บทที่ 4 เจ้าคิดฝ่าดงพยัคฆ์
เส้นทางที่จะข้ามเทือกเขามังกรทะยานไปยังแคว้นจิ นมีทั้งทางตรงและทางอ้อม หากไปทางตรงจะข้ามเขา เพียงสองวัน แต่หากไปทางอ้อมจะต้องเดินทางถึงห้าวัน แต่ทางตรงนั้นล้วนไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยง ช่วงหนึ่งนั้นเป็น ช่องเขาที่เกิดจากภูเขาที่ยุบลงในคืนที่ฟ้าพิโรธหนัก ฝน ตกแรง ฟ้าผ่ายอดผาหิน พรานป่าที่ล่าสัตว์อยู่แถวนั้น เล่ากันว่า เทพเจ้าบนภูเขาดลบันดาลให้เกิดช่องทางเดิน ขนาดใหญ่ กว้างพอที่เกวียนสองคันผ่านพร้อมกันได้
ทว่าช่องทางนั้นกลับเป็นทางผ่านสำหรับฝูงสัตว์ที่จะ ไปกินน้ำยังแอ่งมรกตด้วย บางคราเหล่าพรานเห็นหมีดำ หรือไม่ก็เสือโคร่งป้วนเปี้ยนมารอจับกินกวางหรือกระทิง พวกเขาจึงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เส้นทางนี้นัก
“เราจะผ่านไปทางช่องเขามรกต” เซียงเฉินกงประกาศ ให้คนทั้งขบวนทราบ นอกจากจินวิ่งซูและเหล่าองครักษ์ แล้ว คนในสำนักคุ้มภัยและคนงานต่างพาคนตื่นตระหนก
“ท่านไม่รู้หรือว่า เสือในช่องเขามรกตนั้นน่ากลัวเพียง ใด?” ผู้นำคนจากสำนักหงส์ไฟรีบเตือนนายจ้าง
“ไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมอุปกรณ์ดักเสืออย่างดีมาด้วย” เซี ยงวิ่งซูผู้พี่รีบยกมือสองข้างขึ้นห้ามปรามมิให้ทุกคนในขบวนคิดมาก
“ครั้งนี้เราจะดักเสือเอาไปขายที่แคว้นจินด้วย” ชาย หนุ่มที่มีรอยปานสีเทาประปรายทั้งคอและใบหน้า พูดจา ดูน่าเชื่อถือ ดวงตาของเขาองอาจกล้าหาญชวนให้ผู้คน เคารพเลื่อมใส
สองหนุ่มพี่น้องรีบให้บ่าวไพร่เปิดเอาอุปกรณ์ในหีบไม้ ใหญ่ออกมา นำเอาแผ่นเหล็กขึ้นประกอบกันเป็นรูปกรง โซ่ขนาดใหญ่สองเส้นเตรียมไว้พร้อม
หลังจากตั้งแคมป์นอนห่างจากเชิงช่องเขามรกตหนึ่งคืน พวกเขาก็ออกเดินทางกันในยามเหม่า ทางที่ขึ้นไปใกล้ ผาหินนั้นช่วงแรกจะค่อนข้างชันทำให้วัวค่อนข้างจะลาก เกวียนลำบาก คนงานจะต้องคอยช่วยดึงรถด้วย ไม่นาน นักก็พบช่องเขาคล้ายมีคนเอามีดฟันแบ่งออกเป็นสอง ส่วน แล้วเลื่อนมันออกจากกัน
เมื่อเดินเข้าไปเป็นเวลาประมาณสองเค่อก็จะเห็นสวนที่ ถูกโอบด้วยผาหินรอบๆ มีแอ่งน้ำใสสีมรกดกว้างประมาณ 1 หมู่ น้ำในแอ่ง ใสจนมองเห็นพื้นดินข้างใต้
“โอ….สวยราวกับแดนสวรรค์” เซียงวิ่งซูเข้าไปยืนโบก พัดใกล้ๆ ฝั่งนี้เป็นลานกว้างที่ประชิดแอ่ง อีกฝั่งเป็นป่ารก ทึบที่รกเรื้อซ้อนใต้เงื้อมผาหิน
“ท่านเคยไปสวรรค์แล้วหรือ?”
คนโบกพัดถึงกับเสียอารมณ์ “เจ้าไม่เข้าใจว่า ข้าเปรียบ เปรยหรืออย่างไร?”
เซียงเฉินกงเห็นหน้าบูดบึ้งของพี่ชายก็ยิ้ม “จริงของท่าน ที่นี่สวยงามมาก
“ปลาตัวโตเท่าขาข้าทั้งนั้นเลย” คนงานร้องเรียกกันมาดู
อย่างตื่นเต้น
“ส่วนหนึ่งระวังภัย อีกส่วนหนึ่งจับปลา” เซียงเฉินกงสั่ง
การ
คนงานส่วนหนึ่งจึงทำการจับปลาขึ้นมาก่อไฟย่างเป็น อาหาร การเดินทางที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะกินอาหารแห้งที่ เตรียมไว้ บางคราก็ได้กินสัตว์ป่าที่ล่าได้บ้าง วันนี้ปลาตัว ใหญ่เสียบไม้ย่างกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวน แถมนายท่าน กับนายน้อยก็ใจดีให้หยุดพักหุงข้าวด้วย อาหารมื้อนี้จึง นับเป็นมื้อใหญ่
กลุ่มคนที่ซุ่มอยู่บนผาหิน มองลงมายังคาราวานข้างล่าง อย่างแปลกใจ คนพวกนี้ไม่รู้หรือไรว่า หุบเขามรกตน่า กลัวเพียงใด ไม่เพียงแต่มีเสือร้าย แต่ยังมีหมีป่าที่คอยวน เวียนมาดื่มน้ำ และหาอาหาร
“ท่านน้า ท่านว่า เสือจะออกมาหรือไม่?”
แม่ทัพจินหลี่หมิง หันมามองหลานสาวที่นอนหมอบอยู่ บนชะง่อนหินรอคอยด้วยความตื่นเต้น “คงอีกไม่นาน มัน ดงชมดูวัวอยู่แถวนี้
“วมีเยอะทีเดียว นี่คงเป็นพ่อค้าเศรษฐีแคว้นหมิงเป็น แน่”
“อืม….ข้าวสารจํานวนมากขนาดนั้น อาจจะคิดไปตั้ง สาขาที่แคว้นจิน”
“ถ้าเสือออกมา เราต้องช่วยพวกเขาใช่ไหมเจ้าคะ?”
“ถ้าเจ้าอยากให้ประชาชนแคว้นเรามีข้าวสารกิน ไม่ต้อง คอยแย่งกันซื้อ เราก็ต้องช่วยพวกเขา”
จินเฟิงพยักหน้ารับทราบ ปีนี้อากาศหนาวยาวนาน น้ำก็ ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ข้าวไม่ค่อยได้ผล ชาวเมืองคงต้อง รอคอยพ่อค้าจากแคว้นหมิงและแคว้นเหลียนนําข้าวมา ขายอีกเช่นเคย
กลิ่นย่างปลาหอมฉุยลอยขึ้นมา จินเฟิงกลืนน้ำลาย ลงคอไปสองอีก เธอเคยมาย่างปลากินที่นี่ครั้งแรก ตอน ที่ท่านน้านำทหารฝีมือดีมาด้วยกลุ่มใหญ่เพื่อสำรวจเส้น ทางที่พรานป่าได้แจ้งกับทางการ เนื้อปลาหอมหวานนุ่มลิ้น
“นั่นน่าจะเป็นเจ้าของขบวน” นางชี้ไปยังชายหนุ่มผิว พรรณขาวผ่องในชุดคุณชาย มือถือพัดสีขาวดำ “เอ๊ะ! พัดนั่นดูคุ้นมาก”
รองแม่ทัพซ้ายหยางหมิง เห็นองค์หญิงกล่าวเช่นนั้น ก็ มองดูผู้คนที่อยู่รอบตัวของเจ้าของพัด “สามคนนั้นน่าจะ เป็นยอดฝีมือ” เจ้าของฉายาอินทรีขาวมองดูท่าทางการ จับกระบี่ของคนทั้งสามแล้วมั่นใจยิ่ง
“บางทีเราอาจจะไม่ต้องช่วยพวกเขาก็ได้” แม่ทัพจินตัด สินใจ “เรารอดูพวกเขาจัดการเสือเองก่อนดีกว่า หากพวก เขาไม่ไหวจริงๆ พวกเจ้าค่อยลงไปช่วย”
เหยียนเหลยรองแม่ทัพฝ่ายขวา เจ้าของฉายาอินทรีค่า รับคำ “องค์หญิง ท่านอยู่ข้างหลังข้า ให้ข้ากับหยางหมิง ขึงเสือได้ก่อน ท่านค่อยฆ่า”
อินทรีขาวและอินทรีดำทำหน้าที่ติดตามองค์หญิงจิ นเพิ่งล่าเสือหลายครั้ง ภายใต้การดูแลของท่านแม่ทัพ จิน ความไม่เคร่งธรรมเนียมของแคว้นจินทำให้ไม่ต้องใช้ ราชาศัพท์กับเหล่าคนในราชวงศ์ พวกเขาถือตัวว่า พวก เขายังคงเป็นชนเผ่า การตั้งราชวงศ์เป็นเพียงหน้าฉากใน การติดต่อกับแคว้นอื่นเท่านั้น
เมื่อคนในคาราวานกินข้าวเสร็จ ผู้ชายหลายคนถอด เสื้อผ้าลงอาบน้ำ ท่านแม่ทัพรีบห้ามองค์หญิงไม่ให้หันไป มอง นางจึงเบือนหน้าหนีพลางบ่นพึมพำ ‘แค่นี้ข้าดูหน่อย จะเป็นไร ดูได้ก็เอาไปไม่ได้
ครั้นทุกคนอาบน้ำเรียบร้อยพวกเขาก็เตรียมเดินทางต่อ
โฮก! โฮก! เสียงคารามกึกก้องมาจากชะง่อนหินฝั่งที่มี ต้นไม้ใหญ่ เจ้าป่าออกมาแสดงตัวแล้ว มันมาจ้องเขมือบ วัวอวบหลายตัวที่เทียมเกวียนมาตั้งแต่เริ่มขึ้นเขา เฝ้ามอง มาหลายคืน หากแต่เพราะฟืนไฟลุกโชน และเวรยามแน่น หนาจึงยากจะฝ่าเข้าไปคาบมาสักตัวได้ และแล้ววันนี้ เหยื่อเหล่านั้นก็มาถึงถิ่นของมัน
เซียงวิ่งซูดีดตัวตึงขึ้นทันที “มันมาแล้ว เฉินกง” เขารีบ ร้องเรียกน้องชายด้วยความตื่นเต้น คนทั้งห้าดีดตัวขึ้นสูง เห็นได้ว่า พวกเขาทั้งหมดล้วนวิชาตัวเบาดีเลิศ ชายหนุ่ม ที่มีปานกระจายเต็มใบหน้า ขว้างตาข่ายขนาดใหญ่ออก พวกเขาทั้งห้าช่วยกันจับคนละมุม จังหวะที่เสือกระโจนลง มาใส่วัวตัวที่อยู่ใกล้สุด
ควับ! ผลั่ก! เสือตัวแรกตกอยู่ในตาข่าย มันม้วนตัวลง ไปกลิ้งกับพื้น แม้จะดิ้นแรงแค่ไหนก็ไม่อาจลอดพ้นจาก ตาข่ายที่แสนเหนียวนั้นได้”จับได้แล้ว!”
ในขณะที่พวกเขากำลังจะเอาโซ่เข้าล่าม เสือโคร่งอีกตัว กลับปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิม
โฮก! โฮก
“แย่แล้ว มันมีอีกตัว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ