง เดินเก็บดอกไม้อยู่ข้างริมลำธาร โดยไปหลานได้นั่งจัดช่อดอกไม้ รออยู่ ภายในมือของไปหลานมีดอกไม้หลากสีที่งดงามไม่ต่าง จากคนที่กำลังถือมันอยู่ในตอนนี้ ยิ่งรอยยิ้มของนางสะกดได้ทุก สายตา แม้จะแค่เพียงแย้มออกเล็กน้อยก็ตามที

“ฮูหยินน้อย! มาดูทางนี้สิเจ้าคะ”
โม่ไปหลานหันไปตามเสียงเรียกของชิงชิง ก่อนจะวางช่อ ดอกไม้ในมือลง แล้วลุกขึ้นก้าวช้า ๆ ไปยังสาวใช้ ทุกการ เคลื่อนไหวช่างดูงดงามอ่อนหวานสูงส่ง จนทำให้ใครบางคนที่ แอบมองอยู่รู้สึกมิชอบใจกับความงาม

ที่เป็นอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินของโม่ไปหลาน

“อะไรหรือ? พี่ชิงชิง

“ในน้ำนั่นเจ้าค่ะ เหมือนจะมีปลาสีเงินตัวใหญ่ มันว่ายออกไป ตรงนั้นแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้ผู้เป็น นายยืดคอมองตามมือของชิงชิงไป

“ไหนกันพี่ชิงชิง! ว้าย!!!…”

ดูม!

ร้องออกมาได้เพียงแค่นั้น ร่างระหงถูกกระแทกจากทางด้าน หลัง พลัดตกลงไปในลำธาร

โม่ไปหลานกำลังจะโผล่หน้าขึ้นจากน้ำเพื่อหายใจและหวังจะ ขึ้นฝั่ง มือของชิงชิงที่ตามลงมาได้กดศีรษะและไหล่ของนางให้ จมกลับลงไปอีกครั้ง ด้วยมิทันคาดคิดว่าคนสนิทจะทำเช่นนี้ จึง ทำให้ไม่อาจโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้

โม่ไปหลานได้ยินเสียงของใครบางคนที่พยายามร้องเรียก นาง และตามให้คนมาช่วย หญิงสาวรับรู้ว่ามีคนวิ่งลงมายืนอยู่ ใกล้กับที่นางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด เหมือนภาพสะท้อน เท้า เปล่าเปลือยที่สองตามองเห็นเหมือนแรงใจจากที่ไกลโพ้น แม้เจ้าของเท้าบางจะมิอาจช่วยนางได้ แต่อย่างน้อยนางก็ได้รับรู้ว่า มีผู้พยายามแล้วที่จะช่วยนางอยู่

เมื่อไม่ไปหลานเริ่มอ่อนแรง แต่กลับมีใบหน้างดงามของหญิง สาวเจ้าของเท้าเปล่าเปลือยได้ลอยตัวอยู่ใต้ร่างของนาง พร้อม สองมือกอบกุมใบหน้าของนางเอาไว้

เพียงครูใบหน้าหวานของหญิงสาวผู้นั้นได้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะ ประกบริมฝีปากทาบทกลีบปากของนาง พร้อมพยายามเป่าลม เข้ามา น้ำตา

ของโมไปหลานไหลรินผสมไปกับสายน้ำ

หญิงงามผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้พยายามช่วยมอบลมหายใจให้ แก่นางเช่นนี้

ที่สำคัญ ทำไมชิงชิงจึงมีรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวที่กำลัง ต่อลมหายใจให้แก่นาง ไยมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัส สตรีผู้นี้ได้ ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตั้งแต่คราแรก

หรือว่าถึงเวลาของข้าแล้ว

โม่ไปหลานจําคําพูดของหญิงแก่ที่วัดชิงฉุยได้ดี

อีกมินานแม่นางจะต้องจากไปไกล รอเพียงเวลาหมุนผ่านเพื่อ ย้อนกลับมา รอผู้ที่ผูกด้ายแดงแก่นิ้วเจ้า ร่างกายนี้จะเป็นของผู้ อื่น ที่จะมาปลดพันธนาการของเจ้าให้เป็นอิสระ

ก่อนที่นางจะเดินจากมาพร้อมความรู้สึกใจหายกับโชคชะตา ของตนเอง เมื่อหันกลับไปมองหญิงชราก็หายไปเสียแล้ว
โม่ไปหลานเริ่มอ่อนแรง มิอาจดิ้นรนได้อีกต่อไปแล้ว หญิง เริ่มสำลักน้ำแล้วเช่นกัน ร่างบางกระตุกเล็กน้อย สองแขนของ หญิงสาวทั้งคู่โอบรอบร่างของกันและกันเอาไว้ พร้อมรอยยิ้ม แสนเศร้าของทั้งสองมอบให้แก่กัน ก่อนดวงตาจะปิดลงไปด้วย กันเสมือนคนเดียวกันก็มิปาน

มิติคู่ขนาน ฮ่องกง….

หลังจากราฟาเอลอุ้มภรรยาลงไปยังรถเพื่อขับพาเธอไปส่ง โรงพยาบาล โดยมีเจสซิก้านั่งเบาะข้างคนขับ ดวงตาของหญิง ได้ปิดลงนานแล้ว ลมหายใจแผ่วเบาจนแทบสัมผัสไม่ได้ว่าตอน นี้หลีถึงยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว

“พีราฟ ถ้าเกิดพาพี่ถึงถึงไปหาหมอไม่ทันล่ะคะ เราจะทำยังไง กันดี”

หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตื่นกลัวเล็กน้อย ในใจของ เธอกำลังสับสน ทั้งดีใจหากพี่สาวตายไปจริง จะได้ครอบครอง ราฟาเอลเพียงคนเดียว แต่อีกความรู้สึกก็หวาดกลัว เพราะในใจ ลึก ๆ เจสซิก้าก็รักพี่สาวอยู่บ้าง

“มันเป็นอุบัติเหตุ เข้าใจไหมเจส

ราฟาเอลมองภรรยานอนแน่นิ่งอยู่เบาะหลัง ด้วยความรู้สึก วิตกกังวล

หากเธอตาย…เขาจะทำยังไงดี เรื่องของเขากับเจสซิก้าอาจ ถูกขุดคุ้ย ซึ่งมันจะเป็นผลเสียกับงานของเขาอย่างมาก เพ ราะถึงถึงคือแรงขับเคลื่อนที่ดีของธุรกิจ ส่วนเจสซิก้าไม่ได้มีอะไรที่จะทําให้เขามั่นคงได้เลยสักนิดเดียว นอกจากความเร่าร้อนบน

เตียงเท่านั้นที่คนอย่างเจสซิก้าทำได้ดีกว่าพี่สาว เจสซิก้าเอี้ยวตัวหันไปมองพี่สาว ก่อนจะยื่นมือไปชิดปลาย จมูก เธอชักมือกลับโดยเร็ว ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังขับรถ

ราฟาเอลเริ่มมือเท้าเย็นและสั่นเล็กน้อย ด้วยความกลัวว่าสิ่งที่ เขาคิดจะเป็นเรื่องจริง

ราฟาเอลซาเลืองมองคนข้าง ๆ ก่อนจะตัดสินใจหักพวงมาลัย ชิดข้างทาง ชายหนุ่มเลื่อนเบาะไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะทำ แบบเดียวกันกับน้องสาวภรรยา มือหนาสั่นมากขึ้นจนเห็นได้ อย่างชัดเจน เมื่อเขาชักมือกลับมาวางไว้บนพวงมาลัยเช่นเดิม

“เราจะไปโรงพยาบาลไม่ได้นะ พีราฟ

เจสซิก้าหาคำพูดของตัวเองจนเจอ เมื่อนิ่งคิดมาสักพัก จนเมื่อ เธอแทบสัมผัสลมหายใจของพี่สาวไม่ได้แล้วนั่นเอง ความคิด บางอย่างจึงสว่างวาบขึ้นมาในสมอง ซึ่งบาดแผลของพี่สาวแม้ จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่หากไม่มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง บาดแผลแบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นเป็นอันขาด

“แล้วจะให้พี่ทำยังไง?” ราฟาเอลพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่

ให้สั่นเอาไว้ให้ได้

“ไปท่าเรือกัน” หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงเข้ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ