ท่านอ๋องเป็นของข้า

บทที่ 3 นี่หรือคือโจรภูเขา



บทที่ 3 นี่หรือคือโจรภูเขา

จินฉิงอีหัวเราะคิกคักเมื่อซ่งฮุ่ยจูหยิบเอาห่อของส่วนตัว ที่นางนำมาด้วยเพียงห่อเดียวขึ้นมาเปิดดู “เจ้าค้นระวัง ด้วยล่ะ ในนั้นล้วนเป็นของพี่วิ่งซู”

“ท่านเข้าไปขโมยของในห้องคุณชายอีกแล้ว”

“พี่วิ่งซูไม่อยู่ป้องกันเอง ช่วยไม่ได้ ข้าใช้วิชาตัวเบาขั้น สูงทีเดียวกว่าจะหยิบเอาของพวกนี้มาได้” นางเชิดหน้า ภาคภูมิใจ

เรือนของจินวิ่งซูวางกลไกไว้พิสดารนัก เขากับจวิ้นอ๋ องหมิงเฉินกงมักจะค้นคว้าพวกอาวุธลับหรือสิ่งประดิษฐ์ แปลกๆ ด้วยกันเป็นประจำ ล่าสุดตอนที่นางแอบเข้าไป ขโมยของพวกนี้ก็เห็นอาวุธลับสี่แฉกวางอยู่บนตู้ ยังไม่มี เวลาพิจารณาก็ต้องรีบออกมาก่อนที่ฝ้าเพดานจะปล่อย ควันพิษออกมาเสียก่อน

ถ้าจะว่าไปพี่ชายที่เป็นจวิ้นอ๋องของนาง มีของพิสดาร กว่าพี่วิ่งซูหลายร้อยเท่า เพียงแต่เขาซ่อนเอาไว้ในห้อง ใต้ดินที่วังปีกอินทรี เดินทางคราวนี้เห็นทีพี่ชายจะขนเอา อาวุธลับและเอาเหยี่ยวตัวนั้นออกมาด้วยเป็นแน่ นางเคย ตามพี่วิ่งซูไปวังของจวิ้นอ๋อง

ด้านหลังมีเรือนลับซ่อนอยู่ในสวน ในเรือนนั้นเลี้ยง เหยี่ยวไว้หลายตัว หนึ่งในนั้นเป็นเหยี่ยวตาสีฟ้า จวิ้นอ๋องปล่อยมันออกไปสักหนึ่งเค่อมันก็กลับมาพร้อม จดหมาย ‘น่าอัศจรรย์เสียจริงเทียว ไม่ใช่พิราบสื่อสาร แต่เป็นเหยี่ยวสื่อสาร’ จินฉิงอีคิดไว้ว่า นางจะขอเหยี่ยว จากจวิ้นอ๋องสักตัวหนึ่ง เมื่อนางมีเรือนที่มีอาณาเขตก ว้างๆ เป็นของตนเอง

ซ่งฮุ่ยจูหยิบดูอาวุธแต่ละอย่างที่นางหยิบมา “ขลุ่ย ปล่อยเข็มพิษ พัดซ่อนมีดสั้น กระบี่รัดเอว ถุงปล่อยควัน พิษ พวกนี้พอไหว ที่ของที่เหลือข้าว่า คุณหนูเก็บไว้ในหีบ ที่รถม้านี่เถอะ”

ข้าวของที่คุณหนูของนางขโมยมา ล้วนแล้วเป็นของรัก ของคุณชายจินทั้งสิ้น นางเคยได้ยินคุณชายเล่าด้วย ความภาคภูมิใจในการไปท่องเที่ยวเสาะหาแต่ละสิ่งมา ซึ่งล้วนเป็นของช่างฝีมือดีในยุทธภพ

“อ๊ะ! ล่าสุดพี่วิ่งซูได้พัดสีขาวดำมาใหม่นี่นา ด้ามนั้นข้า ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า มีดีที่ตรงไหน?”

“คุณหนูรีบเก็บของไว้กับตัวก่อนเถอะ บางอย่างอาจได้ ใช้” ซ่งฮุ่ยจูรีบดึงผ้าคาดเอวของนางออกมา เอาเข็มและ ด้ายมาเย็บที่ซ่อนกระบี่ให้คุณหนู ส่วนขลุ่ยก็กำชับให้นาง ถือไว้ ส่วนถุงปล่อยควันพิษเล็กๆ สามารถพกพาไว้ในอก เสื้อได้

“แล้วพัดข้าเล่า?”
“ท่านจะถือทุกอย่างได้อย่างไร? เดี๋ยวข้าใช้พัดเอง”

“เช่นนั้นก็ดี

เมื่อตกลงเรื่องอาวุธแล้ว ซ่งฮุ่ยจูก็เก็บของที่เหลือลงใน หีบและล็อคกุญแจเรียบร้อย “หากเรามีเหตุให้ต้องทิ้งรถ ม้า อย่างน้อยก็คงไม่มีใครเอาของไปได้ง่ายๆ

บนทางผ่านหุบเขามังกรทะยานแห่งนี้ มีชุมโจรที่เพิ่งเกิด ขึ้นไม่นานนัก เพราะมีจำนวนคนและอาวุธไม่มาก ครั้น เห็นขบวนค้าข้าวที่มีสำนักคุ้มภัยใหญ่ตามมาดูแลด้วยจึง จํายอมปล่อยผ่าน

“เสียดายนัก นั่นน่าจะเป็นข้าวสารกับเกลือจำนวนมาก พ่อค้ารายนี้อาจจะเป็นคหบดีใหญ่แคว้นหมิง” เจ้าหัวหน้า ที่หนวดเครารุงรังมองแล้วถอนหายใจเฮือกๆ หันไปมองดู จำนวนลูกน้องตนเองเพียงหกคน เพิ่งมีดาบเพียงสี่คน อีกสองคนยังถือเสียมก็นึกท้อแท้ใจ

“ลูกพี่ ดูนั่น รถม้ามาคันเดียว เช่นนี้เราน่าจะพอปล้นได้”

“มีด ทําไมจึงไม่จอดหลับนอน กลับเดินทางข้ามเขาที่ มีป่าทึบรอบข้าง ไม่แปลกไปหน่อยหรือ?” ลูกน้องที่เคย ไปรับจ้างทำงานในเมือง ดูแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หากคน พวกนี้ไม่ใช่คนที่จะปล้นได้ง่ายๆ พวกเขาที่วิทยายุทธแค่พอกวัดแกว่งดาบจะข่มขู่ผู้เคราะห์ร้ายอย่างไร ไหว?

“ถ้าเจ้าคิดมาก เจ้าไม่ได้ปล้นแล้ว ลงมาเถอะ” คนเป็น หัวหน้ารีบตัดสินใจ สองวันมานี้ไม่มีผู้ผ่านมาสักราย หาก ปล้นได้วันนี้จะหยุดไปสักสามสี่วัน ไปหาซื้อผ้าห่มให้ มารดา ความจริงป่าแถบนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่ง แต่เป็นเพราะ พวกเขาด้อยฝีมือในการล่าสัตว์ จึงต้องคอยเก็บสมุนไพร ไปขาย และดักปล้นเป็นบางครั้ง

“หยุด! มีทรัพย์สินอันใด ส่งมาให้หมด!” เสียงตะโกนก้อง ช่องเขา ร่างหนุ่มฉกรรจ์เก้าคนรายล้อมรถม้า

ซ่งเหวินฉีตะโกนดังกว่านั้น “คุณหนู ฮุ่ยจู มีโจรป่า” เสียง อันกึกก้องของชายหนุ่ม ทำเอาเหล่าโจรแทบเข่าอ่อน ซ่ง เหวิน คว้าดาบทะยานลิ่วไปถึงหัวหน้าโจร ประดาบเพียง สามเพลง หรือจะว่าไป ฝ่ายนั้นแค่สายดาบสะเปะสะปะ เท่านั้น

“ถ้าไม่อยากให้หัวหน้าพวกเจ้าตาย วางดาบเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดนั้นทำเอาชายที่เหลือวิ่งหายไปในความมืด ทิ้ง ดาบและเสียมไว้ให้ทั้งสามมองอย่างพิศวง

“อย่าฆ่าข้าเลย พวกข้าทำไปเพราะจำเป็น”

“เจ้าหรือคือ โจรภูเขา ข้ายังไม่ได้ทันได้ชมการประลองเลยสักนิด” จินฉิงอีก้าวออกจากรถม้าอย่างผิด หวัง เมื่อสักครู่ที่นางได้ยินเสียงซ่งเหวินฉีตะโกน นาง อุตส่าห์แอบแง้มผ้าบังช่องข้างรถม้าด้วยใจระทึก มิคาด ว่าแค่ซ่งเหวินฉีกระโจนไปเพียงครั้งเดียวก็พาดดาบลงบน คออีกฝ่ายได้

โจรภูเขาร่างใหญ่พยายามเล่าเรื่องรันทดของครอบครัว และหมู่บ้านให้คุณหนูผู้นี้ฟัง พยายามขุดงิ้วหลายเรื่องที่ เคยดูแล้วหลั่งน้ำตามารวมกันให้นางเห็นใจ

“อืม…เจ้าว่ามาก็น่าสนใจ เช่นนั้นข้าอยากไปดูบ้านของเจ้า”

“หา!”

ต่อจากนั้นไม่ถึงสองเค่อรถม้าก็พาคนทั้งสี่ไปถึงหมู่บ้าน เล็กๆ บนภูเขาที่มีบ้านเรือนห้าหกหลัง เจ้าโจรภูเขาเรียก ให้ลูกน้องของตนที่วิ่งหนีตายเมื่อครู่ออกมาจากบ้านแต่ โดยดี

จินฉิงอีเห็นสภาพพ่อแม่ และน้องของโจรภูเขาแล้วให้ อนาถใจ พวกเขาล้วนผอมแห้ง ดีที่เจ้าโจรผู้นี้สูงใหญ่

“นี่เจ้าล่าสัตว์ไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้เชียวหรือ? อยู่กับป่า แท้ๆ ยังหาเลี้ยงครอบครัวได้แค่นี้” หญิงสาวในเครื่องแต่ง กายที่ดูราคาสูงกวาดสายตามองทีละคน “แล้วหาไม เจ้าถึงอ้วนอยู่คนเดียวเล่า?”

เจ้าโจรเปิดเสื้อของเขาออก ด้านในมีฟางสานอัดกัน แน่น “ข้ากลัวจะโดนคนเอาดาบแทงจึงสานฟางเป็นเสื้อ หนาๆ นอกจากจะทำให้ดูตัวใหญ่น่ากลัวแล้ว ยังป้องกัน ดาบได้อีกด้วย”

จินฉิง กับ งฮุยจูเห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ จินฉิ งอียินดีมอบเงินส่วนหนึ่งให้ครอบครัวของพวกโจรภูเขา เพื่อซื้อเครื่องกันหนาวแต่ขอร้องให้หยุดปล้นเพราะพวก เขาไม่มีวิทยายุทธเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากพลาดพลั้ง เสียชีวิตไปจะทําให้ครอบครัวที่รออยู่เดือดร้อน ทุกคนจึง ตกลง

ฉีเจียตงเล่าเรื่องที่เขาเคยไปรับจ้างทํางานในเมืองหลวง แคว้นหมิงอยู่ช่วงหนึ่ง พอรู้หนังสือและทำบัญชีเป็น อีก ทั้งยังเคยเดินทางไปเมืองหลวงแคว้นจินด้วย

“เช่นนั้น เจ้าติดตามข้าไปทํางานจะดีกว่า ข้าต้องการคน พาไปเมืองหลวงแคว้นจินพอดี และเมื่อกลับเมืองหมิงอีก ครั้ง ข้าจะให้เจ้าไปทำงานร้านแลกเงินของท่านพ่อ”

ฉีเจียตงดีใจยิ่งเขารีบคุกเข่าโขกศีรษะขอบคุณคุณหนู จิน นางมอบตั๋วเงินเป็นค่าจ้างล่วงหน้าเพื่อให้เขาทิ้งไว้ให้ ท่านพ่อท่านแม่และน้องชายที่อายุเพิ่งสิบสองปีได้ใช้ ปีนี้ ทั้งปีเขาไม่ต้องห่วงครอบครัวอีกแล้ว
ซ่งฮุ่ยจูไม่เห็นด้วยที่คุณหนูของนางจะจ้างโจรภูเขาร่วม เดินทาง

“เจ้าไม่สังเกตหรือฮุ่ยจู ข้าว่ารูปลักษณ์ ทั้งหน้าตาและ ผิวพรรณของเขานั้น ปลอมเป็นคุณชายได้สบายๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ