บทที่ 1
“โปรดฟ้าคุ้มครองให้ตระกูลหลีมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ไร้ความ เสื่อมถอยใดๆ ให้ลูกให้หลานทั้งหมดต่างก็ประสบความสำเร็จ ด้วยเถิด!” นายท่านหลี่คำนับก่อนจะปักธูปลงไปในกระถางธูป
วันนี้เป็นการชุมนุมประจำปีของตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลที่มีชื่อ เสียงของเมืองเจียง โจวซึ่งจะจัดปีละหนเท่านั้น ในงานชุมนุมเอง ก็มีคนนับร้อยมาพบปะพูดคุย จนเสียงดังเซ็งแซ่ ดูแล้วปลุกใจ ให้ฮึกเหิม
พลันมีบุคคลระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลหลี่ลุกขึ้นเดินออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกังวานว่า “สวัสดีทุกๆ ท่าน การที่พวกเรา ตระกูลหลี่จะมาถึงจุดนี้ได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะโชคเพราะ บุญวาสนาของผู้นำตระกูล เพราะฉะนั้นวันนี้โปรดชนรุ่นหลังทุก ท่าน ได้มอบของขวัญให้กับผู้นำตระกูลของเรา เพื่อเป็นการ แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลด้วย!”
หลังจากพูดจบ ก็มีหลายสิบคนที่ต่างหยิบของขวัญของตัวเอง ออกมา แล้วเข้ามายืนต่อแถวรอมอบของเป็นลำดับ
แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเงาของคนๆ หนึ่งพุ่งออกมาจากประตู บ้านพักตระกูลหลีด้วยสีหน้าที่ร้อนรน แถมตามร่างกายก็ยังมี คราบเลือดเปรอะเปื้อนไม่น้อยเลยอีกด้วย
ไป์ยี่เฟยเป็นลูกเขยของตระกูลหลี ในสายตาของคนอื่นนั้น ไป ยี่เฟยเป็นคนที่ทั้งวันไม่ยอมทำอะไร เอาแต่เที่ยวเล่น แถมยัง อาศัยเกาะกินอยู่อาศัยบ้านของตระกูลหลี่ฟรีๆ อีกด้วย
“ทำไมถึงเพิ่งมากัน!” หลี่เสรีบดึงไปเฟยเข้ามากระซิบถาม
เพราะกลัวว่าจะมีคนอื่น ในตระกูลเห็นเขาในสภาพนี้เข้า
ไป๋เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดว่า : “คือ…น้องสาวผม เกิดอุบัติเหตุน่ะครับ แล้วต้องการเงินสามแสนเพื่อเป็นค่าผ่าตัด ด่วนเลย!”
แต่ยังไม่ทันทีหลี่เสว่จะได้พูดอะไร หลิวจื่อหยุนที่เป็นแม่ยาย ของไป๋เฟยก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน : “น้องสาวเกิดอุบัติเหตุนั้น หรือ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเรากันล่ะ? จะเรื่องอะไรต้องดูให้ เหมาะสมด้วยว่ามันเร่งด่วนหรือเปล่า แล้วซื้อของขวัญมาหรือ เปล่าล่ะ? รีบๆ เอาไปมอบให้นายท่านหลีได้แล้ว”
“แม่ครับ ผม…ผมเอาของขวัญราคาสามหมื่นไปสำรองจ่ายที่โรงพยาบาลแล้วล่ะครับ!” ไป๋เฟยพูดจบ ก็ก้มหน้า ลงทันที
“นี่พูดว่าอะไรนะ?” พลันสีหน้าของหลิวจื่อหยุนเปลี่ยนเป็นมืด ทีมลงทันที : นายช่างไร้ประโยชน์จริงๆ นะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ ทำไม่ได้สักอย่าง แล้วใครอนุญาตให้นายเอาเงินที่ใช้ซื้อของ ขวัญไปใช้อย่างอื่นกัน?”
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงพูดลากยาวออกมา “ขอเชิญหรี่เสว่ แห่งตระกูลหลี่และลูกเขยตระกูลหลี่ ไปเฟยมอบของขวัญ อวยพรให้กับนายท่านหลีได้!”
พอพูดจบ สายตาของทุกคนก็หันมามองที่ไปเฟยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? งานชุมนุมประจำปีที่น่ายินดีแบบนี้ ทำไมถึงมีรอยเลือดเต็มตัวแบบนั้น?”
“ช่างไม่มงคลเอาเสียเลย!”
ไป๋เฟยก็พยายามฝืนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนายท่านหล “คุณปู่ครับ คือผม…ผมอยากจะขอยืมเงินสักหน่อยได้ไหมครับ พอดีน้องสาวของผมเกิดอุบัติเหตุ แล้วต้องการเงินก้อนหนึ่งเพื่อ ไปรักษาอย่างเร่งด่วนนะครับ…
เสียงที่ดูปีติยินดีจากทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้ง
สีหน้าของคุณปู่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปอึมครึมลงอย่างช้าๆ พลันทั่วทั้งลานขณะนั้นก็เงียบลงทันที เงียบเสียจนรู้สึกน่ากลัว ขึ้นมาเลย
หลิวจื่อหยุนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าไปเฟยก่อนจะ เหวี่ยงมือตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างจัง
“คนไร้ค่าอย่างนายพูดอะไรออกมากัน? วันนี้เป็นวันชุมนุม ของตระกูลนะ! มาพูดเรื่องอุบัติเหตุกับผ่าตัดอะไรตอนนี้ มันไม่ มงคลเอาเสียเลย!” หลิวจื่อหยุนเธอรังเกียจไปเฟยมาตลอด เธอรู้สึกว่าการมีลูกเขยที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ทำให้ไม่ว่าตัวเองจะ เดินไปที่ไหนก็ตามแต่ ก็ไม่อาจที่จะเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิได้ เลย
โดยที่ไม่รอให้ไปเฟยได้ตอบ หลี่ผ่านก็เดินออกมา พร้อมกับ พูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก : “นี่อยากจะให้ทั้งตระกูลต้องขายขี้หน้า ด้วยหรือไง? ไม่มีเงินที่จะไปซื้อของขวัญใช่ไหมล่ะ? ทำไมต้อง เอาเรื่องน้องสาวมาพูดเล่นแบบนี้ด้วย?”
หลี่ผ่านเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหลี่เสา แถมยังเป็นหนุ่มที่มี ตำแหน่งไม่ธรรมดา ของตระกูลหลี่รุ่นที่สามด้วย
“คุณปู่ครับ เป็นเพราะผมไม่ดีเองล่ะครับ คือ…คือว่า ตอนที่ น้องสาวไปช่วยเลือกของขวัญกับผม ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ นะ ครับ แล้วต้องการค่าผ่าตัดสามแสนด่วนที่สุดเลยครับ” ไป๋เฟย พูดอย่างรู้สึกผิด
“นี่นายจะโทษคุณปู่ เรื่องที่น้องสาวนายเกิดอุบัติเหตุงั้นหรือ ไง?” หลี่ผ่านมองไปที่เขาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ ซึ่งพอนายท่านหล ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็มืดทีมลง จนดูน่ากลัวทันที
“ไม่ๆๆ ไม่นะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือผม…ผม ก็แค่อยากจะขอร้อง ยืมเงินสามแสนจากคุณปู่สักหน่อยนะครับ!” ไป๋เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
พอได้ยินว่าไปเฟยยังคงพูดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอยู่ หลิวจื่อหยุนก็รีบรุดไปตรงหน้าของไปเฟย ก่อนจะผลักเขาเต็ม แรง “นี่ยังไม่ยอมไสหัวไปให้พ้นอีกหรือไงเจ้าคนไร้ค่า?” หลิวจื่อ หยุนพูดด้วยสีหน้าที่อึมครึม : “ทุกคนขายขี้หน้าก็เพราะนายหมด แล้ว!”
ไป์ยี่เฟยถูกผลักจนเซถอยหลังไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมจากไป ไหน อีกทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่ท้อใจ :”แม่ครับ น้องสาวของผมรอผมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ หาก ไม่มีเงิน น้องสาวของผมก็ทำการผ่าตัดไม่ได้ อาจจะถึงขั้นตายได้ เลยนะครับ!”
หลิวจื่อหยุนก็พูดด้วยอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบไปที่ โรงพยาบาลสิ จะมามัวอึ้งอยู่ที่นี่ทำไมกัน? แล้วก็อย่ามาวุ่นวาย ให้งานชุมนุมตระกูลของพวกเราวันนี้เสียด้วย!
“ไม่ต้องพูดให้เสียเวลาแล้วล่ะค่ะแม่! พวกเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวหนูคิดหาวิธีเอาเอง” ในที่สุดหลีเสวก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึง รีบสาวเท้ายาวไปหาไปเฟยทันที
ส่วนนายท่านหลีที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง ก็ไม่อยากที่จะสนใจ ไป๋เฟยเลยแม้แต่นิด เขาโกรธเสียจนหันหลังเดินออกจากโถง ใหญ่ไปทันที
หลผ่านหันไปมองหลี่เสด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเยือกเย็น : “วันนี้สามีสุดที่รักของเธอทำตัวน่าขายหน้าเหลือเกินนะ แต่ดูจาก สภาพของเธอแล้ว การจะหาเงินสามแสน คงจะยากเย็นเลยล่ะสิ ใช่ไหม? อยากให้พี่คนนี้ช่วยพวกเธอหน่อยไหมล่ะ”
ไป๋เฟยที่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเป็นพระคุณขึ้นมาทันที เขาคิด ไม่ถึงเลยว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอย่างพี่ชายคนนี้ จะยอมให้เขา ยืมเงินได้
แต่หลี่ผ่านก็พูดขึ้นต่อทันที โดยไม่รอให้ไปเฟยได้เปิดปาก พูด : “แค่ไป๋เฟยต้องมาคุกเข่าให้พี่ต่อหน้าทุกคน แล้วก้มลง คำนับพี่สามครั้ง ถึงจะสามารถยืมเงินจากพี่ได้
“พี่หลผ่าน พี่ทำเกินไปแล้วนะ!” พอได้ยินแบบนั้น หลี่เสวก็ โมโหขึ้นมาทันที
ในสายตาของหลี่เสว่ ถึงแม้ว่าไป๋เฟยจะดูไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นสามีของเธอ เธอไม่มีทางให้คนอื่นมา ดูถูกดูแคลนเขาได้ง่ายๆ แน่นอน
เพียงแต่ สิ่งที่หลี่ผ่านพูดเองก็ไม่ผิด ตอนนี้บริษัทของเธอกำลัง พบกับอุปสรรค จนแทบจะขาดทุนจนเกือบหมด ทำให้ไม่ สามารถจะหยิบยืมเงินสามแสนออกมาได้จริงๆ
หลี่ผ่านเองก็เคยไม่พอใจหลีเสามาก่อน แต่เธอคิดไม่ถึงเลย
ว่า เขาจะยังผูกใจเจ็บมาตลอด
“หลีเสวอย่าเอาความใจดีของพี่ไปทำให้เสียซะล่ะ” หลี่ผ่าน พูดอย่างไม่รีบร้อน
“ก็ได้ พี่ไม่ต้องพูดแล้ว ไปเฟยพวกเราไปกันเถอะ”
“ผมยังไปไม่ได้ ผมยังไม่มีเงินแล้ว แล้วน้องสาวของผมจะทำ อย่างไร?” ไปยี่เฟย ใช้มือทั้งสองหัวของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปทางหลผ่าน ทำท่า ทางราวกับกำลังจะนั่งคุกเข่าค่านับให้เขา
“พอได้แล้ว!” ขณะนั้นเอง ก็มีผู้อาวุโสของตระกูลหลี่คนหนึ่ง ออกมาพูดว่า “ยังทำให้น่าขายหน้าไม่พอหรือไง วันนี้ทุกคนใน ตระกูลก็อยู่ที่นี่กันหมด หลี่ผ่านไม่จำเป็นต้องทำให้มันเกินไป ขนาดนี้ก็ได้ อีกอย่าง เข่าของคนแบบไปเฟยก็คงไม่มีค่าถึง สามแสนหรอก”
หลี่ฝานที่ได้ยินแบบนั้นก็เบะปาก ก่อนจะหยิบมือถือออกมา : “ก็ได้ครับ…ไปเฟยฉันจะให้นายยืมเงินก็ได้นะ แต่มีดอกเบี้ย สามแสนต่อหนึ่งสัปดาห์ ถ้าหากเอามาคืนภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่ ได้ล่ะก็ สัปดาห์ที่สองก็จะเพิ่มเป็นหกแสน นายว่าอย่างไรล่ะ?”
“ดอกเบี้ยแบบนี้มันแพงเกินไปแล้วนะ!” หลี่เสาไม่เห็นด้วย อย่างยิ่ง
“แต่ผมเห็นด้วย!” ไปเฟียรีบตอบรับทันที โดยไม่สนใจคำ แย้งจากหลีเสว่
“ได้ ทุกคนที่ได้ยินก็เป็นพยานให้แล้ว หวังว่าครอบครัวของ น้องสาวของพี่จะไม่เบี้ยวเงินหนีนะ” หลี่ผ่านพูดพลางหัวเราะ พลาง พอพูดจบ เขาก็โอนเงินให้กับไปเฟยทันที
พอไปยี่เฟยได้รับเงิน เขาก็รีบไปจากที่ดังกล่าวทันที
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไปเฟยก็รีบรุดมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงเขาก็ได้รู้ข่าวจากพยาบาลว่า ไปยหลิงกำลังได้รับการ ผ่าตัดอยู่ แถมยังเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลเป็นคน ลงมือเองด้วย
“พยาบาลครับ ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนช่วยออกค่าผ่าตัดให้ หรือครับ?” ไป๋เฟยถามอย่างสงสัยใครรู้
พอพูดจบ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของคนๆ หนึ่งดังขึ้นมาทันที : “ไม่ ต้องไปถามเธอหรอก เป็นฉันเองล่ะ!”
พอไปเฟยได้ยินก็หันหน้าไปมอง เขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกประมาณห้าถึงหกคน กำลังเดินมาต่อหน้า เขาอย่างรวดเร็ว
“ตรงนี้ดูไม่เหมาะจะคุยเท่าไหร่นะ ตามฉันมาก่อนแล้วกัน!! ฝ่ายชายตบไปที่บ่าของไปเฟยเบาๆ ก่อนจะพาเขาเดินมาหยุด อยู่ตรงปากทางเข้าของห้องผ่าตัด
บอดี้การ์ดเองก็แบ่งกันยืนทั้งสองริมฝั่งทางเดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารบกวน การพูดคุยระหว่างเขา
กับไป๋เฟย “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครหรือครับ?” ไปเฟยถามด้วยความ
หวาดระแวงนิดๆ
เขารู้ได้เป็นอย่างดีว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ไม่ใช่คน ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
“เฟยเอ๋อ ฉันเป็นพ่อของนายกับหลิงเอ๋ออย่างไรล่ะ!! ชายคน นั้นพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ พลางพูดพร้อมกับบีบไหล่ของไปยี่เฟย ไปด้วย : “พ่อชื่อว่าไป๋หยุนเพิ่งนะ!”
พอได้ยินแบบนั้น ไป๋เฟยก็ยืนอึ้งไปทันที
ผ่านไปอยู่นาน กว่าที่ไปเฟยจะได้สติกลับคืนมา ก่อนเขาจะ พูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า : “เอ่อ คุณอาครับ คุณน่าจะจำผิดคน แล้วนะครับ ผมมีพ่อมีแม่อยู่แล้วนะครับ
ไป๋หยุนเพิ่งมองมาที่ไป๋เฟยอย่างเมตตาและอ่อนโยน : “พ่อรู้ ว่าลูกต้องไม่เชื่อแน่ๆ นี่ไงล่ะ ที่เป็นหลักฐานว่าพ่อกับหลิงเอ๋อเป็น ครอบครัวเดียวกัน แถมยังมีภาพผ้าอ้อมของพวกลูกด้วยนะ โดย เฉพาะปานที่อยู่ด้านหลังนั่นน่ะ ตอนแรกที่พ่อพาพวกลูกไปส่งนะ พ่อแทบขาดใจเลยนะรู้ไหม”
พอเห็นว่าไป๋หยุนเผิงเตรียมเอาข้อมูลมาอย่างดีในใจของไปยี่เฟยก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เป็นเพราะเขา ยืนยันได้อย่างแน่นอนเลยว่า เด็กทารกที่อยู่ในภาพเหล่านั้น เป็น พวกเขาพี่น้องกันจริงๆ ส่วนคนที่อุ้มพวกเขาอยู่ ก็เป็นผู้ชายที่ มีชื่อว่าไป๋หยุนเพิ่งที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาอยู่นั่นเอง
ต่อจากนั้น ไป๋หยุนเผิงก็หยิบเอาบัตรเอทีเอ็มสีม่วงเข้มออกมา ใบหนึ่ง “เฟยเอ๋อ นี่เป็นบัตรคิงนะ ทั่วทั้งประเทศเสี้ยนี้ มีเพียงแค่ ยี่สิบใบเท่านั้น และวันนี้พ่อก็เป็นคนเอามันมาให้กับลูก…ด้านใน บัตรมีเงินอยู่สามร้อยล้านนะ”
ต่อจากนั้นไป๋หยุนเพิ่งก็หยิบแหวนออกมาวงหนึ่ง แล้วก็เอามัน สวมเข้าที่นิ้วกลางของไป๋เฟย : “หากใช้แหวนอันนี้ ลูกก็จะ สามารถไปขอเบิกเงินได้หนึ่งพันล้าน ทุกๆ ธนาคารในประเทศ เสียโดยไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมใดๆ ถือซะว่าเป็นการชดเชยให้ ลูกแล้วกันนะ”
ตอนแรกก็สามร้อยล้าน มาตอนนี้ก็อีกพันล้านงั้นหรือ? ถ้า หากว่าเป็นคนอื่นล่ะก็ ไปเฟยคงจะไม่มีทางเชื่อแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่า ทำไม คำพูดที่ออกมาจากไป๋หยุนเพิ่งคนนี้ ถึงไม่มีความน่าสงสัย อยู่เลย
ต่อจากนั้น ไป๋เฟยก็ยืนนามบัตรใบหนึ่งมาให้ไป๋เฟย : “บัตรใบนี้มีเบอร์ของพ่ออยู่นะ อีกอย่างอาการบาด เจ็บของหลิงเอ๋อก็ดูสาหัสเอาการ พ่อกลัวว่าการรักษาของโรง พยาบาลนี้ คงทิ้งอาการตกค้างไว้แน่ ดังนั้นรอให้อาการของหลิง เอ๋อดีขึ้นกว่านี้ก่อน เดี๋ยวพ่อจะมารับเธอไปอยู่ด้วยเองนะ”
สําหรับข้อเสนอของไปหยุนเผิง นั้น ไปเฟยไม่ได้ปฏิเสธแต่ อย่างใด ถ้าหากหลิงเอ๋อยังมีอาการหลงเหลืออยู่จริงๆ เขาคง ต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่ๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ประตูของห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออก อย่างช้าๆ พลันเขาก็เห็นร่างของไปยี่หญิงที่ถูกมัดเอาไว้ทั้งตัว
ไป๋หยุนเพิ่งเห็นดังนั้นแววตาของเขาก็ร้อนผ่าว เขาโบกมือปัด บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขาเห็นแบบนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะยกมือ ถือขึ้นโทร เพียงไม่นานก็มีรถพยาบาลระดับสูงมารับตัวของไป หลิงไป
ส่วนไปเฟยที่มองดูอยู่นั้น ในใจของเขาก็เหมือนกับถูกยก หินที่ทับไว้ออกมาแล้ว!
ไป๋หยุนเพิ่งตบบ่าของไปเฟยเบาๆ ก่อนจะมองเขาด้วยแวว ตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินจากไปทันที
ส่วนไป เฟยก็ยกมือขึ้นลูบบัตรที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขา ก่อนจะรีบขับรถไปที่ธนาคารทันที! ถึง แม้ว่าไป๋หยุนเพิ่งจะไม่เหมือนกับพูดเล่นก็ตาม แต่ไปเฟยก็ อยากที่จะไปพิสูจน์ดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือปลอมกันแน่
หลังจากผ่านไปสิบนาที ไปเฟยก็เดินออกมาจากธนาคาร ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ไป๋เฟยในตอนนี้รู้สึกว่าขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ซึ่งเหตุผลมันก็ ง่ายมากๆ เพราะบัตรใบนี้นั้น มีเงินอยู่สามร้อยล้านจริงๆ
หลังจากที่พาตัวเองกลับมาบ้านอย่างทุลักทุเล ขณะที่ไปยี่เฟย เพิ่งจะเดินมาถึงที่หน้าประตูบ้านนั้น เขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะ โวยวายดังมากจากด้านใน
“นี่ลูกโง่หรือเปล่า วันนี้เจ้าคนไร้ประโยชน์นั้น ทำพวกเราตระ กูลหลี่ขายหน้ากันหมด แล้วลูกคิดจะขายบ้านเพื่อเจ้านั่นอีก หรือ?” หลิวจื่อหยุนพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว พร้อมทั้งตะโกนออก มาเสียงดัง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ