บ่วงสวาทนางฟ้า

ตอนที่ 3.



ตอนที่ 3.

“ก็ไม่ให้เรียกลุง หนูก็เรียกพี่แล้วไง จะเอาอะไรอีก” ริมฝีปาก อิ่มขยับ โต้เถียง ร่างบางบิดตัวดิ้นหนี

“ถ้าเรียกเพราะกลัวฉันหักคอก็อย่าเรียกเลย มันตอแหลเกิน ไป ฉันไม่ชอบ”

“เหอะ คนวัยทองเขาว่าฮอร์โมนส์เปลี่ยนแปลง อารมณ์เลย

ขึ้นๆ ลงๆ สงสัยจะจริง” เธอยังหาเรื่องแขวะเขาไม่เลิกรา

“ปากดีนักนะ ยายตัวแสบ” โดมินิกแยกเขี้ยวใส่ ยายเด็กปาก เสีย

ดวงตาคมหรี่มองใบหน้าสวยหวานของคนตรงหน้า ดวงตา กลมสวยแม้จะมีแว่นตาอันโตบดบังใบหน้า ก็ไม่ทำให้ลดความ สะดุดตาลง จมูกโด่งเชิดนิดบ่งบอกว่าเป็นคนดื้อรั้นพอตัว ริม ฝีปากอิ่มสีแดงสดเผยอนิดๆ ชวนให้คนมองรู้สึกร้อนวูบวาบ จน ต้องลดสายตาลงไปมองลำคอเรียวระหงมองเลยไปยังทรวงอวบ อิ่มซึ่งเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันไม่เล็กสมตัวเลย แต่อวบใหญ่เกิน ตัวด้วยซ้ำ ยิ่งยามนี้อยู่แนบชิดจนอกนุ่มเบียดแนบแผงอกหนา ของเขา ทำให้รู้ว่าขนาดของมันไม่ธรรมดาเลย โดมินิกกลืน น้ำลายฝืดคอเมื่อสายตาซอกแซกของตัวเองกันมองลอดผ่าน ช่องว่างของชุดเดรสแบบเกาะอกไปเห็นความขาวผุดผ่องของ เนินเนื้อสร้างที่ล้นทะลักออกมา ซึ่งเจ้าของบิดตัวส่ายไปมาแบบ นี้ก็ยิ่งเสียดสีกับร่างหนาจนรู้สึกร้อนผ่าววูบวาบขึ้นมา อาการแบบนี้มันเป็นอาการของหนุ่มวัยทองหรือไง

คนที่จ้องมองกลืนน้ำลายอีกใหญ่ เมื่อรู้สึกว่ายิ่งมองยายเด็ก ก็ยิ่งน่ากิน โทสะเมื่อครู่เลือนหายไปแต่มีอารมณ์อื่นแทรกแซม เข้ามาแทนที่ เขาละมือออกจากไหล่ข้างหนึ่ง หยิบแว่นหนาออก จากดวงหน้าสวย

“ไม่ใส่แว่นมองเห็นหรือเปล่า”

เขาถามเสียงเบา ดวงตาคมมองใบหน้าอ่อนใสอย่างพินิจ ปลายนิ้วคลึงลงบนรอยกดบนสันจมูกโด่งเล็กนั้นเบาๆ

“มองเห็นค่ะ…”

นภัสรดากะพริบตาปริบๆ งุนงงว่าเขามาไม้ไหน เมื่อทำท่า อย่างกับจะหักคอเธอทิ้ง ตอนนี้มาพูดเสียงอ่อนเสียงเย็น

“แล้วใส่ทำไม”

เขาถามต่อ มือหนาหย่อนแว่นตาลงในกระเป๋าเสื้อสูท แล้ว ทาบฝ่ามือประคองแก้มนวลให้หันมามองสบตา ยามไร้สิ่งบดบัง ใบหน้าของ สาวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูกว่าเดิมหลายเท่า คนมอง ลดประกายแข็งกร้าวในดวงตาลงอย่างไม่รู้ตัว

“คุณแม่บอกให้ใส่ จะได้ไม่มีคนมาจีบเพราะมันทำให้ขี้เหร่ ค่ะ” นภัสรดาตอบคำถามเสียงแผ่ว รู้สึกแก้มร้อนผ่าวเมื่ออยู่ใน อุ้งมือหนา

“ขี้เหร่จริงๆ นั่นแหละ”
ริมฝีปากหยกแย้มกว้าง ราวกับขบขันคำตอบนั้น ดวงตาคม จ้องมองใบหน้าสาวน้อยนิ่ง แบบที่ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนมา ก่อนในรอบหกปี -วดกหนายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อภาพบางอย่าง วาบผ่านเข้ามาในหัว ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนจำไม่ ได้ มีเพียงความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ เหมือนคล้ายว่า เขาเคยสัมผัสใบหน้างามนี้มาก่อน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อเขาเพิ่งเคยพบเธอครั้งแรก โดมินิกเขม้นมองใบหน้าของ นภัสรดา หกปีแล้วที่เขาไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้ นภัสรดา ทำให้เขาตบะแตกหลุดมาดอสูรน้ำแข็ง กลายเป็นยักษ์ขี้โมโหไล่ จับสาวน้อยปากเสียอย่างบ้าคลั่ง ครั้นพอได้ตัวเธอแล้วกลับไม่ อยากปล่อยเธอไปง่ายๆ มีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขายอมก้าว ออกจากกำแพงในใจที่ปิดกั้นตัวเองมาตลอด ดวงตาคมอ่อน แสงลงขณะค่อยๆ ก้มลงไปแตะริมฝีปากบนเรียวปากอิ่มสีแดงระ เรื่อนั้นอย่างเผลอไผล

“อ๊ะ ยะ อย่า…” เสียงร้องหายไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากร้อน ผ่าวประทับลงมา

“แกทําอะไรน้อง ตาโดม!”

เสียงตวาดดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังเพลินกับริมฝีปากนุ่มหวาน สะดุ้งโหยง

“คุณแม่… โดมินิกครางเสียงแผ่ว

เมื่อผละริมฝีปากออกจากเรียวปากอิ่มแสนหวานนั้น แล้วหัน มาเจอใบหน้าคุ้นตาของมารดาที่ตอนนี้กำลังมีหน้ายักษ์เท้าเอวจ้องเขาอยู่ ใจก็หล่นไปกองอยู่ตาตุ่มเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาหันมามองสาวน้อยในอ้อมกอด ใบหน้าอ่อนใสแดงเรื่อ ร่าง บางสะบัดตัวจนหลุดจากอ้อมแขน วิ่งเข้าไปกอดมารดาของเขา ไว้พร้อมกับร้องไห้โฮน่าสงสารนัก แต่… ใบหน้างามไม่มีน้ำตา สักหยด มีแต่เสียงร้องครางฮือๆ เท่านั้น

“ฉันให้แกดูแลน้อง ไม่ใช่ให้มารังแกน้อง อะไรกันไหนบอกว่า ไม่อยากแต่งงาน ไม่สนใจเด็ก แต่ที่แกทำมันตรงข้ามกับที่พูดทุก อย่าง” คุณมาเรียกอดสาวน้อยไว้ ลูบหลังปลอบโยน

โชคดีที่เธอตามมาทัน ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกชายตัวร้ายคงลาก สาวน้อยคนนี้ไปทำมิดีมิร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ดูเถิด… ปล่อยให้ ดูแลครู่เดียวก็มาปล้ำจูบเขาแล้ว ถ้าปล่อยให้อยู่ด้วยกันจะทำ อะไรยิ่งกว่านี้ไหม พอคิดถึงตอนนี้คนแก่เริ่มหายโกรธ เมื่อนึกได้ ว่าตนเองอยากให้สองหนุ่มสาวลงเอยกัน มาขัดขวางเขามันดูไม่ เข้าที แต่ก็ดีที่เห็นคาตาจับได้จะจะแบบนี้ เจ้าตัวร้ายจะได้ไม่มีข้อ อ้างเบี้ยวการหมั้นหมาย

“ผม…” โดมินิกอ้าปากจะแก้ตัว แต่ถูกมารดายกมือห้ามไว้ ก่อน

“ไม่ต้องมาแก้ตัว แกทำแบบนี้แกต้องรับผิดชอบน้อง พรุ่งนี้แก ต้องหมั้นกับหนูฟ้า ฉันจะโทรเรียกพ่อแม่หนูฟ้ามาที่นี่ ไหนๆ ก็ ต้องรอยายมิเชลฮันนีมูนตั้งเจ็ดวัน ระหว่างนี้แกกับหนูฟ้าก็เรียนรู้ กันไป อีกสามเดือนต่อจากนี้ให้หนูฟ้าอายุครบยี่สิบก็แต่งกัน เลย”
คุณมาเรียกะเกณฑ์เสร็จสรรพ ไม่ถามความเห็นลูกชายสักคำ โดมินิกได้แต่อ้าปากเหวอโต้แย้งมารดาไม่ทัน เขาหันไปมอง นภัสรดาหวังว่าสาวน้อยจะปฏิเสธ แต่คิ้วหนาต้องขมวดนิ่ว ดวงตาลุกวาบ เมื่อเขาเห็นเธอยิ้มเยาะแลบลิ้นเย้ย ไอ้อาการ ฟูมฟายน่าเวทนาเมื่อครู่มันอะไรกัน!

ร้ายนักนะ ยายเด็กแสบ หนอย… หลอกให้เขาจูบเธอ เพื่อหวัง จับเขาให้อยู่หมัด แม่ของเขาก็เหมือนจะมาถูกจังหวะราวกับ วางแผนการนี้ร่วมกัน คนที่ซวยก็คือตัวเขาถูกจับมัดดิ้นไม่หลุด

“หนูฟ้า ป้าขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะลูก พี่เขามีอาการ ทางสมองเล็กน้อย ตั้งแต่หลังเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละ บางทีความ ควบคุมของเขาอาจจะต่ำไปนิด หนูก็ให้อภัยพี่เขาหน่อยนะลูก เดี๋ยวอยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็จะชินเอง” ว่าที่แม่สามีแสนประเสริฐ ปลอบโยนว่าที่สะใภ้ในดวงใจ

ว่าที่สามีกุมขมับ มองเห็นความหายนะลอยมาแวบๆ ในสมอง ไอ้ที่เคยได้ยินเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้มักไม่ถูกกัน มันใช้ไม่ได้กับ กรณีมารดาของเขากับยายเด็กแสบเลย ดูเถอะท่าทางสนิทสนม กลมเกลียวกันแบบนี้ มันช่างทำให้ลูกในไส้อย่างเขาขยาดกลัว อนาคตที่มาไม่ถึง ขืนแต่งงานไป เขามีสิทธิ์อยู่ในโอวาทของเมีย และแม่แน่นอน มีเมียเด็กไม่เท่าไหร่แต่มากลัวเมียตัวน้อยนี่สิ จะ เอาหน้าไปไว้ไหน

ไม่ ไม่ ไม่ เขาต้องหาทางกำจัดยายเด็กบ้านไปให้พ้นทาง

โดมินิกจําต้องอดกลั้นความโมโหไว้ เขาเดินหนีกลับมายังห้องพักของตัวเอง คิดหาทางจัดการยายตัวแสบก่อนที่จะถูกจับ มัดมือมัดเท้าโยนให้เป็นสามีเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม “ยายเด็กปากแดง ฉันไม่มีทางหมั้นกับเธอหรอก” เขาพึมพำ

อย่างฉุนเฉียว

พูดถึงปาก ภาพปากสีแดงระเรื่อก็ลอยวาบเข้ามาในหัว เมื่อ หากมารดาไม่มาขัด เขาคงเตลิดไปไกลแล้ว แค่ได้แตะริมฝีปาก นุ่มนิดเดียวหัวใจก็สะท้านไหว อยากจะกลืนกินเธอจนหมดตัว หากเขาจูบเธอนานกว่านี้เขาคง

“เฮ้ย ! แกเป็นบ้าอะไรไอ้โดม”

โดมินิกสะดุ้งวาบ สบถออกมาเรียกสติของตัวเองให้กลับคืน เมื่อเผลอคิดถึงรสหวานของริมฝีปากอิ่มจนลืมตัวเคลิ้มไปตก ภวังค์ราวกับเด็กหนุ่มเริ่มรัก เขาไม่ได้รักยายเด็กแสบนั่นสักนิด แค่… ติดใจละน่า ชายหนุ่มแก้ตัวให้ความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ ของตัวเอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ