ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตอนที่ 2 โลหิตของสี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์



ตอนที่ 2 โลหิตของสี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์

ยายเฒ่าฉีกยิ้มระหว่างที่นางดึงฉันเข้าไปในหมู่บ้านอย่าง

ตื่นเต้น “เลิกมองโน่นนี่ได้แล้ว รีบมาทางนี้เร็วเข้า! วันนี้วัน

สำคัญของเจ้า! ผู้ใหญ่บ้าน ตาแก่หม่า ไสกันมาไวๆ

แสงจากกองไฟกลางหมู่บ้านให้ความสว่างแก่บริเวณ รอบๆ ผู้ใหญ่บ้านถูกหามมาบนแคร่เช่นเคย กล่าวด้วยน้ำเสียง เรียบเคร่ง “เจอวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่หรือยัง”

“ได้มาครบแล้ว”

เฒ่าหม่าแขนเดียวโยนงูยักษ์สีเขียวหยกเป็นๆ ยาวหลาย ฟุตลงกับพื้น ส่งกลิ่นฉุนเฉียวของอสรพิษกระจายไปทั่ว ท่าน หม่าใช้แขนเดียวกดคอเจ็ดนิ้วของงูยักษ์ไว้จนมันมิอาจขยับได้

ช่างตีเหล็กใบนกตัวใหญ่ยักษ์ขึ้นมา นกนั้นมีกายใหญ่ เสียยิ่งกว่าเฒ่าใช้ แต่ปีกและเท้าของมันถูกมัดไว้อย่างแน่น หนา และเมื่อใดที่ปักษานี้ดิ้นกระเสือกกระสน ก็มีเปลวเศษ เพลิงกระเซ็นมาจากขนปีกฟังเสียงๆ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ด้านเฒ่าบอดก็อุ้มเต่าบกตัวยักษ์ที่มหึมายิ่งกว่าโต๊ะ ใหญ่ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเต่ายักษ์ตัวนี้มีชีวิตมานานแค่ไหน กระดอง ของมันถึงแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามแบบนี้ ขาทั้งสี่ของเต่า ยักษ์หดอยู่ในกระดอง แต่บางครั้งบางทีมันก็โผล่เล็บออกมา บ้าง ฉันสังเกตเห็นว่าเมื่อเล็บของมันแพลมออกมานอก กระดอง ก็มีไอละอองน้ำพวยพุ่งมาจากเบื้องใต้ คลื่นไอน้ำนั้นดู ทรงพลังราวกับว่าจะสามารถยกร่างมหึมาของเต่ายักษ์ขึ้นไป และพามันเหินหนีไปได้

แต่ที่มันหนีไปไม่สำเร็จก็เพราะว่าเฒ่าบอดใช้ตะขอเกี่ยว จมูกของมันเอาไว้

“มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง และเต่าดำ แม้ว่าพวก เราจะไม่สามารถแสวงหาโลหิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ แต่ ก็น่าจะกลั่นออกมาพอใช้ได้ล่ะจากงูมังกรเขียว เสือกระดูก เหล็ก นกสายฟ้า และเต่าทองคำ”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าให้สัญญาณแก่คนแล่เนื้อประจำ หมู่บ้าน นักแล่เนื้อฉีกยิ้มแล้วใช้มือและแขนของตนถัดร่างให้ ขยับไปข้างหน้า เขาหลงเหลือเพียงร่างกายท่อนบน ทุกๆ องคาพยพตั้งแต่ใต้เอวลงไปถูกตัดเฉือนออกจนเหี้ยนเตียน
อ่างสี่ใบถูกตั้งไว้เบื้องหน้างมังกรเขียว เสือกระดูกเหล็ก นกสายฟ้า และเต่าทองคำ ด้วยคมมีดเดียวที่กรีดไปยังสัตว์ แต่ละตัว เลือดของสัตว์ร้ายทั้งสี่ก็ไหลหลั่งลงไปในอ่าง และไม่ นานนัก โลหิตของพวกมันก็แห้งเหือดจนหมดสิ้น

“นักปรุงยา” ผู้ใหญ่บ้านร้องเรียก

นักปรุงยาของหมู่บ้านก้าวเข้าไปแทน เขาเป็นมนุษย์ได้ หน้า จมูก หนังใบหน้า และริมฝีปากครึ่งหนึ่งของเขาดูเหมือน จะถูกใครเฉือนออกไปจนหมด ในหมู่บ้านนี้ถือว่าเขารูปลักษณ์ น่าเกลียดที่สุด และเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด ในหมู่บ้าน ทว่าฉัน กลับรู้สึกว่าท่านปูนักปรุงยาเป็นคนใจดีที่สุดแล้ว

นักปรุงยาก้าวไปเบื้องหน้าและหยิบใบไม้ประหลาดสีแดง ออกมาสี่ใบ แต่ละใบมีไข่แมลงสีขาวดุจหิมะ นักปรุงยาปล่อย ใบไม้ลงไปในอ่าง อ่างละใบ เมื่อมองดูแล้วจะเห็นว่าตัวหนอน พลันฟักออกมาจากไข่และเริ่มดื่มกินโลหิตในอ่าง

ยิ่งหนอนเหล่านั้นดื่มกินโลหิตเข้าไปมาเท่าไหร่ กายของ มันก็ยิ่งพองโตมากเท่านั้น เลือดในอ่างทั้งสี่เหือดแห้งไปอย่าง รวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่หนอนตัวอ้วนยักษ์ตัว
นักปรุงยา โปรยผงผลึกสีขาวที่ดูคล้ายเกลือลงไปในทุก อ่าง และฉันสามารถเห็นได้กับตาว่าหนอนเหล่านั้นหดตัวลง อย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นทำให้เขาเคาะปากด้วยความยิ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง นักปรุงยาก็จับหนอนทั้งสี่ตัวขึ้นมา หนอน แต่ละตัวหดเหลือเพียงแค่ฝ่ามือ เขาหยิบถ้วยเซรามิคสี่ใบมา ตระเตรียมแล้วจับหนอนตัวแรกมาบีบเค้นจนมันร้องเสียง แหลม ทันใดนั้นโลหิตสีอำพันใสก็ไหลหลั่งจากปากของมันมา เติมเต็มถ้วยนั้น

นักปรุงยาจัดการกับหนอนอีกสามตัวเช่นเดียวกัน บีบเค้น เลือดของพวกมันใส่ในถ้วยที่เหลือ จากนั้นยกถ้วยทั้งสี่มาวาง ไว้เบื้องหน้าฉันพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “ในเมื่อพวกมันไม่ใช่ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ข้าก็กลั่นโลหิตวิญญาณออกมาได้เพียงเท่า

“เอ๋อ ในร่างกายมนุษย์มีคลังสมบัติเจ็ดประการ ทารก วิญญาณ, ห้าธาตุ, หกทิศ, เจ็ดดารา, ชาวสวรรค์, ชีพและ มรณะ, สะพานเทวะ”

“ปกติแล้วสมบัติเทพทั้งเจ็ดจะถูกผนึกไว้และต้องอาศัยผู้ ฝึกยุทธหลายผนึกพวกมันด้วยตนเอง” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว แสง จากกองไฟฉาบไล้ใบหน้าของเขาส่งให้มีรัศมีน่าเกรงขาม “สิ่ง ที่กีดขวางผู้ฝึกยุทธจากการคลายผนึกสมบัติ เรียกว่า “กำแพง ได้แก่ กำแพงทารกวิญญาณ กำแพงห้าธาตุ กำแพงหกทิศ กำแพง เจ็ดดารา กําแพงชาวสวรรค์ กำแพงชีพและมรณะ และกำแพง สะพานเทวะ วิธีฝ่าอุปสรรคเหล่านี้จึงเรียกว่า “การทลาย กำแพง”

ท่านปู่หม่าใช้มือที่เหลือข้างเดียวของเขาลูบหัวของฉัน อย่างอ่อนโยนพลางยิ้มละไม “หากทลายกำแพงไม่ได้ก็มิอาจ ฝึกยุทธ์ บางผู้คนเทพเสริมสวรรค์ส่ง กำแพงทารกวิญญาณถูก ทลายมาแต่กำเนิด ทำให้เปิดมหาสมบัติทารกวิญญาณมา ตั้งแต่ออกจากครรภ์มารดา ร่างของผู้คนประเภทนี้เรียกว่า กา ยาวิญญาณ เป็นร่างที่สวรรค์ประทานมาให้เหมาะต้องสมบูรณ์ ต่อการฝึกยุทธ์ ผู้ที่มีกายาวิญญาณจะมีพรสวรรค์ที่เหนือ เขา สามารถฝึกยุทธ์ได้ก้าวหน้ารวดเร็วเป็นสองเท่าของคนทั่วไป

“สมบัติทารกวิญญาณมีสี่ประเภท ซึ่งหมายว่ามีกายา วิญญาณสี่ประเภทเช่นกันได้แก่ กายาวิญญาณมังกรเขียว กา ยาวิญญาณพยัคฆ์ขาว กายาวิญญาณหงส์แดง และกายา วิญญาณเต่าดำ เพื่อตรวจดูว่าใครครอบครองกายาวิญญาณ ชนิดใด ต้องใช้โลหิตของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่

“หากว่าเจ้ามีกายาวิญญาณมังกรเขียว ปราณมังกรเขียว จะถูกปลุกเมื่อเจ้าดื่ม โลหิตวิญญาณมังกรเขียว เหมือนกับเฒ่าหม่า” นักปรุงยากล่าว เฒ่าหม่าแขนเดียวถอดเสื้อของเขาออกหันหลังให้กับฉัน เค้นคอเปล่งเสียงคำราม

ทันใดฉันก็เห็นไอปราณสีเขียวระเหยออกมาจากร่าง ของเฒ่าหม่า จากกระดูกปลายสันหลังจนถึงศีรษะของเขา ปราณเขียวนั้นค่อยๆ รวมตัวควบแน่นเป็นรูปร่างมังกรเขียว เมื่อเกล็ด หนวด และแผงขนมังกรปรากฏ กรงเล็บมังกรก็ยึด ยาวออกมาจากหมัดข้างที่เหลือของเฒ่าหม่า และอีกสองกรุง เล็บก็ปรากฏพัวพันอยู่ที่โคนขาของเขา

“นี่คือกายาวิญญาณมังกรเขียว” เฒ่าหม่าแขนเดียวสวม เสื้อของตนกลับ “ยัยแก่กายาวิญญาณพยัคฆ์ขาว”

ท่านยายเหลือกตาแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ถอดเสื้อผ้าแล้ว ปล่อยให้สายตาสุนัขของพวกเจ้าโลมเลียหรอก ฉันดูยายก่อ รูปปราณนะ”

ร่างของท่านยายซีสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่ร่างเลือนรางของ พยัคฆ์เหี้ยมสีขาวค่อยๆ ปรากฏเบื้องหลังนาง เสียงคำราม จางๆ ของมันลั่นมาพร้อมกับรูปปราณนั้น

“ทุกๆ คนในหมู่บ้านนี้มีกายาวิญญาณ เมื่อก่อนนี้นะ พวกเราต่างรุ่งโรจน์ในยุทธจักร แต่ตอนนี้ เฮ้อ…ก็แค่ ตาแก่ยายแก่ที่ทั้งชราและพิการ

ท่านยายแย้มยิ้มแล้วกล่าวต่อ “พวกเราผู้เฒ่าเหลาเหย่ ไม่มีสิ่งใดจะให้เจ้าได้ ก็มีแต่โลหิตวิญญาณสี่ถ้วยนี่แหละ ที่จะ ช่วยกระตุ้นกายาวิญญาณได้ หากว่าเจ้ามีกายาวิญญาณพยัคฆ์ ขาว เมื่อมโลหิตวิญญาณพยัคฆ์ก็จะกระตุ้นปราณทารก วิญญาณพยัคฆ์ หากว่ามีกายาวิญญาณหงส์แดง เมื่อดื่มโลหิต วิญญาณหงส์แดงก็จะกระตุ้นปราณหงส์แดง กายาวิญญาณ เต่าดำก็เช่นเดียวกัน

“เอาล่ะ ดื่มซะ”

ผู้ใหญ่บ้าน ท่านยายซี และทุกๆ คนจ้องมองฉันเป็น สายตาเดียวกัน ด้วยอารมณ์ตื่นเต้นกระตือรือร้น

ฉินใจเต้นตุ้มต่อม แม้ว่าเขาจะเคยดื่มยาประหลาด

พิสดารจำนวนนับไม่ถ้วนระหว่างที่เรียนรู้วิชาปรุงยาจากนัก ปรุงยา เขาก็ไม่เคยรู้สึกพิลึกพิลั่นเช่นนี้

ฉินมู่ยกถ้วยเซรามิคหนึ่งในนั้นขึ้นมาจรดปาก ในเมื่อ โลหิตในถ้วยเป็นโลหิตวิญญาณหงส์แดง มันจึงร้อนระอุในมือ เขาชดมันลงคอในรวดเดียวและรู้สึกถึงความร้อนเผาผลาญอันแผ่ขยายมาจากช่องคอไป ยังแขนขาและกระดูกทั่วกาย เหมือนกับว่ามีเปลวเพลิงโหม กระพืออยู่ภายในร่าง อันร้อนรนคล้ายโลหิตเดือดพล่านไป หมด

เพียงชั่วครู่ ความร้อนผลาญเผานั้นก็จางหายไป

“เฒ่าใบ้ เขามีกายาวิญญาณหงส์แดงหรือไม่” ผู้ใหญ่บ้าน

เอ่ยถาม

เฒ่าให้ช่างตีเหล็กส่ายหน้า

“ถ้วยต่อไป ฉินมู่” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

ฉันยกถ้วยที่สองอันเต็มเปี่ยมไปด้วยโลหิตวิญญาณ พยัคฆ์ขาวขึ้นมาดื่ม มันรู้สึกเหมือนกับกลืนโลหะเหลวที่เต็มไป ด้วยสะเก็ดระคายคอ รสเหมือนทองแดง และทิ่มแทงปากของ เขา ความรู้สึกแหลมคมนี้แผ่กระจายไปทั่วร่าง ซึ่งก็จางหายไป ในที่สุด

“เขาไม่มีกายาวิญญาณพยัคฆ์ขาว” ท่านขายส่ายหน้า ด้วยความผิดหวังนิดๆ

“ฉิน ถ้วยที่สาม” น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านเคร่งขรึมกว่า

ฉันดื่มถ้วยที่สามซึ่งบรรจุโลหิตวิญญาณมังกรเขียวเอาไว้อันถูกกลั่นจากเลือดของงูยักษ์สีเขียว โลหิตวิญญาณถ้วยนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเลือดในกล้ามเนื้อ พองขยายจนเบียดอัดอวัยวะภายใน ทว่าความรู้สึกเป่งพองนี้ ไม่นานก็หายไป

เฒ่าหมาส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “เขาไม่มีกา ยาวิญญาณมังกรเขียว

“ถ้าอย่างนั้น เขาต้องมีกายาวิญญาณเต่าตำแน่ๆ” นักปรุง ยาเผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก ส่งให้ใบหน้าของเขาดูอัปลักษณ์ ชั่วร้ายยิ่งขึ้น

ฉันดื่มถ้วยสุดท้ายอันเต็มไปด้วยโลหิตวิญญาณเต่าดำ เขารู้สึกร่างเบาหวิวราวขนนกทันทีที่ดื่มเข้าไป คล้ายกับว่าเขา กำลังลอยล่องอยู่ในแม่น้ำ แต่ทว่า ไม่นานนักความรู้สึกนี้ก็หาย ไปเช่นกัน

“เขาไม่มีกายาวิญญาณเต่าดำ” นักปรุงยาส่ายหน้าอีกคน

สมาชิกหมู่บ้านรอบๆ กองไฟตกอยู่ในความเงียบงัน จน กระทั่งคนแล่เนื้อออกปากพูด “ถ้างั้น เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา

ท่านยายซีเริ่มสะอึกร้องให้ นางพยายามเค้นคำพูดทั้ง น้ำตา “พวกเจ้าและข้าล้วนแต่พิกลพิการ ถ้าพวกเราตายไปหมด ฉันจะอยู่อย่างไร สถานที่ อันตรายร้ายกาจแบบนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ข้ามวันหรือ…”

ฉันเอื้อมมือไปจับแขนท่านยายซีแล้วกล่าวปลอบ อย่า ร้องไห้ท่านยาย ท่านยายและท่านทุกๆ คนล้วนแต่เป็นคนดี ต้องไม่อายุสั้นแน่ๆ”

“คนดี ๆ เฒ่าหมาหัวเราะเย้ยตนเอง “เฒ่าพิการอย่าง พวกเราถูกขับไล่ไสส่งมายังดินแดนโบราณวินาศ เพียงเพื่อ กระเสือกกระสนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ แดน โบราณวินาศนี้อันตราย เกินไป หากปราศจากพวกเราผู้เฒ่า เอ่อคงยากที่จะดำรงชีวิต อยู่ได้ พวกเราควรส่งเขาออกจากแดนโบราณวินาศ ภายนอก นั้นปลอดภัยมากกว่าเยอะ

คนแล่เนื้อสอดค่าอย่างเย็นเยียบ “ส่งเขาออกไป พวกเรา ก็จะถูกค้นพบและสังหาร เขาเองก็จะพลอยพัวพันตายตกตาม ไปด้วย”

หมู่บ้านชราพิการตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง และทันใด นั้น ผู้ใหญ่บ้านก็เปล่งเสียง

“เยี่ยม!”

ท่านยายพิศวง “อะไรเยี่ยม”

ผู้ใหญ่บ้านเผยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “ข้าหมายถึงกายาของเขาน่ะสิว่าเยี่ยมยอด เป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดี”

คนแล่เนื้อ นักปรุงยา และผู้อื่นๆ ต่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่า ผู้ใหญ่บ้านพูดถึงอะไร ด้านผู้ใหญ่บ้านก็กล่าวต่อพร้อมรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าเออน่าจะมีกายาอีกแบบ อันหลอมรวมเอาพลานุ ภาพของกายาวิญญาณทั้งสี่ กายานี้เรียกว่า กายาจ้าวแดน ดิน!”

“กายาจ้าวแดนดิน?” ท่านยายซีและคนอื่นๆ แสดงสีหน้า สงสัย พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์กว้างขวาง แต่ก็มี เคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับกายาจ้าวแดนดินมาก่อน

“ใช่แล้ว กายาจ้าวแดนดิน”

ผู้ใหญ่บ้านรักษารอยยิ้มบนหน้าและกล่าวต่อไป “โลหิต วิญญาณธรรมดาสามัญนั้นยากที่จะปลุกพลังของกายาจ้าวแดน ดิน จำต้องใช้โลหิตทั้งร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จึงจะทำให้กา ยาจ้าวแดนดินสําแดงเดชออกมา ในแดนโบราณวินาศนี้ไม่มี สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ แต่ทายาทของพวกมันมีอยู่เกลื่อนกลาด พวกเจ้าคอยจับพยัคฆ์ร้าย งูยักษ์มากลั่นเอาโลหิตวิญญาณ เรื่อยๆ เพื่อป้อนให้เขาดื่ม แล้วในที่สุดก็จะกระตุ้นพลังกายา จ้าวแดนดินได้เอง
ทุกคนไม่สงสัยคำพูดของผู้ใหญ่บ้านซึ่งทำตัวเป็นที่น่าเชื่อ ถือมาตลอด ชายชราหญิงแก่แขนด้วนขาขาดฟังแล้วก็ดีใจเริง รื่น ท่านยาย ยิ้มร่าพลางกล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะตามไอ้เปีที่น่าตาย ไปจับเสือ! เอ๋อ รีบเข้านอนนะลูกนะ พรุ่งนี้จะได้ดื่มโลหิต วิญญาณให้เต็มที่”

เมื่อสมาชิกหมู่บ้านแยกย้ายกันไป เหลือเพียงแต่ผู้ใหญ่ บ้าน นักปรุงยา และเฒ่าให้ช่างตีเหล็กในห้องข้างหลังเรือน ผู้ใหญ่ เฒ่าใช้จากจรไปก่อน แต่นักปรุงยากลับยืนรออยู่ แล้ว กล่าวด้วยเสียงเบา “กายาจ้าวแดนดินไม่มีในโลกนี้

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้ารับ “ข้าพูดไปโดยกระทันหัน แต่ หากว่าข้าไม่พูดเช่นนั้น คนในหมู่บ้านคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะใช้ ชีวิตต่อ”

นักปรุงยาฟังแล้วก็สะดุ้งขึ้นมา สมาชิกหมู่บ้านชราพิการ ล้วนแต่มีที่มาแตกต่างกันไป และถูกขับไล่ให้หนีตายมายัง หมู่บ้านชราพิการในแดนโบราณวินาศ เพียงเพื่อต่อลมหายใจ แผ่วไปวันต่อวันเท่านั้น แต่เดิมพวกเขาทั้งแค้นสวรรค์และยัง ผู้คน ความเคียดแค้นนั้นหหนักหนาสาหัส ที่ยังดำรงชีวิตอยู่ได้ จนถึงป่านนี้ ฉันถือว่ามีบทบาทสำคัญ

การมาถึงของเด็กทารกที่ร่างกายสมบูรณ์ ได้ชำระล้างความเคียดแค้นที่ฝังลึกในใจพวกเขา ทุกคนร่วมกัน ถนอมกล่อมเลี้ยงฉินจนรับเด็กคนนี้เป็นแก้วตาดวงใจ เรียก ได้ว่าหัวใจที่อ่อนไหวเปราะบางของผู้เฒ่าในหมู่บ้านอยู่ในกำ มือของฉันม

หากว่าชาวบ้านรู้ว่าฉันมิได้มีกายาวิญญาณใดๆ และไม่ อาจเอาตัวรอดในแดนโบราณวินาศได้ด้วยตนเอง พวกเขาอาจ จะเกิดบ้าขึ้นมาและทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

แต่อย่างไรนักปรุงยาก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ท่านไม่สามารถปกปิดความจริงไปได้ตลอดกาล สักวันพวก เราก็จะสิ้นอายุขัยและทิ้งให้ฉันต้องเผชิญโลกตามลำพัง

“นั่นแหละ พวกเราจึงจะไม่บอกเขาว่ากายาจ้าวแดนดิน ไม่มีอยู่จริง เก็บความลับนี้ให้ฝังไปพร้อมกับพวกเรา ชั่วนิจนิรัน ดร์” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ให้เขาเชื่อว่า เขามีกายา จ้าวแดนดินเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้

นักปรุงยาอึ้งไปเมื่อเพ่งมองใบหน้าของผู้ใหญ่บ้าน ภาย ใต้แสงมัวซัวจากตะเกียงน้ำมันสีหน้าของผู้ใหญ่บ้านดูละเมอ เคลิบเคลิ้มเมื่อเขาเผยอยิ้ม “ข้าอยากรู้ว่าคนธรรมดาผู้มี ศรัทธาไร้เทียมทันจะสามารถสำเร็จความฝันอันกายาวิญญาณ วิญญาณอย่างพวกเราไม่สามารถบรรลุได้หรือไม่”

นักปรุงยาตะลึงจ้องด้วยสายตาว่างเปล่า พึมพำ “กาย ธรรมดา…สู่กายาจ้าวแดนดิน

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าหนักแน่น “ตราบเท่าที่มีศรัทธา ธรรมดาจะต้องกลายเป็นกายาจ้าวแดนดิน ในที่สุด!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ