พ่ายรักพลิน

2



2

“พี่ดาจะแต่งงานแล้วหรือคะ แต่งกับใครบอกเส้น หน่อย”

ญาดาบ่ายหน้าไปทางโต๊ะของชายคนเมื่อครู พลินที่ยิ้ม อยู่ในหน้า มองตามสายตาที่สาวก่อนครางออกมาด้วย ความรู้สึกอย่างหนึ่งในหัวใจ บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร ก่อนสลายหายไปในวินาทีต่อมา

“แต่งกับ กับคุณ…คุณบารมีคนนั้นน่ะหรือคะ”

จำได้ว่าถามเสียงเบาหวิวออกไป เสี้ยววินาทีรู้สึกอิจฉา ญาดา ผู้เป็นพี่สาวขึ้นมาแวบหนึ่งที่กำลังจะได้แต่งงานกับ ผู้ชายอย่างบารมี

“คุณพ่อแทบเอาพี่ใส่พานไปถวายให้เขาอยู่แล้ว”

ญาดาเล่าต่อว่าบิดากับบารมีกำลังทำธุรกิจร่วมกัน โดย มีนายสมช่วยรับผิดชอบดูแลให้ในบางส่วน และบารมี ดูแลผลผลิตและการแปรรูป

ที่แต่งงานกันนี่ก็เพราะเขาพบญาดาแล้วเกิดถูกตา ต้องใจตนเองมาก ทำนองว่าเธอคือรักแรกพบอะไรเทือกๆ นั้น นายสมเห็นดีเห็นงามด้วยเลยเอ่ยปากให้บารมีพา ผู้ใหญ่มาสู่ขอทาบทาม แล้วเขาก็พามาแล้วด้วย คุยกัน แล้ว ตกลงกันแล้วว่าอยากหมั้นหมายเอาไว้ก่อน ญาดาเรียนจบเมื่อไรค่อยแต่งกันตอนนั้น

พลินมองพี่สาวที่มีท่าทีขัดแย้งในตัวเอง ตอนที่เห็นคุย กับบารมีดูยิ้มแย้มสดชื่นดีนี่นา มาบัดนี้ทําไมคล้ายไม่ ชอบใจที่จะได้แต่งงานกับเขา ก่อนปัดความคิดพวกนั้นทิ้ง ไป

ญาดาเล่าต่อว่าบารมีเอาแต่ทํางานไม่ค่อยสนใจเธอ ขนาดว่าผู้ใหญ่คุยเรื่องหมั้นหมายเอาไว้แล้ว กลับไม่เคย ชวนญาดาออกไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย พอฟังมาถึงตรง นี้ก็ค่อยเข้าใจมากขึ้น

ที่แท้ญาดาคงน้อยใจเขานี่เอง ที่กำลังจะแต่งงานกันอยู่ แล้วแต่ไม่ค่อยได้มาดูแล รู้ว่าญาดาชอบคนเอาอกเอาใจ แต่ท่าทางของบารมีไม่ใช่คนจะเอาใจใครได้เลย

“พี่ว่าอยู่กับสวนกับไร่แบบนั้น จะรวยแค่ไหนกันพลินว่า ไหม” ญาดาชวนคุยต่อ สายตาคล้ายประเมิน มองไป ทางโต๊ะของบารมีอย่างครุ่นคิด “แล้วพลินเห็นไหมว่าเขา น่ะขรึมจะตาย ถามคำตอบคํา แล้วก็ยังระเบียบจัดมาก ด้วยนะ” ถอนใจเฮือก บ่นต่ออีก “ไม่รู้ว่าเขารักพี่จริงหรือ เปล่า”

พลินยิ้มก่อนว่า “ท่าทางคุณบารมีคนนั้น เขาดูเป็นคนรัก ใครรักจริงออกค่ะพี่ดา”
“พลินจํา อย่าเชื่อมั่นอะไรแบบนั้นเลยนะ ว่า แล้วใจ ของพี่น่ะนะ ถ้าต้องแต่งงานกันจริงๆ พี่ก็อยากได้คนที่ รวยอยู่แล้ว ไม่ใช่ต้องมาช่วยกันทำมาหากิน ต้องมาเริ่ม ทําอะไรเองทั้งหมดแบบเขาน่ะ พลินเข้าใจใช่ไหม ไอ้แบบ ที่ต้องมาช่วยกันปากกัดตีนถีบเนี่ย พี่ไม่ค่อยอยากเชื่อน้ำ หน้าเท่าไรหรอกว่ามันจะไปรอด จะสู้คนที่เขารวยอยู่แล้ว หรือไม่ก็พวกที่เขาทำงานช่วยทางบ้านแบบนั้นได้หรือ นั่น น่ะยังไงก็ถือว่ามีพ่อแม่ช่วยซัพพอร์ต ยังไงก็ไม่น่าจะมี ทางล้มได้หรอก”

ญาดาว่าในหัวคิดไปถึงชายอีกคนที่ตนกำลังสนใจเขา อยู่ ก่อนบุ้ยปากไปทางบารมีอีกรอบ ถามน้องสาว

“พลินดูคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลังเขาสิ”

“ทําไมหรือคะ”

“ก็พวกลูกน้องของคุณบารมีน่ะสิ นี่รู้ไหมว่าเป็นพวก ขี้คุกทั้งนั้นเลยนะ…นึกแล้วขยะแขยง ลองคิดเล่นๆ ดูนะ ถ้าพี่แต่งเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาแล้ว วันดีคืนดีมันเกิดบ้า ลุก ขึ้นมาปู้ยี่ปู้ยำพี่แล้วฆ่าพี่ทิ้ง พี่จะทำยังไง”

“พี่ดาคิดมากไปแล้วค่ะ บางคนที่เขาเคยติดคุกมาก่อน ออกมาแล้วก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดีมีเยอะแยะไปนะคะ แล้วพลินว่า…” เด็กสาวมองคนเหล่านั้นที่พี่สาวบอกว่าน่า กลัว “พลินว่าพวกเขาก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลยนะพี่ดา”

“ใช่สิ เราน่ะชอบคุณบารมีเขาแล้วนี่ อะไรๆ ก็เห็นว่าดี ว่างามไปหมดนั่นแหละ” ญาดาว่ายิ้มๆ อย่างต้องการหยั่ง เชิงน้องร่วมบิดา

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” ปากบอกปัด แต่ใจก็เต้นตูมตาม ด้วยกลัวว่าพี่สาวจะเข้าใจตนเองผิด “พลินไม่คิดถึงเรื่อง รักเรื่องใคร่หรอกค่ะ พลินยังต้องเรียนหนังสือ”

“จ้า ยัยแม่ชี” ญาดาว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ

พลินรีบยิ้มรับคําที่พี่สาวว่าทันที แล้วเงียบฟังพี่สาว วิจารณ์ชายคนนั้นต่ออีกพักใหญ่ หัวข้อสนทนาค่อย เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นต่อจากนั้น สองสาวรับประทาน อาหารจนเรียบร้อยดีแล้วจึงกลับเข้าบ้านในเวลาต่อมา

อีกร่วมสองสัปดาห์จวนเจียนที่พลินจะต้องเข้าไป รายงานตัวที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพอยู่รอมร่อ ญาดา ก็เข้ามาหาที่ในห้องครัวตอนใกล้เที่ยง แต่ไม่พบคนที่ ต้องการเจอจึงถามเด็กในบ้านคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้น

“น้าพยอมล่ะ”

คนถูกถามหน้าเหลอไปครู่เดียวเพราะไม่รู้ว่านางพยอม หายไปไหน จังหวะนั้นเองก็เห็นคนถูกถามหาเดินเขยกๆ เข้ามาทางหลังบ้าน

“หายดีหรือยังคะน้าพยอม”

ญาดาทักขึ้นก่อนเป็นคำแรก ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่า รัก พอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายไม่ใคร่สุขสบายกายเท่าไรนัก เจ้าตัวทํางานหนัก มาประจวบเข้ากับไปล้มหลังกระแทก พื้นอีกเลยยิ่งแย่ แว่วว่าเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลาย รอบแล้วเหมือนกัน และที่ทําเป็นทักถามผิดจากคราวก่อน ก็เพราะมีจุดประสงค์

“ยังมีปวดอยู่หน่อยๆ ค่ะคุณดา”

นางพยอมตอบถนอมคำ แม้ความจริงยังเจ็บปวดอยู่มาก ก็ตามที แต่ไฉนใครเลยจะมาสนใจอาการเจ็บป่วยของ คนอื่น หากไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน

“ไปหาหมอหรือยังคะ”

ญาดายังคงแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยผิดจากคราวก่อน

“ไปมาแล้วค่ะ หมอว่าอาการแบบนี้ต้องผ่าถึงจะหายน่ะ

ค่ะ”

“อุ๊ย! ถึงขั้นต้องผ่าเลยหรือคะ หมอที่ไหนคะเนี่ย” ญาดาถามด้วยท่าทางกระตือรือร้นใส่ใจแม้ความจริงแล้วจะ ไม่อยากรู้เท่าไรก็ตาม

“โรง’บาลบ้านเรานี่ล่ะค่ะ” โรงพยาบาลจังหวัดก็คือ โรง’บาลบ้านเราอย่างที่นางพยอมเอ่ยถึง ญาดาเลือก เข้าไปนั่งลงใกล้ๆ กับนางพยอม พูดคุยด้วยทีท่าสนิท สนมกว่าทุกคราว

“ฮึม…ดาเคยได้ยินว่าผ่าแล้วแย่กว่าเดิมอีกนะคะ”

“ค่ะ น้าก็เคยได้ยินเขาว่ามาแบบนั้นเหมือนกัน เลยต้อง ทนเอา ปวดมากค่อยกินยาทายาเอาค่ะ พอทุเลาลงบ้าง”

ญาดาเบื่อจะคุยเรื่องอาการเจ็บป่วยของคนอื่นอีกต่อไป แล้วเลยเข้าเรื่องของตนทันที “แล้วนี่…” สายตาหวานชวน ฝันของบุตรสาวสุดรักนายสมมองกวาดไปทั่วบ้าน ค่อย เอ่ยปากถาม “พลินไปไหนคะ”

“จะให้ทําอะไรหรือคะ เดี๋ยวน้าเรียกให้ค่ะ”

“ว่าจะพาไปเที่ยวทะเลด้วยน่ะค่ะ เนี่ยค่ะพอเขาไปเรียน แล้วคงไม่ได้เที่ยวไหนแน่ๆ ดาเลยอยากพาน้องไปฉลอง ก่อน ได้ไหมคะน้าพยอม” สาวงามร่ายยาว ออดอ้อน ฉอเลาะเพื่อโน้มน้าวให้นางพยอมออกปากอนุญาต
“แล้วแต่เขาเถอะค่ะ น้าไม่ว่าอะไรหรอก…นุ่นมาพอดี”

พลินเดินตามเข้ามาจากทางหลังบ้าน สองมือหิ้วข้าวของ พะรุงพะรังเข้ามาด้วย พอเห็นญาดาก็ชะงักหน่อยหนึ่ง ก่อนฝืนยิ้มถาม พยายามทำตัวให้เป็นปกติ

“มีอะไรหรือคะพี่ดา

“จะมาพาเราไปเที่ยว ไปด้วยกันนะพลิน” หญิงงามผู้พี่ เอ่ยชวนทันทีไม่มีปี่มีขลุ่ย คนถูกชวนหน้าเหลอเมื่อวาง ของในมือลงแล้ว มองสบตากับมารดา ก่อนถามกลับด้วย สีหน้างงงัน

“เดี๋ยวนะคะ เที่ยวที่ไหนคะพี่ดา”

“ไปเที่ยวทะเลน่ะสิ ไปไหม”

“อยากไปไหมละลูก” นางพยอมหันมาถามเอากับบุตร สาวของตน พลินมองพี่สาวที่ส่งสายตาคาดหวังมาให้ ญา ดารู้ว่าพลินไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหน และการนำตัวเลือก ของสถานที่ที่เป็นทะเลมาเชิญชวนก็จูงใจพลินอยู่ไม่น้อย พลินมองตอบพี่สาวแล้วเลยตอบรับคำชวน และการพยัก หน้าของพลิน ก็เปลี่ยนชีวิตของเด็กสาวให้ก้าวกระโดด ข้ามไปอีกขั้นในตอนนั้นเอง

ถึงวันนัดหมาย ญาดาขับรถมาด้วยตัวเอง
จุดหมายคือบ้านพักชายทะเลที่พลินเพิ่งเคยมาเป็นครั้ง แรก

“เราจะอยู่กันกี่วันคะพี่ดา” พลินถามทันทีที่ลงรถ แววตา เป็นประกาย ดีใจที่ได้มาเที่ยวทะเล และดีใจมากกว่าคือ คนที่พาเธอมาเป็นพี่สาวของตัวเอง ตอกย้ำความคิดที่ว่า ญาดาช่างงามทั้งกายและใจ อย่างหาใครมาเปรียบเทียบ มิได้

“อยากอยู่กี่วันล่ะ” ญาดาถามยิ้มๆ แทนที่จะตอบคำของ

น้อง

“อืม…บรรยากาศดีแบบนี้นะ” พลินที่มาเที่ยวทะเลได้ไม่ ถึงสามครั้งบอกพร้อมสูดอากาศเข้าปอด ยิ้มแต้ ตอบด้วย สีหน้าทะเล้นนิดๆ “พลินอยากอยู่ตลอดไปเลย ได้ไหม คะ”

“งั้นมาช่วยกันยกของลงก่อน แล้วจะให้อยู่ไปเลยตลอด ชีวิต เออ…นี่ พี่มีเรื่องจะสารภาพแหละ” ญาดาบอกเสียง อ่อยในตอนท้าย พลินหยุดยิ้ม ถามกลับ

“เรื่องอะไรคะพี่ดา

“คือ จริงๆ แล้ว ที่พี่ชวนมาเนี่ย คือ มันเป็นงานเลี้ยง ฉลองของพี่กับคุณบารมีน่ะ”
พลินยังคงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถาม “ฉลองอะไรหรือ คะ”

ญาดากวาดสายตาสำรวจน้องสาวก่อนตอบเสียงราบ เรียบ ลอบสังเกตอาการของคนเป็นน้องไปพลาง

“งานฉลองสละโสดของพี่กับคุณบารมีน่ะสิ”

“ฉลองสละโสด?”

พลินทวนคำตอบด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปวูบ งาน เลี้ยงฉลองสละโสดของพี่สาวของเธอกับบารมีอย่างนั้น หรือ แสดงว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันในเร็ววันนี้อย่างนั้นสิ แล้วความรู้สึกผิดก็แวบผ่านเข้ามาในหัวของพลิน ตัดสิน ใจในตอนนั้นเองว่าจะไม่ตกลงทำเรื่องเลวร้ายให้พี่สาว ต้องทุกข์ใจเป็นอันขาด ฝืนยิ้ม กำลังเอ่ยปากแสดงความ ยินดี ญาดาก็ว่าขัดก่อน

“แต่พี่ไม่กล้าบอกน้าพยอมแบบนั้นไง กลัวไม่ให้เรามา ด้วย เลยบอกว่ามาฉลองให้เราที่สอบเข้ามหา’ลัยได้ พลิ นไม่ว่าอะไร ใช่ไหม”

ส่ายหน้าเร็วๆ บอกให้พี่สาวสบายใจ ว่าเธอและแม่ไม่ใช่ คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น “ไม่ว่าหรอกค่ะ ดีเสียอีก พลิน จะได้อยู่ฉลองด้วย ดีใจด้วยนะคะพี่ดา แสดงว่าพี่ดาเปิด ใจ แล้วก็ยอมรับคุณบารมีแล้วใช่ไหมคะแบบนี้”

“…อื้มม์ ถูกใจของหมั้นแล้วก็สินสอดด้วยแหละ พี่เลย เปลี่ยนใจ แต่งก็แต่ง” ญาดาตอบแล้วเสมองไปทางอื่น แทนคล้ายมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในใจ

“ดีแล้วค่ะพี่ดา จะว่าไปพลินว่าพี่ดากับคุณบารมีก็เหมาะ สมกันมากเลยนะคะ พี่ดาสวย คุณบารมีก็หล่อ สมกัน มากๆ เลยค่ะ พลินดีใจด้วยนะคะพี่ดา”

“ขอบใจมากพลิน”

สองสาวยิ้มให้กันแล้วขนของลงจากรถต่อจากนั้น

มีรถขับเข้ามาในบริเวณบ้านพักชายทะเลอีกเกือบสิบ คัน เป็นเพื่อนชายหญิงของญาดาแทบทั้งสิ้น ที่เหลือเธอ ไม่คุ้นหน้าคงเป็นเพื่อนของฝ่ายชาย และที่ทำให้พลินใจ สั่นก็เห็นจะเป็นรถคันที่ขับเข้ามาเป็นลำดับท้ายสุด ชาย คนที่กำลังเลื่อนขึ้นมาเป็นพี่เขยของเธอ

บารมีลงมาแล้วเดินอ้อมไปที่ตอนท้ายรถของเขา ญาดา ที่มองดูอยู่ตลอดแตะแขน วานพลิน

“ไปช่วยพี่เขายกของหน่อยไป” ญาดาบอกจบแววตาดู กระวนกระวาย แต่พลินไม่ได้สังเกต เจ้าหล่อนเอาแต่มอง โทรศัพท์ในมือของตนเองอยู่ตลอด คล้ายรอสายของใครบางคน

“ค่ะ” รับคำพี่สาวแล้วเลยเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปหาชาย หนุ่มมาดสุขุมที่เคยพบหน้ากันมาหนหนึ่งแล้วในร้าน อาหารเมื่อคราวก่อน พลันแววตาเด็กสาวปรากฏอารมณ์ ชนิดหนึ่งขึ้นก่อนจางหายไป เจ้าตัวเดินไปหยุดยืนห่างๆ บอกด้วย ท่าเกร็งๆ

“ให้พลินช่วยยกอันไหนบ้างคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ