พราวฟ้า

บทที่ 5 ความเจ็บที่ไม่มีเสียง



บทที่ 5 ความเจ็บที่ไม่มีเสียง

อีกด้านของห้องที่อยู่ติดกันพราวฟ้าที่ยังไม่นอนเพราะอ่าน หนังสือที่จะสอบพรุ่งนี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากห้องข้างๆ เธอค่อยๆ เอียงหูฟัง และเสียงมันก็ดังขึ้น เรื่อยๆ

เสียงนี้มัน

หัวใจของพราวฟ้าเต้นกระหน่ำ

“อ๊า ไคล์ อ้า เบาหน่อย อ๊า” เสียงครางโหยหวนเรียกชื่อคนที่ อยู่ร่วมห้องเธอมาตลอดสามเดือน

พราวฟ้าเม้มปากแน่นจนรู้สึกเจ็บแต่เธอก็ไม่หยุด เจ็บกายเธอ ไม่สนแต่เจ็บใจนี่สิ เห็นเธอเป็นแบบนี้เธอก็มีความรู้สึกมีหัวใจ เขาทําแบบนี้ได้ยังไง

ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเธออยู่อย่างสงบ ไคล์ไม่เคยพาผู้ หญิงคนไหนมาที่นี่ ถึงเธอจะรู้ว่าเขานอนกับคนอื่น เธอก็ไม่เคย ยุ่งแล้ววันนี้มันคืออะไร เขาต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ

“อ๊า อ๊า”

พราวฟ้าทนฟังไม่ได้ นอนเอาหมอนปิดหูทั้งสองข้างมุดหน้าลง กับเตียง แต่เสียงมันดังเกินไป น้ำตาหลายหยดไหลออกมาเป็น สาย เสียงสะอื้นดังขึ้นเบาๆ
ทําไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทําไม

มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเสียบหูฟัง เปิดเพลงให้ ดังสุดเสียง ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลออกมาตอกย้ำความเจ็บช้ำ

ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเธอคงไม่เจ็บขนาดนี้ ใช่เธอ ยอมรับเต็มปากว่าชอบไคล์ ส่วนหนึ่งที่ยอมตกลงรับข้อเสนอ เพราะเธอชอบเขา

ไคล์เป็นผู้ชายคนแรกที่เธอแอบเฝ้ามองเขามาตั้งแต่เด็กๆ ถึง เขาจะตั้งท่ารังเกียจเธอแค่ไหน เธอก็ไม่เคยเกลียดเขากลับเลย สักครั้ง จนกระทั่งเข้ามหาลัยเธอก็ได้แต่แอบมองเขาอยู่ห่างๆ ไม่ เคยเปิดปากเล่าให้ใครฟังว่าอยู่บ้านเดียวกันกับเขา

จนกระทั่งคุณทิพย์อาภายื่นข้อเสนอให้ เธอก็ตอบตกลง แต่ก็ ไม่ได้แสดงว่าดีใจมากมายอะไร ทั้งที่ใจเธอตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะ ๆ ได้อยู่ใกล้เขา

เธอไม่เคยคิดจะให้เขาชอบตอบ ไม่เคยหวังว่าตัวเองจะ เปลี่ยนใจเขาได้เหมือนอย่างที่แม่เขาหวัง ขอแค่เธอได้อยู่ใกล้ๆ เขา แค่ช่วงนี้เท่านั้นก็พอ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ได้ เธอจะอดทน ให้ ถึงที่สุด ทนเท่าที่จิตใจผู้หญิงคนหนึ่งจะทนได้ แล้วบอกตัวเองให้ พอ ถ้าเขาไม่เห็นค่า

อีกเหตุผลหนึ่งที่เธอเต็มใจมาอยู่ที่นี่คือเธอเป็นต้นเหตุให้ไคล์ เป็นแบบนี้ เธอทำให้เขากับแม่ทะเลาะกัน ไคล์ไม่ชอบเธอข้อนี้ เธอรู้ เขาออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่จบมอหกด้วยซ้ำ เธออยาก ชดใช้ให้เขา
เธอนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจเสียงที่ดังมาจากข้าง ห้องอีก หัวใจเธอมันซาไปหมดแล้วตอนนี้ จนเผลอหลับไป

ก๊อกๆ ก็อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้พราวฟ้าสะดุ้ง เสียงเคาะมันดังมาก หญิงสาวมองไปที่ประตู ปากบางเม้มเข้าหากัน คงเป็นใครไม่ ได้ที่มาเคาะประตูห้องเธอเวลานี้ แล้วเขาจะมาทำไม

ก๊อก ๆ

พราวฟ้าค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เช็ดคราบน้ำตาที่อาบแก้ม ออกจนหมดแล้วค่อยๆ เดินไปเปิดประตู

“ซักช้า” พอเปิดออกก็เจอกับคนที่ทำหน้าตาอารมณ์เสียใส่ พราวฟ้าไม่ได้พูดอะไร มองคนตรงหน้านิ่งๆ

ไคล์จิปาก รู้สึกอารมณ์เสียหน่อยๆ ที่เห็นแม่นางบำเรอนอน

หลับสบาย

“มีอะไรคะ” เธอถามเขาเสียงเรียบ

“ยืมชุดหน่อยสิ” พราวฟ้าขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ฉันทำขาด” จนกระทั่งไคล์ยกชุดที่เขาถือมาด้วยให้เธอดู ผล งานชิ้นโบแดงของเขา

ทั้งที่ใจเธอไม่เฉยด้วย พราวฟ้ามองชุดนั้นด้วยสายตาเฉยเมย ทั้งที่ใ แต่เธอจะพูดอะไรได้

“รอสักครู่ค่ะ” เธอพูด แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบชุดหนึ่งออกมา

“เชยชะมัด ไปทำความสะอาดห้องนั้นให้ด้วยไคล์หยิบมาสํารวจ ชุดยอมรับไว้ สั่งเสียงเรียบ

พราวฟ้ามองคนได้สิ่งต้องการพร้อมสั่งเสร็จสับแล้ว เดินออกไป เธอประตูพร้อมกับร่างกายที่ค่อยบางทิ้ง

เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าสองคนไป แล้ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกหายใจกลับเป็นปกติ

ก่อนเธอจะพาจิตใจอันบอบช้ำมาห้องที่เธอเจอสภาพห้องยับเยิน เธอพยายามมองอย่างความ

ถ้าเธอทำ พรุ่งเขาต้องมาโวยวาย

พราวฟ้าความสะอาดจนเสร็จ ก็กลับไปนอน สามทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เธอหลับไป ที่พรุ่งมีสอบตอนสิบโมง

มา กลับเข้ามาตอน ฟ้าสาง เปิดเข้าไปดูห้องตัวเอง งานก่อนหน้าเบะปาก

“ยัยนั้นเป็นหุ่นยนต์รึ” เขาไม่เชื่อหรอกว่าพราวจะมีความรู้สึกอะไรเลย แต่หน้าตาที่เหมือนไม่รู้สึกอะไรนั่นมันก็ทำให้ เขาเจ็บใจ จะทนได้สักกี่น้ำ

“สอบได้ไหมพราว” ปริมถามเพื่อนขณะเดินออกจากห้องสอบ

“พอได้” พราวฟ้าตอบตามความจริง

“พอได้รู้ได้เต็มจ๊ะ” พราวฟ้าไม่ตอบแต่ยิ้มนิดๆ

“ไปไหนต่อ ไปหาอะไรกินไหมพราว” อะตอมที่วิ่งตามออกมา จากห้องสอบติดๆ กัน

“กินไรอ่ะ” ปริมถาม

“ฉันก็ถามพราวอยู่นี่ไง ปริมเบ้ปากใส่เพื่อน เธอแต่ก็ไม่ น้อยใจอะตอมหรอกนะ เธอรู้ว่าเพื่อนชายของเธอคนนี้คิดยังไง กับเพื่อนผู้เย็นชาพูดน้อย เธอพร้อมจะสนับสนุนเชียวล่ะ

“เรากินอะไรก็ได้ ปริมอยากกินอะไรล่ะ

“อยากกิน mk อ่ะ”

“ใครจะไปกิน mk ย่ะ ไปด้วยสิ” เอมม่าที่รีบเดินตามหลังพวก

นี้มาก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“พราวว่าไงอยากกินไหม” อะตอมหันไปถามความเห็นพราวฟ้า

“ไปสิ”

“ไปเลย” ปริมร้องดีใจ ทั้งหมดก็มาอยู่ที่ร้าน mk สั่งอาหารเสร็จก็นั่งรอ
“ฉันเกือบไม่รอดแหนะเกือบจะมาสอบไม่ได้” เอมม่าเล่าเรื่อง ที่เธอเกือบพลาดการสอบ แต่สีหน้าไม่ได้กังวลเหมือนเรื่องที่เล่า อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ พราวฟ้าและปริมก็จัดการใส่ลงหม้อ “ทำไมละ ปริมหันไปถามซะหน่อย เห็นความพยายามที่

อยากเล่า

“ก็เมื่อคืนฉันไปกับไคล์มา จำที่ฉันเคยพูดได้ไหม ฉันบอกว่า จะขึ้นเตียงกับไคล้ให้ได้” เอมม่าเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและดีใจ สุดๆ เหมือนเรื่องที่เธอพูดมันเป็นเรื่องปกติ

“เธอทําสําเร็จว่างั้น” ปริมเลิกคิ้วถาม

“ใช่ แล้วรู้อะไรไหม เขาพาฉันไปที่คอนโดด้วย มันยอดมาก” เอมม่าเล่าอย่างภูมิใจ

อะตอมฟังสิ่งที่เอมม่าเล่าเงียบๆ ทั้งที่ในใจนึกสมเพชผู้หญิง

คนนี้ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้เพราะเป็นผู้ชาย ถ้าพูดไปเดี๋ยวจะหา

ว่าหน้าตัวเมียอีก

ด้านพราวฟ้าตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินชื่อไคล์ เธอกำมือเข้าหา กันแน่นตัวสั่นเท่า ถ้าใครสังเกตดีๆ จะเห็น แต่ยังดีที่ไม่มีใคร สังเกต

ผู้หญิงคนเมื่อคืนคือ เอมม่าอย่างงั้นเหรอ แสดงว่าเธอใช้ ผู้ชายคนเดียวกันกับเพื่อนกลุ่มแล้วสินะ

“แต่ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
“เรื่อง” ปริมถามต่อ ถึงจะไม่ได้สนใจว่าเอมม่าจะไปนอนกับ ใครยังไง แต่นางก็เล่ามาแล้ว เลยถามให้มันจบๆ จะได้เล่าครั้ง เดียว

“เขาอยู่กับใครไม่รู้ แต่น่าจะเป็นผู้หญิงเพราะเขาไปเอาชุด ห้องข้างๆ มาให้ฉันใส่ เอมม่าคิ้วขมวดเข้าหากัน เธอฟันธงว่า ไคล์อยู่คอนโดนั้นกับผู้หญิง แต่คงไม่ใช่แฟน เพราะถ้าเป็นแฟน เขาคงไม่กล้าพาเธอไปที่นั่น

“น้องเขารึเปล่า”

“แต่เขาไม่มีน้องนะ” จากที่ไปสืบมาไคล์เป็นลูกคนเดียว

“งั้นใครละ”

“ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่าฉันต้องรู้ให้ได้

“เธอเป็นแฟนเขาแล้วเหรอ

“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปฉันต้องเป็นแฟนเขาแน่เพราะยังไงฉันก็ ไม่มีวันปล่อยไกลไป” เอมม่าพูดอย่างหมายมั่น เขาเป็นของเธอ แล้ว เธอมาได้ขนาดนี้แล้วยังไงเธอก็ไม่มีวันปล่อยเขาไป เธอ ได้ยินมาว่าไคล์หวงความเป็นส่วนตัวสุดๆ แต่การที่เขาพาเธอไป ที่คอนโดมันทำให้เธอดีใจจนเนื้อเต้น เธอต้องมีความสำคัญกับ เขาบ้างไม่มากก็น้อย

พราวฟ้าแทบจะไม่อยากอยู่ตรงนี้ ใจเต้นระทึกเธอเหมือนถูก ค้อนหนักๆ ทุบลงที่หัว

“พราวเป็นอะไรรึเปล่า” อะตอมที่หันมาเห็นหน้าซีดๆ ของพราวฟ้าก็รีบถาม

“เรา เรา…ปวดท้องนะ ขอตัวก่อนนะ พวกเธอกินกันเลย

พราวฟ้าตัดสินใจลุกออกไปจากตรงนี้ เธอไม่แน่ใจว่าถ้านั่งนาน

กว่านี้เธอจะร้องไห้ออกมารึเปล่า มันจุกไปหมด แน่นหน้าอกแทบ หายใจไม่ออก พอออกมาจากร้านได้ พราวฟ้าก็วิ่งทันที เพราะเธอได้ยินเสียง

อะตอมที่ตามออกมา

“พราว พราว” อะตอมร้องถาม รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาคนที่ วิ่งออกไป

“เป็นอะไรของเขานะ โทรไปสายแรกไม่รับ เขาก็โทรอีก

ด้านพราวฟ้าที่ขึ้นมาอยู่บนรถได้ หยิบโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่อง ออกมาดู เม้มปากบางเข้าหากัน สูดลมหายใจเข้าลึก

“เป็นอะไรรึเปล่า ตอมเห็นพราววิ่ง

“เราปวดท้องนะ วิ่งมาเข้าห้องน้ำ แค่นี้ก่อนนะตอม” เธอรีบ พูดแล้วก็รีบวาง เพราะไม่อยากให้เพื่อนซักมากกว่านี้ กลัวว่า อะตอมจะได้ยินเสียงสะอื้นของเธอ

อะตอม : จะกลับห้องเลยใช่ไหม

แต่อะตอมก็ไม่วายส่งข้อความเข้ามาหา

พราวฟ้า : อืม

อะตอม : ถึงห้องแล้วไลน์บอกตอมด้วยนะ
พราวฟ้า : จ๊ะ

เธอตอบกลับไปสั้นๆ อะตอมดีกับเธอมาก เธอไม่อยากให้ เพื่อนเป็นห่วง หลังจากตอบข้อความเสร็จ ความอดทนทั้งหมดของเธอก็ยัง

ทลายลง ฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ร้องไห้สะอื้นออกมาอย่าง หนัก

ทําไม ทําไมต้องเป็นคนใกล้ตัวเธอด้วย กลางวันเขานอนกับ เธอ กลางคืนนอนกับเพื่อนเธอ

พราวฟ้าไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่ในรถนานแค่ไหน จนกระทั่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจึงเก็บก้อนสะอื้นเข้าไปในอก หยิบ โทรศัพท์ออกมาดู คุณแม่

“ค่ะ คุณแม่”

(พราวเป็นอะไรลูก ใครรังแกหนู ตาไคล์รึเปล่า) คำแรกที่ท่าน ถามหลังจากได้ยินเสียงเธอ ปากบางเม้มเข้าหันกัน น้ำตาไหล อาบแก้ม

“เปล่าค่ะ พราวเป็นหวัดค่ะ” พราวฟ้าจําเป็นต้องโกหก เธอไม่ อยากให้ท่านเป็นห่วง

(ไม่สบายเหรอลูก แล้วกินยารึยัง)

“กินแล้วค่ะ คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ

(แม่แค่คิดถึงจ๊ะ ว่าจะชวนลูกๆ กลับมาทานข้าวที่บ้าน)
“วันไหนคะ”

(พวกหนูว่างวันไหนจ๊ะ)

“วันเสาร์พราวว่างค่ะ แต่พราวไม่รู้ว่าพี่เขาจะว่างรึเปล่า” เธอ ไม่ได้ตรวจสอบตารางเรียนของไคล์ ไม่แม้จะสนใจ เพราะเธอ กลัวว่าจิตใจเธอจะหมกมุ่นกับเขามากเกินไป รู้แค่บางเรื่องก็พอ (เดี๋ยวแม่จะลองโทรหาไคล์ หรือไม่หนูก็ลองถามไคล์ให้แม่

หน่อยสิจ๊ะ)

“ค่ะ พราวจะถามให้” เธอจะบอกได้ยังไงว่าหน้าก็แทบไม่ได้ เจอกัน ถ้าเธอไม่เจอเขา ไม่ได้ถามเขา วันเสาร์เธอก็จะเข้าไปคน เดียวแล้วบอกว่าเขาไม่ว่าง

พราวฟ้าขับรถกลับคอนโดเหมือนคนวิญญาณออกจากร่าง พอเข้ามาในห้อง เธอก็หาอะไรทำ ทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อไม่ให้ คิดมาก

เธอต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้พราวฟ้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ