บุบผาร้อยเสน่ห์

บทที่ 7 เงื่อนไขการกลับบ้าน



บทที่ 7 เงื่อนไขการกลับบ้าน

อ้าวเวยพยักศีรษะ มองซ่านจินจือราวกับตัวโง่งม นางอธิบาย ชัดเจนขนาดนี้ เจ้าผู้ชายนี่โง่จริงๆ

“แลกเปลี่ยนกับสมบัติ บางทีขาอาจลองพิจารณา

อ้าวเวยกรอกตามองบน “ข้าคงต้องบอกท่านอ๋องว่า ความ จําของท่านคงย่ำแย่มากเลยสินะ? ไม่ใช่ว่าข้าบอกท่านไปแล้ว หรือไง? สมบัติที่ท่านต้องการนั้นที่ตัวข้าไม่มี ท่านถามหาผิดคน แล้ว จำได้หรือยัง? อายุยังน้อยทำไมถึงเป็นโรคความจําเสื่อมไป ได้?”

“บังอาจ!” ซ่านจินจื้อ โทสะเดือดดาลขึ้นมาทันที จนถึงบัดนี้ยัง ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูง แผ่นดินเสียจริง หากไม่ใช่เพราะสมบัติตกทอดของตระกูลหยุ นที่เจาะจงเป็นสตรีคนนี้ ท่านจินจืออยากจะสังหารนางให้ตาย เสียซะตอนนี้เลย

กู้อ้าวเวยถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ แต่ยังฝืนปากแข็ง “หู ของข้าไม่ได้หนวก ท่านจะตะโกนโหวกเหวกทำเพื่อ? ข้าพูดอะไร ผิดไปหรือไง?”

ซ่านจินจือเมื่อได้ยินก็คว้าแขนของอ้าวเวย ใช้แรงมหาศาล ราวกับจะบีบให้กระดูกของกู้อ้าวเวยแตกเป็นเสี่ยงๆ

กู้อ้าวเวยเจ็บจนส่งเสียงเล็ดลอดไรฟัน ทุบตีมือของซ่านจินจือแรงสุดชีวิต “ท่านปล่อยข้านะ! แขนขาจะหักอยู่แล้ว! หากข้าเป็น อะไรแม้แต่นิดเดียว ชั่วชีวิตท่านก็อย่าคิดว่าจะได้สมบัติเลย!”

“เจ้า!” ซ่านจินจือกลัวขว้างหนูกระทบของมีค่า เปรียบว่าจะ โจมตีคนเลวก็กลัวจะกระทบคนดีที่อยู่ข้างๆ ในที่นี้หมายถึง กลัว เสียการใหญ่ไม่ได้สมบัติ) ไม่กล้าที่จะไม่คลายมือ ถลึงตาแค้น ใส่กู้อ้าวเวย

“เจ้าอะไร ในเมื่อท่านอ๋องต้องการสมบัติสืบทอดตระกูลข้า กระทั่งธรรมเนียมกลับบ้านก็ไม่สามารถไปได้เลยหรือไง? ยิ่งไม่ ต้องพูดถึงท่านที่นับเป็นหลานเขยของท่านตาด้วยซ้ำ” กู้อ้าวเว ยกรอกลูกตา พลันฉุกคิดว่าสมบัตินี้มีความสำคัญกับซานจินออ ย่างยิ่ง จึงตัดสินใจใช้ให้เป็นประโยชน์

ซ่านจินจือชำเลืองตามองกู้อ้าวเวย “เพ้อเจ้อ หลานเขยอะไร กัน อ้าวเวย เป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะอยู่ในที่ๆของตนเอง เจ้า แค่ดำรงตำแหน่งนี้แทนพ่านเอ๋อร์ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาเจ้าก็รีบ ไสหัวไปให้ข้าซะ อย่าได้คิดเพ้อฝันอีกเป็นอันขาด

กู้อ้าวเวยเมื่อได้ยิน ก็รู้สึกจุกอยู่ข้างในอก ไม่ต้องให้แกบอก หรอก มีโอกาสเมื่อไหร่แม่จะรีบบินหนีไปให้ไกลเลย ใครจะ พิศวาสตำแหน่งพระชายาบ้าบอกัน?

ตราบใดที่คนอยู่ใต้ชายคา จะไม่ก้มศีรษะไม่ได้ (เป็นสำนวน เปรียบว่าผู้น้อยต้องคล้อยตามผู้มีอำนาจ) อ้าวเวยสาปแช่ง ซ่านจินจือในใจอีกครั้ง ทว่าต่อหน้าทำได้เพียงยิ้มตอบ “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ตักเตือน ข้อได้เปรียบที่สุดของข้าชู้อ้าวเวยคือการรู้จักประมาณตน

ซ่านจิน อพยักศีรษะอย่างพึงพอใจ พลางกล่าว “ยังพอใช้การ ได้นี่”

กู้อ้าวเวยสอดรับอย่างเป็นธรรมชาติ “ข้าทราบว่าข้าสมควร ทําอะไร ใช่ว่าท่านอ๋องสมควรร่วมมือกับข้าสักหน่อยหรือไม่? เพียงแค่ข้ามคืนวันที่ดียามอยู่ที่จวนอ๋อง ท่านตาจึงค่อยวางใจ หากท่านตาทราบว่าแค่กลับบ้านท่านยังไม่ยอมไปเป็นเพื่อนข้า ไม่แน่ว่าจะโกรธแล้วรับตัวข้าไปเลยนะ เช่นนั้นคน ในดวงใจของ ท่านอ๋องไม่เสี่ยงภัยเกินไปหรอกหรือ?”

ยามซ่านจินจือถูกอ้าวเวยข่มขู่ รู้สึกว่าสิ่งที่สตรีนางนี้พูดนั้น คล้ายสมเหตุสมผล อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความหน้าบาง เช่น นั้นข้าไม่กลับบ้านกับเจ้าไม่ได้งั้นสิ?”

กู้อ้าวเวยได้ที “ไม่เพียงแต่ต้องกลับตระกูลเป็นเพื่อนข้า ยัง ต้องแสดงภาพลักษณ์ด้วยท่าทางที่รักใคร่โปรดปรานข้า ให้ มากๆ เช่นนี้ท่านตาจึงจะสามารถวางใจได้ไง”

ซ่านจินจือสีหน้าดำมืด ถลึงตาดุร้ายใส่กู้อ้าวเวย “ได้ ข้าจะ กลับบ้านกับเจ้า ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นลูกไม้กับข้าแล้วกัน”

หลังกลับมาจากกู้อ้าวเวย ขณะกำลังจะเข้าเรือนพลันเห็นซู ท่านเอ๋อร์กำลังยืนคอยอยู่หน้าประตูในชุดที่บางเบา จึงรีบปรี่เข้า มาหา คว้าซูพ่านเอ๋อร์เข้าสู่อ้อมกอดด้วยความปวดใจ ซูพ่านเอ๋ อร์ปรามซ่านจินจื่อเบาๆ มองซ่านจินจือด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ลังเลอยู่นานจนในที่สุดจึงเอ่ยถาม “ท่าน….พี่จ๋อ….พ่านเอ๋อร์คิดว่า คืนนี่ท่านจะไม่กลับมาเสียอีก….

ซ่านจินจื่อได้ยินเช่นนั้นจึงขบขันเล็กน้อย มองดูซูพ่านเอ๋อร์ที่ ยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าประตู เผยช่วงลำคอระหงขาวผ่องดุจเนื้อหยก เรือนผมสีดำเข้มที่ปล่อยยาวพลิ้วไหวไปตามแรงลม ชวนให้ หัวใจของซ่านจินจื่อคันยุบยิบ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ยังไม่ทัน ได้จัดการก่อนจากไป ในใจพลันรู้สึกโหวงยามที่กุมมือซูพ่านเอ๋ อร์เดินเข้าไปข้างในบ้าน

ซ่านจิน ออธิบายสาเหตุที่ล่าช้ากับซูพ่านเอ๋อร์ อีกทั้งยังบอก กล่าวกับซูพ่านเอ๋อร์ว่าวันพรุ่งจะต้องกลับบ้านกับอ้าวเวย กําชับนางให้เชื่อฟังรอตนที่บ้าน

ซ่านเอ๋อร์เมื่อได้ยินว่าซ่านจินจือจะต้องกลับบ้านกับกู้อ้าวเวย หัวใจเกิดประหวั่นพรั่นพรึง คล้อยหลังจึงรีบสงบใจ เอ่ยถามหยั่ง เชิง “พี่จ๋อ ท่านต้องกลับกับพระชายาจริงๆหรือ?”

ซ่านจินจื้อรั้งไหล่ของซูพ่านเอ๋อร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่านเอ่อร์วางใจ ข้ากลับบ้านกับนางเป็นแค่การแสดงละคร เป็น วิธีที่จะได้ยารักษาโรคของเจ้า เมื่อยาอยู่ในกำมือ นังแพศยาที่ อยู่ในตำแหน่งพระชายาจะถึงจุดจบ ทุกอย่างจะหวนคืนสู่เส้น ทางที่ถูกที่ควร เจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่ข้าจะแต่งเป็นพระชายาเอก”

ซูพ่านเอ๋อร์อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดซานจินจือ ดวงตาเต็มไป ด้วยแรงอาฆาต คาดไม่ถึงว่าอ้าวเวยจะร้องขอให้พี่ซื้อกลับ ตระกูลกับนาง นางคิดว่าคู่ควรเรอะ! ไม่รู้จักความละอาย อาศัย อำนาจตระกูลหยุนตระกูล คิดจะทำให้ตนกับพี่จอพรากจากกันสมควรตาย!

“แต่ว่า พี่จื้อ ข้ากังวล…” ซูพ่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองซ่านจิน อด้วยสีหน้ามัวหมอง “นับตั้งแต่ที่พระชายามาที่จวนอ๋อง เพราะ โรคของท่านเอ๋อร์จึงได้รับความน้อยอกน้อยใจปานนั้น หากยาม กลับตระกูลฟ้องเรื่องท่านอ๋อง คนตระกูลกู้คงหมายมาดสร้าง ความลำบากให้ท่าน ท่านอ๋อง ท่านเอ๋อร์ทนไม่ได้ที่ท่านต้องรับ ความไม่เป็นธรรม

ซูพ่านเอ๋อร์เอนศีรษะสู่อ้อมอกซ่านจินจื่ออีกครั้ง ด้วยน้ำเสียง ละเอียดอ่อนที่เจือแววเด็ดเดี่ยวชวนนำพาให้คนฟังเจ็บปวดใจ “มิเช่นนั้นมห้พ่านเอ๋อร์ไปแทนท่านอ๋องเถิด ไม่ว่าพวกเขาจะทำ สิ่งใดพ่านเอ๋อร์ล้วนมกลัว เพื่อท่านอ๋องแล้ว ทำสิ่งใดท่านเอ๋อร์ ล้วนสามารถ”

หลังจากที่ท่านจินจื่อได้รับฟัง พลันกระชับร่างผ่านเอ๋อร์ด้วย ความเจ็บปวดใจ พ่านเอ๋อร์สุขภาพมิสู้ดีตั้งแต่อายุยังน้อย อาจารย์ที่เข้มงวดกวดขัน ยามซ่านจินจื่อเข้าสู่นิกายยังถือความ โอหังอวดดีที่ปลูกฝังมาจากในวัง จนถูกอาจารย์ลงโทษแทบทุก วัน ให้คุกเข่าบรรพอาจารย์จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาราวกับการ กินข้าว ยามนั้นพ่านเออร์มักจะลอบนำของกินมาหาตนอยู่เสมอ ยังไปช่วยตนร้องขอต่อท่านอาจารย์ ตั้งแต่เล็กพ่านเอ๋อร์ ปกป้องตนมาตลอด ยามนี้ชีวิตของท่านเอ๋อร์รุ่นใกล้เข้ามาทุกที การรักษานางคือความปรารถนาในใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่าน จินจื่อ เพื่อบรรลุความปรารถนานี้ เขาเพียรทำทุกอย่างโดยไม่ เสียดาย
ซานจินจือมองไปยังซูพ่านเอ๋อร์ด้วยความอ่อนโยน ปืนหยก ขาวที่ทัดผมซูพ่านเอ๋อร์ภายใต้แสงจันทร์เย็นเป็นประกายที่ สะท้อนผิวอันซีดเซียวของซูพ่านเอ๋อร์ ทำให้ท่านจินจื่อรู้สึกว่า หากเขากระพริบตา ซูพ่านเอ๋อร์ก็จะมลายหายไปต่อหน้าต่อตา เขา ภายใต้แววตาอันอ่อนโยน คำพูดที่เอ่ยปากกลับทรงพลัง “พ่านเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวล ตระกูลของคนชั้นต่ำก็ย่อมเป็นคน ขั้นต่ำ ข้าแต่งนางเข้ามาก็เพื่อบางสิ่ง ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ หากพวกชั้นกล้าสร้างความยุ่งยากแก่ข้า ข้าจะทำให้พวกมันรู้ ถึงผลลัพธ์ที่ล่วงเกินขา หากเจ้ายังไม่วางใจ ก็ไปด้วยกันเสีย เลย”

ซูพ่านเอ๋อร์เมื่อได้ฟัง หัวใจราวกับยกหินออก ประกายความ ถือแล่นผ่านอยู่ในดวงตา อิงแอบอ้อมอกซ่านจินจือด้วยสีหน้า ท่าทางอ่อนโยน “พี่จื่อ ท่านดีเหลือเกิน”

กู้อ้าวเวย คิดอยากต่อกรกับข้า เจ้ายังอ่อนเกินไป บุรุษผู้นี้เป็น ได้แค่ของข้าเท่านั้น!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ