ท่านอ๋องเป็นของข้า

บทที่ 5 หญิงโหดผู้ฆ่าเสือ



บทที่ 5 หญิงโหดผู้ฆ่าเสือ

เหล่าชายฉกรรจ์หันไปดูเสือตัวใหม่พร้อมกัน ตัวเก่าก็ ยังร้องโฮก คำรามดิ้นรนจะออกจากตาข่าย ในขณะที่ตัว ใหม่มีท่าทางดุร้ายกว่าตัวแรกยืนจังก้าอยู่บนชะง่อนหิน ดวงตาที่เหลืองทองทอประกายวาบวาว จ้องเขม็งมายัง เพื่อนที่นอนอยู่ในตาข่าย

“รับตาข่ายเร็ว” ชายมีปานตะโกนลั่น พร้อมขว้างตาข่าย อันใหม่ออกไป

“ทางนี้” เซียงวิ่งซูดีดตัวขึ้นรับทันที อีกสามคนก็มี ปฏิกิริยาว่องไวเช่นกัน

เสือตัวใหม่กระโดดเอาอุ้งเท้าหน้าปัดตาข่ายออก

พลั่ก! ร่างลายเหลืองสลับริ้วดำ ยืนอย่างสง่างามบน กระสอบข้าวที่กองพะเนินสูง โฮก! โฮก! เสียงคำรามที่ดัง กว่าเดิม ก้องไปทั่วภูผาหิน กลุ่มคนที่อยู่บนผาหินอีกฝั่งถึง กับต้องยกมือขึ้นปิดหู

“มันคลั่งแล้ว” แม่ทัพจีนประสาทตึงเครียด

“ท่านน้า ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเขาอาจจะคุมไม่ได้” องค์หญิง จับจ้องเสือตัวใหม่ตาไม่กระพริบ เธอเคยฆ่าเสือและหมี ป่ามาแล้ว การได้เห็นเสือคลั่งกระตุ้นสัญชาตญาณนักสู้ ให้คุโชน
คนในช่องเขาต่างผลัดกันเข้ารุกเสือตัวใหม่ การนำ ตาข่ายขึ้นอีกครั้งยังไม่สามารถหลอกล่อมันให้หลงทิศได้ าร้ายเจ้าเสือตัวนั้นยังกระโดดลงไปหาเพื่อนของมัน ใช้ จังหวะกลับตัวใช้ปากคาบตาข่ายด้านหนึ่งขึ้น

เมื่อเสือสองตัวหลุดออกมายืนหันหน้าสู้กับคนทั้งหมด พวกเขากระจายกำลังล้อมเสือทั้งสองเอาไว้ คนงานส่วน ใหญ่หวาดกลัวจนต้องหลบไปอยู่อีกฟากหนึ่ง

ระหว่างที่ทุกคนยังจดจ้องไม่รู้ว่า เสือพวกนี้มันคิดจะทำ อย่างไร

ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!

เสียงลูกธนูขนาดเล็กแหวกอากาศมาจากบนยอดผา ปัก ตรงต้นคอของเสือตัวใหญ่อย่างแม่นยำทั้งสามลูก เสือตัว ใหญ่ร้องคำรามลั่น ดวงตาของมันเบิกโพลงขึ้น

กว่าเดิม เสือตัวที่สองกระโจนเข้าใส่คนกลุ่มคนที่ราย ล้อมมัน ชายหนุ่มทั้งห้าที่ดูมีฝีมือถือดาบกวัดแกว่งเข้าสู้ กับเสือ ตัวที่บาดเจ็บซวนซบอยู่ใกล้ขอบแอ่ง เลือดไหล ออกมาจากรูธนูสั้นทั้งสามอัน

เมื่อชายหนุ่มทั้งหมดรุมแทงอีกเสือด้วยหอกและดาบจน มันบาดเจ็บหนักแล้ว เสือตัวใหญ่ลุกผงาดอีกครั้ง อาศัย จังหวะชุลมุนหมายต้นคอของชายหนุ่มที่มีปานประปรายเต็มใบหน้า

“ระวัง!” เสียงตะโกนลั่นลงมาจากยอดผา

เซียงเฉินกงหันกลับไป เห็นร่างใหญ่สีเหลืองลายดำ ลอยอยู่เหนือศีรษะ

สวบ!

ดาบสั้นเสียบตรงคอพอดิบพอดี ร่างเสือตัวใหญ่ทรุดลง ก่อนถึงตัวชายหนุ่มไม่ถึงห้าขุ่น

ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวน ร่างในชุดสีน้ำตาล เข้มทะมัดทะแมง ผมเปียเดี่ยวถักมิดชิด บนหัวมีผ้าคาด สีเดียวกับชุด ผิวหน้าและผิวกายคล้ำเข้มมีรอยขีดสีดำ ที่แก้มเป็นทางยาวด้านละสามรอย นาง อยู่บนหลังเสือ ดาบขนาดท่อนแขนยังปักอยู่ที่คอ

“ตัวนี้ ข้าเป็นคนฆ่ามันเอง เช่นนั้นย่อมเป็นของข้า ส่วน ตัวนั้น พวกเขาก็เอาไปก็แล้วกัน”

ท่ามกลางการตกตะลึงของทุกคน ชายฉกรรจ์ในชุดสี เดียวกันกับนางล้วนรูปร่างหนาสูงใหญ่จำนวนหกคนกรู กันออกมาจากช่องเขาอีกทาง มัดมือเท้าเสือตัวที่ตายแล้ว หามออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี่ยว แม่นาง ท่านจะไม่บอกชื่อแซ่ให้พวกเราทราบ หน่อยหรือ?” เซียงเฉินกงรีบร้องทัก

ใบหน้าคล้าที่มีรอยขีดบนแก้มนั้นปรายตามาแวบเดียว แล้วหันกลับ

“เพิ่งเอ๋อร์ เร็วเข้า! เราไม่มีเวลาแล้ว” เสียงตะโกนของ ชายร่างใหญ่ที่ยืนจังก้าอยู่บนผาหิน

“นั่นคือ ชื่อข้า” นางพูดแค่นั้น แล้วสะบัดเปียที่ยาวถึงเอว จากไป

เซียงเฉินกงสะดุดใจ เฟิงเอ๋อร์ ชื่อนางช่างคล้าย…..

“เฉินกง เจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบมาจัดการกับซากเสือตัวนี้ เร็ว”

ในขบวนมีคนงานที่เชี่ยวชาญการชำแหละหมู จึงได้ ใช้พวกเขาจัดการกับเสือ จากนั้นขบวนคาราวานก็เดิน ทางออกจากช่องเขามรกตไป

รอนแรมอีกสิบวันก็มาถึงเมืองหลวงของแคว้นจิน ดิน แดนที่เคยเป็นที่ตั้งชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าทึบ ติดภูเขา ที่ทอดยาวไปจนถึงทิศเหนือของแคว้นเว่ย ช่วงบนของ เทือกเขา มีหิมะตกตลอดปี เพราะมีต้นสนอยู่จํานวนมาก จึงมีชื่อเรียกกันว่า “ซงซาน”
ภายหลังพวกเขาตั้งแคว้นขึ้น จึงเคลื่อนย้ายผู้คนลงมา อยู่ที่ราบริมทะเลสาบ กง ซึ่งมีต้นสนเกิดรอบล้อมจํานวน มาก เมื่อสร้างเมืองจินเรียบร้อยด้วยอำนาจเงินที่ได้จาก เหมืองทองใต้เขาซงซาน ทําให้อาณาจักรแห่งนี้ถือกำเนิด ขึ้น

“ที่นี่ก็รุ่งเรืองไม่ต่างจากเมืองหมิงของเราเลย” เชียง วิ่งซูชื่นชมยินดี เมื่อได้เห็นผู้คนแต่งกายในฤดูหนาวที่ สวยงาม พวกเขาอยู่ใกล้ภูเขาหิมะ อากาศจึงเย็นกว่าที่ แคว้นหมิง

“ท่านมองหาหอคณิกาใช่หรือไม่?”

“หือ…ที่ใด?” เซียงวิ่งซูมองซ้ายแลขวา หอโคมเขียวที่อยู่ หัวมุมถนนข้างหน้า ทำให้หัวใจชายหนุ่มกระชุ่มกระชวย

“แต่ว่าท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนจะดีกว่า เราต้องจัดการเรื่อง ร้านค้าของเราให้เรียบร้อย

ภายในสามวัน สองหนุ่มตระกูลเซียงก็สามารถซื้อร้าน ค้าบนถนนสายสำคัญได้สำเร็จ แม้เซียงวิ่งซูจะบ่นอุบอิบ เรื่องความมือเติบของน้องชาย แต่ก็คัดค้านไม่ได้

“เจ้าเล่นให้ราคาเช่นนั้น ใครก็ไม่รับก็บ้าเต็มที
“ท่านอยากติดต่อกับราชสำนักจิน หากไม่อยู่ในย่าน คนร่ำรวย จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร?” ชายหนุ่มหน้ามีปาน สะบัดเสียง

พวกเขาจัดการขนข้าวเข้าร้านและเปิดร้านภายในสาม วัน ในระยะแรกเพื่อดึงดูดลูกค้า เซียงเฉินกงลดราคาข้าว จากปกติลงไปนับร้อยอีแปะ ทําให้ชาวเมืองจินต่าง เลือ กันถึงชื่อร้าน “ข้าวสารเซียง” กันทั่วหน้า เมื่อชื่อเสียงร่ำ ลือรวดเร็ว แม้แต่เจ้าหน้าที่ในวังที่มีหน้าที่สั่งซื้อข้าวยัง สนใจจะไปสั่ง อกับคุณชายเชียง

เซียงเฉินกงให้เซียงวิ่งซูผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งมีใบหน้าหล่อ เหลา พูดจาหวานหูเป็นผู้รับแขกและค้าขาย หญิงสาว น้อยใหญ่ในเมืองต่างร่ำลือถึงคหบดีเซียงที่เพิ่งมาซื้อ คฤหาสน์ร้างในตรอกสุดถนน บัดนี้ผู้คนในเมืองหลวง จินต่างสนใจในตัวชายหนุ่มทั้งสอง ยิ่งรู้ว่ายังไม่ตบแต่ง ภรรยา ยิ่งเป็นที่ต้องใจของคุณหนูทั้งหลาย

หากแต่นิสัยเจ้าคนผู้นี้ ยังคงชอบหาข่าวอยู่เช่นเดิม หลัง เปิดร้านได้ไม่นานเขาก็ค้นพบแหล่งคุ้ยข่าว

“ภัตตาคารดังที่นี่ คือ มู่กง ส่วนร้านน้ำชาที่ข้าควรไป ชื่อ มวลมิตร”

“เช่นนั้น ท่านก็เร่งไปหาข่าวเถิด”
“เจ้าจะเน้นเรื่องใดก่อน?”

“เราต้องการข้อมูลของแคว้นจีนในยุคนี้ เพื่อส่งไปให้ ฮ่องเต้ทราบ จากนั้นข้าต้องการข้อมูลขององค์หญิงจิ นเพิ่ง”

“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่า…ชื่อนางคุ้นๆ

ใบหน้าที่มีปานประปราย หันมามองผู้พี่

“หวังว่าคงจะไม่ใช่นางที่ฆ่าเสือผู้นั้น”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ