บทที่ 2 พ่อค้าหนุ่มรูปงาม
แคว้นจินมีพื้นที่น้อยกว่าแคว้นหมิงอย่างมาก ซ้ำยังไม่มี ที่ราบมากพอจะปลูกข้าวเลี้ยงดูคนทั้งหมด จึงต้องสั่ง ชื้อข้าวสารจากแคว้นหมิงและแคว้นเหลียนซึ่งเป็นพื้นที่ ราบลุ่ม มีแม่น้ำไหลผ่าน อุดมสมบูรณ์ยิ่ง จวิ้นอ๋อง หมิง เฉินกง กับจินวิ่งซูจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าข้าวสารและค้า เกลือ
มิคาดในช่วงที่ทั้งสองแอบปรึกษากันที่ศาลานั่งเล่น ในคฤหาสน์ตระกูลจิน น้องสาวคนเล็กของจินวิ่งซูแอบ ได้ยินเข้า
‘พี่วิ่งซูออกไปเที่ยวเตร่ต่างเมืองได้ แล้วข้าเล่า เมื่อ ไหร่ท่านพ่อจะอนุญาต เสียที’ จินฉิงอีเป็นลูกที่ท่านจิน คหบดีใหญ่ไม่คาดคิดว่าจะได้มา เพราะครานั้น ฮูหยิน รองก็คลอดบุตรชายมาเพิ่มแล้วหนึ่ง และบุตรสาวอีก หนึ่ง ฮูหยินเอก เซียงผิงที่ไม่ยอมตั้งท้องเสียทีภายหลัง กลับมีจินฉิงอีออกมา ห่างกับจินตั๋งซูถึงหกปี นางอายุสิบ แปดปีนี้ ด้วยความห่วงและหวงลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีผู้มา ทาบทาม คหบดีจินก็ยังไม่ตอบรับผู้ใด
“จวิ้นอ๋อง ให้ข้าไปเที่ยวด้วยคนได้หรือไม่?” ใบหน้าที่ ละม้ายจินวิ่งซู จมูกโด่งตรงเรียว และริมฝีปากบางค่อน ข้างกว้าง คิ้วเข้มคมเฉียง นางมีลักยิ้มสองข้าง ในยามยิ้ม แย้มชวนให้คนเอ็นดู
จวิ้นอ๋องหันไปมองญาติพี่น้อง รีบส่ายหน้าอย่างว่องไว “เจ้าจะไปได้อย่างไร การเดินทางครั้งนี้ต้องข้ามหุบเขา มังกรทะยาน ซ้ำแคว้นจินก็มีแต่ป่า ไหนจะมีโจรอีก เอาไว้ คราวหน้าไปในที่ที่ไม่อันตรายข้าจะอนุญาต
จินฉิง ใบหน้างอ นางได้รับการเอาใจอย่างถึงที่สุด จากบิดา แม้ว่ามารดาจะคอยปรามลงอยู่บ้าง แม้แต่พี่วิ่งซู เอง ก็ตามใจนางอยู่บ่อยครั้ง จินวิ่งซูหันมาสำทับ
“ฉิงเอ๋อร์ คราวนี้อันตรายจริงๆ เจ้ารออยู่นี่ล่ะ แล้วพี่จะ กลับมาเล่าเรื่องแคว้นจินให้เจ้าฟัง ดีไหม?”
จินฉิงอีพยักหน้ารับ เดินจากไปอย่างเหงาๆ หากแต่ลับ หลังกลับไปเรียกคนรับใช้ประจำตัวทั้ง ซ่งฮุ่ยจู และซ่งเห วินฉีมาเตรียมตัวอย่างเร่งด่วน
“พวกเราจะออกไปผจญภัยในแคว้นฉิน พวกเจ้าเตรียม ตัวให้พร้อม”
ซ่งฮุ่ยจูหน้าซีดเผือด นางรู้ดีว่า จินฉิงอีนั้นอุตริเพียงใด ตั้งแต่เล็กจนโต นางต้องรับโทษแทนนายน้อยผู้นี้นับครั้ง ไม่ถ้วน “คุณหนู ไม่คิดให้ดีก่อนหรือเจ้าคะ? ครั้งที่แล้ว บ่าวยังไม่หายก้นบวมเลยเจ้าค่ะ”
จินฉิงอีโบกมือแทนคําตอบ “ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้ารีบไปเก็บข้าวของ”
ซ่งฮุ่ยจูส่ายหน้า แม้นางจะอายุมากกว่าจินฉิงอีถึงสามปี แต่ก็ไม่สามารถทัดทานเจ้านายของตนได้สักครั้ง ทั้งรัก ทั้งตามใจกันมาตั้งแต่เล็ก จึงต้องยอมกันเสมอมา “คุณ หนู เราจะเดินทางกันอย่างไร?” ไหนๆ ก็ไม่อาจทัดทานได้ แล้ว คงได้แต่เตรียมการให้รอบคอบ
“ข้าจะเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ท่านพ่อ เงินทองที่ซ่อนไว้ก็ พอมีอยู่ พวกเจ้าเตรียมรถม้า เสื้อผ้าให้พร้อม เราจะออก เดินทางตามขบวนรถของพ่อค้า เฉินกงกับวั่งซูไป”
จวิ้นอ่องแอบกินยาที่ได้มาจากพระชายาเอกของชินอ๋อง เมื่อเห็นพระองค์ให้อยากตบแต่งกับจินเฟิง พี่สะใภ้จึงให้ กินยาขนานหนึ่ง เพียงแต่ให้กินส่วนน้อย ก่อนออกเดิน ทางในเช้านั้น ตามใบหน้าและลำคอของจวิ้นอ๋องปรากฏ ปานสีเทาเข้มเป็นแผ่นขนาดหัวแม่มือประปราย บดบัง ใบหน้าอันหล่อเหลาสง่างามราวเทพเซียนไปเสียกว่าครึ่ง แม้กระทั่งจินวิ่งซูเองถึงกับออกปาก
“เจ้า…..เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
“ไม่รู้ว่า พระชายาเอาสิ่งใดให้ข้ากินเหมือนกัน เห็นบอก ว่า เพื่อความปลอดภัย” ทั้งสองตกลงกันจะเป็นเพียง พ่อค้าข้าวและเกลือ จึงต้องเลิกใช้คำราชาศัพท์ในการ เดินทาง ทั้งสองไปในนาม พี่น้องตระกูลเซียง เซียงเฉินกง และเซียงวิ่งซู ผู้หวังไปบุกเบิกตลาดที่แคว้นจิน
จินวิ่ง รู้สึกคลางแคลงใจในการกระทำของฟ่านซิ่วอิง พระชายาเอกผู้สร้างเรื่องโฉดมากมายไม่แพ้ตน แต่ยัง หาเหตุผลไม่ได้
ขบวนคาราวานค้าข้าวและเกลือยาวเหยียด เซียนเฉิ นกง มียอดฝีมืออารักขาสองคน คือ ฝาแฝดหยางจื้อและ หยางเจี้ยน องครักษ์อันดับหนึ่งที่ต้องปลอมตัวเป็นเพียง จอมยุทธ์รับจ้าง ส่วนจินวิ่งซูนำเอาเพิ่งหู องครักษ์ประจำ ตัวที่ไม่เคยเอาไปไหนด้วยติดตามมาเป็นครั้งแรก ทั้งสอง ตกลงใจว่าจ้างสํานักคุ้มภัยอันดับหนึ่งของแคว้น หมิง ‘สํานักหงส์ไฟ’หากจะกล่าวว่าเป็นอันดับหนึ่งก็ย่อมได้ เพราะทั้งแคว้นก็มีเพียงสำนักเดียวในเวลานี้
“เจ้าดูสิ แทนที่ข้าจะได้เงินค่าจ้างคุ้มกันขบวนค้าขาย ใหญ่ขนาดนี้ กลับทำไม่ได้ก็เพราะดันเป็นคนของจวิ้นอ๋ อง” องค์หญิงซู่ลี่ หรือจอมยุทธ์ลี่ที่รับงานในการรับส่ง สินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล บ่นจนเนื้อตัวกระเพื่อมอยู่บนกอ ไผ่ขนาดใหญ่ที่บดบังร่างของนางแทบไม่มิด เพียงแต่ทุก คนในขบวนมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดิน จึงไม่ได้สนใจเงยหน้า
“เอาเถิด ไว้งานหน้าก็แล้วกัน งานนี้แม้จะเงินดี แต่ก็ เสี่ยงภัยนัก ต้องผ่านหุบเขามรณะของเทือกเขามังกร ทะยาน รูปร่างของเจ้ายามนี้ จะเล็ดลอดไปตามซอกเขา นั้น ล่ามากนัก”
จอมยุทธ์ลี่ถอดหายใจเฮือกใหญ่ นับตั้งแต่นางกินยาผิดสูตรของเจ้าผีไร้หลุมตัวนั้น ร่างกายที่เคยอรชร อ้อนแอ้นกลับขยายขนาดใหญ่กว่าคนปกติที่ตัวอวบถึง สามเท่า นอกจากจะสูญเงินจำนวนมากจนต้องมารับจ้าง คุ้มภัยในแคว้นหมิงแล้ว ขนาดตัวที่ใหญ่เกินคาดไว้ก็ยัง เป็นปัญหาอีกด้วย
“นี่หัวหน้า ข้าอยากได้งานที่ไม่ไปไกลนัก หากข้าแอบ ออกจากวังมาบ่อยๆ อ๋องเก้าจะสงสัยเอา”
หัวหน้าหงพยักหน้ารับ “ได้”
ทั้งสองร่างจึงเด้งปลายต้นไผ่ลิ้วไปยังป่าด้านหลัง แต่ น้ำหนักของจอมยุทธ์ลี่ที่ทิ้งลงบนปลายไผ่กลับกร่อนถึง ลำต้นมันจนหักโค่น
“โอ๊ะ! ต้นไผ่หัก” คนงานท้ายขบวนที่เข็นรถข้าวสารแตก ตื่น เซียงเฉินกงหันไปมองเห็นลำต้นไผ่เขียวขนาดใหญ่ที่ หักโค่นลงมาด้วยความแปลกใจ
“พี่วึ่งซู ท่านว่า ลำใหญ่ขนาดท่อนขา แถมยังเขียวขนาด นั้น หักลงมาได้อย่างไร?”
เซียงวิ่งซูปรายตามอง “อาจจะมีแมลงกินโคนลำต้นมัน ก็ได้”
เซียงเฉินกงพยักหน้าน้อยๆ ไม่อยากจะเห็นด้วย แต่เขาก็ไม่มีความคิดเห็นอย่างอื่น เหล่าคนงานจึงลากเอารถ เข็นให้พ้นจากระยะที่ลำไผ่หักโค่น
รถม้าของจินฉิงอีตามมาทีหลัง “ชิ! ดูสิ เสียเวลาชะมัด ต้นไผ่โค่นลงมาได้เช่นไรล่ะนี่? เหวินฉีเร็วเข้า”
ซ่งเหวินฉี่ทำหน้าที่ขับรถม้า รีบไปผลักเอาลําไผ่ออก เขานับเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งจึงจัดการได้ไม่ยาก “มัน ไม่ได้หักตามธรรมชาติหรอกคุณหนู นี่น่าจะเป็นฝีมือของ จอมยุทธ์สักคน”
จินฉิงอีผู้มีเพียงวิชาตัวเบาเอาไว้หลบมารดาในยามที่ นางเรียกหาเพื่อทําโทษ พยักหน้าหง็กหงัก “อืม….เริ่มเดิน ทางก็ได้เจอจอมยุทธ์แล้ว ช่างดีจริง”
ซ่งฮุ่ยจูรู้สึกได้ถึงอันตราย หน้าส่ายหน้าในความรักสนุก ของคุณหนู เคราะห์ดีที่จินฉิงอียังยอมให้นางกับเหวินฉีมา ด้วย นางเขียนจดหมายอีกฉบับเรียนนายท่านแล้วว่า นาง และน้องชายจะดูแลคุณหนูด้วยชีวิต
สองพี่น้องเติบโตมาในตระกูลจินด้วยความเมตตาอย่าง ยิ่งของนายท่านและ ฮูหยิน ทั้งได้เรียนหนังสือและวิทยา ยุทธ์ไปพร้อมกับคุณหนู นางกับเหวินฉีเก่งกาจเรื่องการ ต่อสู้เพราะมุ่งหวังจะใช้วิชาปกป้องผู้เป็นนาย แม้คุณหนู จะเชี่ยวชาญเพียงวิชาตัวเบา หากแต่กลับเก่งกาจด้าน อักษร ฮูหยินคอยเคี่ยวกรำให้คุณหนูของนางหัดทำอาหาร เพราะฮูหยินเห็นว่า บุตรสาวนั้น เย็บปักไม่ได้ความ หากพอทำอาหารเป็นบ้างก็จะได้ดูแล สามีในอนาคตได้
รอนแรมในรถม้าสองวันก็ถึงชายป่าเทือกเขามังกรทะยาน
“จากนี้เราต้องระวังตัวยิ่งขึ้น ป่าแห่งนี้ มีเรื่องลี้ลับ มากมายนัก”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ