พนันรักร้ายเจ้าชายปีศาจ

ตอนที่ 6



ตอนที่ 6

ก๊อกๆๆ

ฉันเดินไปทางฝั่งของคนขับรถ ก่อนจะเคาะกระจก เพื่อให้ เขาลดกระจกลงมา เพราะฉันไม่ได้อยากนั่งไปกับเขา เลยอยาก จะขอคุยเพื่อเคลียร์กันสักหน่อย

แต่สิ่งที่อีกฝั่งทำ ไม่เพียงแต่ไม่ลดกระจกเท่านั้น แต่ยังเปิด ประตูฝั่งข้างๆคนขับออกมา ด้วยระบบอัตโนมัติ

สิ่งที่เขาทําคือเป็นการบ่งบอกว่าให้ฉันขึ้นไปบนรถสินะ

แต่นี่ใคร ฉันแอมแปร์นะ

ฉันไม่เห็นจําเป็นต้องแคร์เลย กับไอ้คำขู่บ้าๆนั่น ก็แค่เดิน จากตรงนี้ไปทุกอย่างก็จบแล้ว

จากที่ฉันยืน โน้มตัวลงไปเคาะกระจกนั่น ฉันเลยเปลี่ยนเป็น ยืนตรงแทน ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นโดยที่ไม่ สนใจว่าจะมีแมลงวัน หรือแมลงอะไรบินเข้าไปในรถเขาที่เปิด ประตูรถไว้อ้าซ่าอย่างนั้น

แต่ระหว่างเดินไป อยู่ๆตัวของฉันก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ ทันที
“ว้ายยยย” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรู้ตัวอีกที คือตอนนี้ฉันโดนหมอนั่นอุ้มโดยแบกตัวฉันพาดไหล่ แล้วก็ ก้าวเดินไปยังรถที่จอดเอาไว้ ทางฝั่งข้างคนขับรถ

“ปล่อยนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต” ฉันตะโกนด่า พร้อมทั้งดีดดิ้น ไปมา แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งฉันโดนโยนเข้ามาในรถจนเซไป ทางคอนโซลกลาง

ก! ปัง!

เสียงปิดประตูรถดังขึ้น ทำให้ฉันรีบลุกลี้ลุกลนขึ้นมานั่งให้ ปกติ ก่อนจะพยายามเปิดประตูออกไป ซึ่งก็เหมือนเดิม ฉันไม่รู้ ว่ามันเปิดยังไง เพราะวันนั้นฉันก็ไม่ได้มองเลยสักนิดว่าเขาเปิด ประตูให้ฉันยังไง ฉันพยายามคว้านหาไปเรื่อยจนกระทั่ง แกร๊ก เจอแล้ว!

ฉันเตรียมตัวจะผลักประตูแล้วเดินออกมา แต่แล้วก็มีมือยาว มาพาดผ่านหน้าฉันไป พร้อมกับดึงประตูให้กลับมาแนบสนิทดัง เดิม

กรีก

ฉันหันไปมองเจ้าของมือใหญ่นั่นทันที ก็พบว่าผู้ชายที่เพิ่งอุ้ม ฉันมาสดๆร้อนๆ เดินอ้อมเข้ามานั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกดปุ่มอะไรสักอย่างในรถ ที่ทำให้ประตูในรถถูกล็อก โดยทันที

กรีก

“นี่นาย กล้าดียังไงมาบังคับฉันขึ้นรถห่วยๆแบบนี้ฮะ!!” ฉัน หันควับไปตะโกนด่าทันที แล้วไอ้รถห่วยที่ว่า ก็เพราะว่ามันเปิด ประตูยากเปิดประตูเย็นน่ะสิ รถบ้าอะไรก็ไม่รู้ จะเทคโนโลยีเยอะ ไปไหนกัน

“แล้วเธอกล้าดียังไง มาเดินหนีฉันแบบนี้” เขาตอบกลับมา ด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ทว่ากลับดูดุดัน ด้วยแววตาและน้ำเสียง ทำให้ฉันเงียบไปและพูดไม่ออก มันทำให้ฉันรู้สึกกลายเป็นลูก แมวไปในชั่วขณะ ในขณะที่เขาดูเหมือนราชสีห์ ที่พร้อมจะข แมวตัวนี้เมื่อไรก็ได้ที่เขาต้องการ

เขามองมาทางฉันนิ่งๆสักพัก แล้วเปลี่ยนเป็นหันหน้าตรง ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ เพื่อออกตัวรถไปทันที นั่นเลยทำให้สติฉัน กลับมาอีกครั้ง

“นายไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้” ฉันยังไม่ลดละที่จะ โวยวายใส่คนเอาแต่ใจข้างๆอีกครั้ง แต่เขาก็ยังเงียบเฉยเหมือน กับว่า สิ่งที่ฉันพูดเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา

“อยากได้สิทธิ์นั่นมั้ยล่ะ” เขาพูดขึ้นมานิ่งๆ แต่ทว่ามุมปากกลับถูกยกยิ้มขึ้นมา

“แม้แต่เพื่อน ฉันก็ไม่ให้คนอย่างนายหรอก!!” ฉันตะโกนว่า ออกไป โดยที่คนข้างๆก็ยังหน้านิ่งมองทางอยู่อย่างนั้น ไม่สะทก สะท้านอะไร นอกจากมุมปากที่ถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อย

“หึหึ”ส่วนฉันก็กลับไปนั่งหน้าตรงไม่พูดคุยอะไรกับเขาต่อ

“แล้วนี่นายจะไปไหน” ฉันที่นั่งเงียบมานาน ก็ต้องพูดขึ้นมา เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในรถของเขา ฉันควรจะต้องรู้ว่าเขากำลังพา ฉันไปไหน

หรือเขาจะพาฉันไปทำไม่ดีไม่ร้ายกันนะ ไม่นะ!! เขาเอาแต่เงียบ นั่นทำให้ฉันยิ่งหวาดระแวงมากไปอีก

“ถ้านายทำอะไรฉัน ฉันจะไปฟ้องกระทรวงปกป้องสตรีหญิง ที่ถูกล่วงละเมิด แล้วจะทำให้นายกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง จนต้อง อับอายขายหน้าประชาชทุกคน”

ฉันพูดออกมา อย่างมั่นใจ ทั้งๆที่ภายในใจตอนนี้มันสั่นไป หมด

แต่หลังจากฉันพูดเสร็จ อีกฝ่ายก็กลับกลายเป็นยิ้มขันออก มาแทน
“ฉันไม่พาเธอไปขมขืนหรอกนะ หน้าตาก็งั้นๆ คิดว่าสวยมา กรีไง?” ตอนนี้ยอมรับเลยว่าฉันช็อก ช็อกมาก!!

ถึงฉันจะไม่ได้รวย แต่สิ่งที่ฉันมั่นใจในตัวเองมาตลอดก็คือ หน้าตา คือพูดมาแบบนี้ มันโคตรจะเสียเซลฟ์เลย

“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าสวย ก็คงไม่มี ผู้หญิงคนไหนสวยแล้วย่ะ” ฉันพูดออกมาด้วยความโมโหทันที

ส่วนอีกฝั่งก็เปลี่ยนจากยิ้มขันเป็นยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อม

กับเอ่ยปากเปล่งเสียงที่ร้ายกาจมากขึ้น

“สงสัยฉันต้องนิยามคำว่าสวย ใหม่แล้วล่ะ”

“หึ ยยย!! แล้วตกลงพาฉันไปไหนกันแน่ฮะ!” เรื่อง จะสวย หรือไม่สวยก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้เอาเรื่องนี้ก่อนดีกว่า

วอท? คืออะไรอะ

โอเค ในเมื่อไม่ตอบ ฉันก็จะไม่ถามแล้ว

ฉันเปลี่ยนเป็นหยิบมือถือออกมา แล้วก็เปิดดูแผนที่ในแอพ พร้อมกับบันทึกเส้นทางที่เคลื่อนไหวเอาไว้อย่างน้อยถ้าเขาพาฉันไปทิ้งที่ไหน ฉันก็จะได้กลับถูก

“หึหึ คิดว่าถึงปลายทางแล้วฉันจะไม่ยึดมือถือเธอไง” แต่แล้วเสียงของไอ้ผู้ชายข้างๆก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ฉัน หันขวับไปทันที และเริ่มคิดไม่ดีแล้วว่า สรุปนายนี่มันจะพาฉันไป ไหนกันแน่

“ถ้านายไม่บอกว่าจะไปไหน ฉันจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ” ฉันเริ่มมือสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดออกมา พร้อมกับ เลื่อนมือไปเข้าโปรแกรมโทรศัพท์ แล้วกด 191 แต่แล้วมือถือ ของฉันที่ฉันประคองด้วยความสั่นเล็กน้อย ก็ลอยหายไปทันที

“เฮ้ย!! ไอ้บ้า เอามือถือฉันคืนมานะ” ตอนนี้มือถือของฉัน ถูกเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อของผู้ชายตัวโต ที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ข้างๆฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่สวย ไม่ต้องกลัวฉันเอาเธอไป ที่ไหนหรอก”

สิ้นเสียงของเขา ทําให้ฉันต้องระงับอารมณ์ทันที จะอะไร หนักหนาเรื่องความสวยของฉันนะ

ฉันเลยเปลี่ยนเป็นนั่งกอดอกแล้วมองทางข้างหน้าและจดจําป้ายระหว่างทางแทน ตอนนี้ฉันก็ได้เพียงแต่รอ รอ ว่าเขาจะพาฉันไปไหน

และแล้วก็ถึงปลายทาง ทันทีที่รถจอดสนิทฉันก็หันไปมอง เขาทันที เพราะปลายทางที่เขาพามานั่นก็คือ…ร้านชาบู

“เห้ออ.. ฉันถอนหายใจโล่งอกออกมาทันที พร้อมกับความ เกร็งก่อนหน้าที่หายไป

โป๊ก

แต่แล้วก็มีอะไรแว๊บๆผ่านหน้าฉันก่อนจะมีอะไรกระทบลงที่ หน้าผากของฉัน มันไม่ได้แรงมากแต่มันก็รู้สึกถึงแรงสั่นตรงกระ โหลกของฉันได้

“ไอ้บ้า มาเขกหัวทำไม!” ฉันหันขวับไปเหวี่ยงใส่คนข้างๆ

“เขก ให้ ความมโนมันลดลงไปบ้าง” สาบานได้ นั่นคือวิธีลด

ความมโน

“หิวแล้ว ไปๆลงๆ” เขาพูดจบก็อ้อมตัวมาเปิดประตูรถให้ ฉันอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วก็เดินไปจากรถ

ส่วนฉันก็แน่นิ่งในรถ คิดว่าจังหวะนี้จะซิ่งวิ่งหนีเลยดีมั้ย แต่ แล้วประตูฝั่งฉันก็เปิดขึ้นมาก่อน
“อยากโดนอุ้มเข้าร้านเหมือนตอนเข้ามาในรถรึไง” ฉันมอง หน้าเขาไป ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมก้าวเท้าลงมา เพราะไม่อยากโดนอุ้มอีกแล้ว

ไปอดหัว ตายอดตายอยากมาจากไหนกันนะ ว่าแต่ว่า ฉันก็ ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนกัน ถ้างั้น ไปกินเป็นเพื่อนก็ได้!!

เมื่อเข้ามาในร้าน ฉันก็กระหน่ำสั่งอาหารทันที

“เอา หมูคูโรบุตะ 6 ไก่กระบอก 5 เส้นอุด้ง 3 กุ้ง 10 ปลาหมึก 5 แซลมอน 3 แล้วก็ ข้าวผัดกระเทียม 1 ค่ะ ”

“สรุปฉันหรือเธอกันแน่ที่หิว” ฉันหันไปผู้ชายตรงหน้าที่มอง มาทางฉัน นั่นเลยทำให้ฉันรู้ตัวว่า ฉันเผลอลืมตัวเกินไป

ฉันโดนเขาบังคับมา ฉันจะมาสั่งเหมือนคนหิวโหยแบบนี้ไม่

ฉันเลยทำทีเป็นหน้านิ่ง เชิดๆ ใส่เขาไป ไม่ได้ตอบอะไรกลับ

ไปแทน

“แค่นี้ก่อน” เขาหันไปพูดกับพนักงาน จากนั้นพนักงานก็เดิน ออกไปจากตรงนี้

พอได้อยู่กันสองคน ฉันเลยคิดว่า ฉันจะเปิดประเด็นสิ่งที่ข้องใจ ว่าสรุปแล้วเขามายุ่งกับฉันทำไม

“เรามาสงบศึกกันชั่วครู่” ฉันพูดออกมา และเป็นผลทำให้ ผู้ชายตรงหน้า เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย

“นายมายุ่งกับฉันทำไม” ฉันพูดหน้านิ่งๆกลับไป พร้อมรอ ฟังคำตอบของคนตรงหน้าอย่างแน่วแน่ ส่วนอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้ว เหมือนใช้ความคิดก่อนจะตอบออกมา

“ทําไมต้องตอบ”

“งั้นฉันพูดตรงๆเลยนะ ฉันไม่อยากยุ่ง ไม่อยากเกี่ยวข้อง ไม่ อยากรู้จักกับนาย เพราะฉะนั้น รบกวนอย่ามายุ่งกับฉันอีก”

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาเพราะอะไร แต่สำหรับฉันคือ ฉันอยาก

ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบๆ อยากดำเนินชีวิตตามที่ฉันเป็นไปมา เหมือนทุกวัน เก็บเงิน เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสิ่งที่ฉันเฝ้าฝันเอา ไว้

“ทำไม” อีกฝั่งถามออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆมุมปากเหมือน เดิม เหมือนที่เขาชอบทำบ่อยๆ

“ทําไมต้องตอบ” ฉันยอกย้อนตอบกลับพร้อมกับยิ้มร้ายส่ง

ไปให้อีกฝั่งเช่นกัน
“หห์ เอาเป็นว่า ถ้าเธอทำตัวดี ฉันอาจจะเอาคําขอของเธอ ไปพิจารณา” ฉันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วทำไมต้องทำดีด้วย

“ก็แล้วแต่..แต่บอกให้รู้ไว้นะแอมแปร์..คนอย่างฉันถ้า อยากได้อะไรแล้ว ก็ต้องได้ หึหึ”

ตอนนี้ฉันมองผู้ชายตรงหน้านิ่งแต่ร่างกายอยู่ๆกับรู้สึก หวาดกลัวขึ้นมาแปลกๆ น้ำเสียงสุดท้ายที่เขาพูดออกมา มันดู ร้ายกาจ คล้ายๆกับเฮียโซ่ที่ฉันเจอวันนี้ไม่มีผิด ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง แววตา มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ

“สอนพิเศษวิชาอะไร” อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่วน ฉันก็เริ่มเหนื่อยกับการที่ต้องคอยระแวงคิดตลอดว่าเขาเข้ามาหา ฉันเพราะอะไร รวมถึงสิ่งที่เขาบอกก่อนหน้าว่าถ้าทำดีแล้วจะ พิจารณา ฉันเลยตัดสินใจจะญาติดีกับเขาแล้วกัน อย่างน้อยก็มื้อ นี้ล่ะนะ

“ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย”

“อืม เก่งภาษาฮินะ”

“แน่นอน” เรื่องซมตัวเองไม่มีใครเกินฉันหรอก

“หึ เพราะเรียนอักษรสินะ”
“จริงๆแล้วอยากเรียนบริหารมากกว่า แต่ทุนมันได้คณะ อักษร ก็ต้องตามนั้น” ฉันพูดอย่างไม่ใสใจ พร้อมกับเริ่มเอา อาหารที่พนักงานมาเสิร์ฟ เทลงในหม้อสุกี้ไปด้วย

อันที่จริงฉันอยากมีธุรกิจของตัวเองเลยอยากเรียนบริหาร แต่ทุนที่ฉันได้ดันได้อักษร ก็ตามนั้นเพราะฉันไม่มีเงิน แค่ได้ที่ เรียนมหาลัยก็ดีแค่ไหนแล้ว

“อืม” แต่แล้วฉันก็นึกได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเรียน บริหารนี่นา ทำให้ฉันเผลอหลุดคำถาม ถามไป

“นายเรียนบริหารนี้ สนุกมั้ย” หลังสิ้นคำถามฉัน อีกฝ่ายก็ ยกคิ้วสูงขึ้นมา

“ไหนว่าไม่รู้จักฉัน”

“ก็ไม่ได้อยากรู้จักหรอก ถ้านายไม่ทำนิสัยหยาบคายกับฉัน

ก่อน”

“อืม..แสดงว่าถ้าหยาบคายกับเธอเยอะๆ เธอก็จะสนใจฉัน งั้นสิ”

“นี่ สมองมีปัญหารึไง ใครเขาจะไปสนใจคนนิสัยหยาบคาย กัน” ฉันหันไปแว้ดใส่ทันทีกับความกวนประสาทของคนตรงหน้า ก่อนจะคืบเนื้อหมูเอาเข้าปาก

“แล้วทําแบบไหน คนแบบเธอถึงจะสนใจล่ะ” เขาพูดมานิ่งๆ และมองมาทางฉันไม่วางตา

“จะจีบ?” ฉันเลิกคิ้วถามไป ด้วยความมั่นหน้าของตัวเอง แต่คำตอบเขาทำให้ฉันต้องเก็บเศษหน้าของตัวเองทันที

“คิดว่าสวย?” เขายอกย้อนและยักคิ้วส่งมาให้ฉันด้วยสีหน้า กวนๆเหมือนเดิม

ฉันทำเพียงแต่ถลึงตาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะยกทัพไป ตักหาเนื้อในหม้อสุกี้เอามากินต่อ โดยไม่มองหน้าของฝ่ายตรง ข้าม

รีบกินให้หมดๆ จะได้รีบๆกลับ “งั้นๆ น่าเบื่อ” เขาพูดนิ่งๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา อะไรคือ งั้นๆ น่าเบื่อ ฉันงั้นเหรอ? ฉันเงยหน้าแล้วขมวดคิ้วไปทางเขาด้วยความสงสัย

แต่แล้วอยู่ๆ อีกฝั่งที่เงียบไป ก็เริ่มเปิดปากพูดขึ้นมา

“คําถามที่เธอถามก่อนหน้า คณะบริหารเป็นไง

“ตอบดีเลเกินไปปะ” ฉันพูดลอยๆออกมา พร้อมกับคิดว่า ก็ คงเป็นตามที่เขาบอกนั่นล่ะ ว่างั้นๆเพราะเท่าที่ยัยเองบอก เขาก็มาเรียนเล่นๆเท่านั้นเอง เพราะเขา เรียนจบมาหลายอย่างแล้ว และนั่นก็ทำให้ฉันอยากรู้ขึ้นมาว่า มันเรื่องจริงหรือแค่ข่าวลือ

“ได้ข่าวว่า… เรียนจบแพทย์ วิศวะ มาหมดแล้ว” ฉันเอ่ย ปากถามต่อ พร้อมทั้งหยิบกุ้งที่สุกแล้ว ขึ้นมาไว้ในถ้วยก่อนจะใช้ ตะเกียบคีบ จุ่มน้ำจิ้มรสเด็ดแล้วเอาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

“อืม” ส่วนเขาก็ทำเพียงแค่ตอบกลับมานิ่งๆ ก่อนจะเริ่มตัก เนื้อที่สุก เอาไว้ในถ้วยเช่นกัน

อายุเท่านี้เรียนมาหมดแล้ว โคตรเก่งเลย นั่นยิ่งทำให้ฉัน แปลกใจ

เขาทั้งเก่ง รวย มีชื่อเสียง แล้วทำไมถึงมายุ่งกับฉันที่ไม่ได้มี

อะไรเลย แต่ฉันก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะฉันขี้เกียจจะฟังคำตอบ

ที่กวนประสาทของเขา ก็เลยเบี่ยงประเด็นถามของเขาแทน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ฉันต้องรู้ข้อมูลของ ศัตรูให้เยอะที่สุด

“ทําไม ทุกคนถึงเรียกกลุ่มนายว่า Devil Prince ล่ะ” ทันทีที่ ฉันเอ่ยปากถามออกไป เขาก็แสดงสีหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะพูดออก มาเหมือนสีหน้า

“มันก็แค่ชื่อชื่อนึง ที่ใครไม่รู้พูดกันปากต่อปาก …จริงๆแล้วเราก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงเท่านั้น

เอง”

ฉันเงยหน้าไปมองเขาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะพูดประโยค แบบนี้ออกมา คิดว่าเขาจะภูมิใจมากกว่าที่มีคนคอยตามกรี๊ด กร๊าด หรือ เกรงกลัว หรือง่ายๆ ฉันคิดว่าคนตรงหน้าฉัน น่าจะ เป็นคนที่ บ้านํานาจ

เพราะดูจากการกระทำที่เอาแต่ใจของเขาที่ผ่านมาแล้ว มัน

ใกล้เคียงคำๆนี้ที่สุด

“ผู้ชายธรรมดาอะไร รวยๆกันทั้งนั้น ฉันพูดเบาๆออกมา แต่อีกฝั่งกลับได้ยิน แล้วก็พูดขึ้นมา

“อยากรวยบ้างมั้ยล่ะ” ทันทีที่ได้ยิน ฉันก็ยิ่งเบาๆ เพราะ

นอกจากเรื่องที่ฉันชอบคิดว่าตัวเองสวยแล้ว ก็เรื่องเงินนี่ล่ะ ที่มี

ผลกับจิตใจของฉัน

“ใครบ้างไม่อยากรวย” ฉันพูดออกไป พร้อมมองหน้าคน ตรงหน้า ส่วนเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูดออกมา

“มาเป็นผู้หญิงของฉันสิ

แค่กๆๆๆ

คำพูดของเขาทำให้น้ำที่ฉันกำลังดื่มอยู่ แทบพุ่งออกมาใน ทันที และตอนนี้มันก็ทำให้ฉันสำลักน้ำไม่หยุด ฉันไออยู่อย่างนั้นพร้อมทั้งจ้องหน้าคนตรงข้าม อย่างกินเลือดกินเนื้อ จนกระทั่งเริ่มดีขึ้น

นี่จะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ

“เก็บเงินนาย เอาไปซื้อมือถือเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเที่ยว ยึดมือถือของคนอื่นพร่ำเพรื่อแบบนี้” ฉันพูดโวยวาย พร้อมกับ จ้องหน้าฝ่ายตรงข้ามเขม็งอย่างไม่ลดละ

“ถึงฉันจะอยากมีเงิน แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ”

“แล้วอีกอย่างนะ ฉันจะบอกอะไรให้เงินไม่ได้ตอบโจทย์ทุก อย่างหรอกนะ อย่างน้อยมันก็ซื้อความจริงใจไม่ได้”

“คนรวยอย่างนายอะ คนที่เข้าหาก็มีแต่เข้ามาเพราะผล ประโยชน์ทั้งนั้น ลองนายไม่มีเงินสิ ใครมันจะเข้าหา มีเงินน้อย แต่คนรอบข้างมีแต่คนที่จริงใจแบบฉัน ดีกว่าเยอะ”

ฉันพูดไปก็นึกถึงยัยเอง มันเป็นเพื่อนมหาลัยคนแรกของฉัน ตอนฉันมาที่นี่วันแรก หลายๆคนก็ดูถูกฉันที่ฉันเป็นเด็กทุน เด็กกำพร้า แต่ยัยเองไม่ใช่ มันไม่เคย ถือ ทั้งๆที่มันรวยมากๆ ฉันรักมันมากๆเลยล่ะ

ในขณะที่ฉันพูดพ่นไฟแลบออกไปด้วยความโมโห แต่อีกฝั่ง กลับทำหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น

มันเลยยิ่งทำให้ฉันโมโหเข้าไปอีก

“ถ้างั้นขอตัว กลับล่ะ” ฉันพูดพร้อมลุกขึ้นยืน เพื่อจะเดินออก จากร้าน

หวังว่าหน้าร้านจะยังพอมีแท็กซี่อยู่บ้างนะ

แต่แล้วเสียงเลื่อนเก้าอี้อีกฝั่งก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมอง ก็ พบว่าเป็นเขาที่ลุกขึ้น พร้อมวางแบงค์พันสองใบไว้บนโต๊ะ ก่อน จะเดินมาจับข้อมือฉันแล้วก็ลากฉันเดินออกมาจากร้านอาหาร ทันที

เอาอีกแล้วนะ

“นี่ปล่อย ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง” ฉันโวยวาย พร้อม พยายามสะบัดข้อมือออก แต่อีกฝั่งกลับทำเหมือนเดิมคือนิ่ง และ พาฉันยัดเข้าไปในรถเขาเหมือนเดิม ก่อนจะพูดเสียงนิ่งเรียบ ออกมา

“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นฉันจะลากเธอไปปล้ำจริงๆด้วย..ถึงจะไม่สวยแต่ก็พอใช้งานได้

ปัง!

หลังจากปิดประตูเขาก็เดินอ้อมไปทางคนขับรถทันที ส่วน ฉันก็มองเขาไม่วางตา และไม่กล้าลงจากรถ เพราะก่อนหน้า ของเขา

และหลังจากนั้นตลอดการนั่งในรถ ฉันและเขาก็ไม่ได้พูด อะไร จนกระทั่งเขาพาฉันมาส่งที่หอพัก

เขารู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่

แต่เอาเถอะ จะรู้ได้ยังไงก็เรื่องของเขา ถ้าฉันไม่สนใจเขาซะ อย่างเรื่องก็จบ

เมื่อถึงหน้าหอ ฉันก็ลงจากรถทันที โดยไม่คิดจะขอบคุณเขา สักนิด ก่อนจะเดินปึงปังขึ้นห้องไป เพราะคำพูดของเขาก่อนที่จะ ปิดประตูรถน่ะสิ

“วันนี้ไม่จูบลานะ กลัวคนแถวนี้ติดใจ”

ขออย่าได้เจอะได้เจออีกเลยนะ คนอะไรกวนประสาท ชะมัด!!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ