บทที่ 5 ขอสมบัติตกทอด
“คำพูดนี้เป็นจริงหรือ?” เมื่อได้ยินเดี่ยวหานบอกว่าโรคของซู พานเอ๋อร์มีหนทางช่วยเหลือ แววตาของซ่านจินจือสว่างไสวขึ้น ในทันใด ใบหน้าอัมพาตเย็นชาที่ไม่เคยเปลี่ยนมาเนิ่นนาน ใน ที่สุดก็ปรากฏรอยยิ้มดุจดั่งอาบสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เดี๋ยวหานพยักหน้ารัว มองเลยข้ามซ่านจินจือพบว่า ซูพ่านเอ๋ อร์ได้ลงมาจากเตียงเดินมุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยดวงตาเป็น ประกาย แต่เพียงไม่นานก็พลิกเป็นสีหน้าอันนิ่งเรียบ เอ่ยปาก พลางมองซ่านจินจือด้วยความลังเลบางอย่าง “เพียงแต่…..
“เพียงแต่อะไร?” ซานจินจือขมวดคิ้วอุ่นมองเดี่ยวหาน ด้วย เข้าใจว่าคงขาดตัวยาสมุนไพรล้ำค่าบางอย่าง จึงเอ่ยปากอย่าง ไม่แยแส “ต้องการสมุรไพรอะไรเจ้าสามารถให้คนไปจัดเตรียม ตราบใดที่สามารถรักษาโรคของซูพ่านเอ๋อร์ได้ แม้จะให้ข้าไป หยิบฉวย ในคลังของแคว้นออกมาก็ใช่ว่าจะไม่สามารถ
“ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้วพะยะค่ะ เดี๋ยวหานค้อมเอว “คิด อยากจะรักษาโรคของคุณหนู สมุนไพรอื่นๆ กลับหาง่าย มีเพียง แต่ถุงน้ำดีหงส์กับโลหิตมังกรหยกที่โลกหล้ายากจะค้นหา เกรง ว่า….” มองเห็นสีหน้าซ่านจินจื้อที่ยิ่งมายิ่งหนักอึ้ง เดี๋ยวหานจึง ยิ้มอธิบาย “แต่ยามที่ข้าเคยติดตามท่านอาจารย์ศึกษาวิชา แพทย์ เคยได้ยินอาจารย์กล่าวว่า หลิงหนานตระกูลหยุนมีสมบัติ ตกทอดล้ำค่าอยู่สองชนิด บังเอิญสิ่งนั้นคือถุงน้ำดีหงส์กับโลหิตมังกรหยก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเคยได้ยิน จวบจนมนัดนี้
สมบัติล้ำค่าทั้งสองชนิดมิทราบว่ามีจริงหรือไม่ แต่ที่รู้ก็คือกู้อ้าว
เวยเป็นทายาทสืบทอดหญิงหนานตระกูลหยุน คิดว่านางสมควร จะรู้ชัดเจนที่สุด” “พี่จื่อ เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ซูพ่านเอ๋อร์จับแขนของท่านจินจือ
เบาๆ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
แสงจันทรานอกห้องสาดกระทบลงมาบนร่างของซูพ่านเอ๋อร์ ภายใต้ดวงจันทร์กลมโต ซูพ่านเอ๋อร์ในชุดสีขาวล้วน ดุจดั่ง เทพธิดาเดียวดายผู้ละโลกไว้เบื้องหลัง
ซ่านจินจื่อเดิมที่มีหน้าอึมครึมเมื่อหันร่างกลับมาพบซูพ่านเอ๋ อร์ในชุดเบาบาง ทั้งเห็นสีหน้าอันน่าสงสารเอ็นดูของนางแล้ว นัยน์ตาที่ไร้ระลอกราวกับบ่อน้ำโบราณเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ใจ ดึงเสื้อคลุมออกจากร่างแล้วคลุมกายซูพ่านเอ๋อร์นำร่างนาง โอบไว้ในอ้อมแขนจึงกล่าวอธิบายยิ้มแย้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวหา นบอกว่าพบวิธีการรักษาต้นโรคของเจ้าแล้ว ท่านเอ๋อร์ โรคของ เจ้ามีหนทางรอดแล้วนะ”
“จริง…จริงหรือเพคะ?” เมื่อได้ยินคำนี้ ซูพ่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ไปมองซ่านจินจื่อโดยไม่กล้าที่จะเชื่อ หลังจากเห็นการยืนยันใน ดวงตาของเขา ความเศร้าโศก ในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความ ยินดีปรีดา ในชั่วพริบเดียว เข้าสวมกอดเอวของซ่านจินจืออย่าง ดีใจพลางกล่าวสะอื้น “พ่านเอ๋อร์ทราบว่าหากมีพี่ออยู่ พ่านเอ๋ อร์จะต้องไม่เป็นอะไร
ขณะลูบศีรษะของซูพ่านเอ๋อร์ รอยยิ้มที่มุมปากของซ่านจินจื้อ
แผ่ความอบอุ่นออกมา เมื่อนึกถึงว่าต่อจากนี้สามารถอยู่ครองคู่ ด้วยกันตลอดไป หัวใจยิ่งรู้สึกยินดี “ท่านอ๋อง…” ขณะมองความรักอันลึกซึ้งของคนทั้งสอง เมีย
วหานพลันเอ่ยปากพาเสียบรรยากาศยิ่ง “เช่นนั้นเรื่องยา?”
ซ่านจินจือนั่งงันไปชั่วครู่ เมื่อนึกที่เกี่ยวหานกล่าวเมื่อสักครู่ว่า ในการช่วยชีวิตซูพ่านเอ๋อร์ยังขาดวัตถุดิบยาสองชนิด เมื่อ เหลือบมองบุคคลในอ้อมกอด ซ่านจินจือออกแรงอุ้มคนในท่า นอนเดินมุ่งไปที่เตียง “ท่านเอ๋อร์ เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะพา เมี่ยวหานไปวิหารเพิ่งหมิงเสียหน่อย
ไปวิหารเพิ่งหมิง? ไปหาผู้หญิงคนนั้นน่ะหรือ?
ในดวงตาเผยประกายความเกลียดชัง แต่ยามที่เงยศีรษะขึ้นก็ เปลี่ยนอารมณ์เป็นน่าสงสาร คว้าเสื้อของท่านจินจือแล้วเอ่ยถาม ด้วยความกังวล “ใช่ว่าพระชายาป่วยหรือไม่เพคะ?”
“เป็นหรือตายหญิงนางนั้นย่อมไม่เกี่ยวกับข้า” เห็นอารมณ์ ความน้อยใจบนใบหน้าสตรีในอ้อมกอด หัวใจซ่านจินจื้อยิ่งรัก ใคร่ วางคนลงบนเตียงด้วยความระมัดระวังแล้วดึงผ้านวมด้าน ข้างขึ้นห่ม จุมพิตลงที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน จึงกล่าวอธิบาย “เดี๋ยวหานเล่าว่าหลิงหนานตระกูลหยุนมีสมุนไพรทั้งสองชนิดที่ รักษาโรคของเจ้า ข้าจะต้องไปเอากับอ้าวเวย เมื่อมีสมุนไพรทั้ง สองชนิด โรคของเจ้าก็มีทางรอดแล้ว”
เมื่อนึกได้ว่าจะต้องไปพบกู้อ้าวเวย น้ำเสียงของซ่านจินจื้ออัดแน่นไปด้วยความรังเกียจ ดวงตาไม่ได้อบอุ่นเมื่อเมื่อสักครู่นี้ แต่ เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง
เพียงแค่ได้ยามา อ้าวเวณนั่งหญิงคนนั้นก็จะไม่มีประโยชน์ กับเขาอีกต่อไป!
“เช่นนั้น…..พี่จ๋อท่านต้องพูดกับพระชายาดีๆ อย่าได้ก่อปัญหา นางเด็ดขาด” ซูพ่านเอ๋อร์ขยุ้มผ้าห่มกำชับด้วยความกังวล
ด้วยความห่วงใยที่กล่าวออกมา สีหน้าท่านจินจือยิ่งทวีความ อ่อนโยน ลูบไล้ใบหน้าซูพ่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาพลางยิ้มตอบ “พ่านเอ๋อร์วางใจ ข้าจะต้องนำยากลับมา หากนางแพศยานั่นไม่ ให้ข้าย่อมมีหนทางอื่น
เมื่อเรียกหญิงรับใช้ที่เฝ้าด้านนอกเข้ามาดูแลซูพ่านเอ๋อร์ ซาน จินจือจึงน่าเสี่ยวหานไป
ซ่านจินจื้อที่เร่งรีบจะไปพบกู้อ้าวเวยเพื่อนเอายาไม่ทันได้ สังเกตว่ายามที่เขาหันหลังไป ได้ปรากฏยิ้มเย็นที่ฉาบบนมุมปาก ของซูพ่านเอ๋อร์กับความลังเลใจในดวงตาของเดี่ยวหาน
ภายในวิหารเพิ่งหมิง อ้าวเวยกำลังนั่งศึกษาตำราแพทย์อยู่ ที่โต๊ะ กล่าวได้ว่านางได้มายังสถานที่แห่งยุคสมัยโบราณที่รู้สึกดี ที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถอ่านตำราทางการแพทย์มากมายที่ไม่ เคยได้เห็นมาก่อน
ยามนี้บังเอิญพบสถานที่ที่สามารถศึกษาการฝังเข็มและ เภสัชศาสตร์ ขณะที่กำลังคิดหาคนมาทดลอง ก็ได้ยินเสียง โหวกเหวกจากด้านนอก ทันทีที่ใช้ให้หยินเดี่ยวออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นประตูห้องก็ถูกถีบเปิดเข้ามา
เมื่อเห็นซ่านจินจือที่มีสีหน้าโกรธแค้นเดินเข้ามา อ้าวเวย พลันเบ้ปาก ผู้ชายเฮงซวยช่างเหมือนผีรังควานไม่เลิกราจริงๆ
“ท่านอ๋องมาหาข้ากลางดึกถึงที่นี่ คงไม่ใช่ว่าคิดอยากร่วม เรือนหอกับข้าหรอกกระมัง” พลันโยนตำราแพทย์ในมือทิ้งไป อ้าวเวยส่งสัญญาณหยินเกี่ยวข้างๆ ที่ตกใจจนหน้าซีดขาวอยู่ ก่อนแล้วให้ออกไป ส่วนตนนั่งรินชาใส่ถ้วยด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง
“เพล้ง!” ถ้วยชา ในมือถูกปัดลงพื้น อ้าวเวยยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ถูกซ่านจิน อยกร่างขึ้นมาจากม้านั่ง ถามด้วยความขบเขียว เคี้ยวฟัน “สมบัติตกทอดสองชิ้นของตระกูลหยุนอยู่ที่เจ้าหรือ ไม่?”
สมบัติตกทอดอันใดหว่า?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ