ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

บทที่ 5



บทที่ 5

“นี่นายรู้จักกับเถ้าแก่ของที่นี่งั้นหรือ?” ขณะนั้นเอง โจวฉวี่เอ๋อ ส่งสายตาไปมองไปยี่เฟยโดยที่ไม่ได้แฝงความดูถูกเหมือนก่อน หน้านี้แล้ว

ไป๋เฟยเองก็รีบเปลี่ยนหัวข้อพูดทันที “บอกแล้วไงว่าเป็น ความลับ เธอห้ามบอกเสาเอ๋อเด็ดขาดนะ”

โจวฉวี่เอ๋อเบ้ปาก “วางใจเถอะน่า!”

ไป๋เฟยยิ้มร่า “เพื่อแทนคำขอบคุณ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันขอเลี้ยง ข้าวเธอแล้วกันนะ

โจวฉวี่เอ๋อได้ยินแบบนั้นก็กลอกตา “เรื่องกินข้าวน่ะช่างมัน เถอะ แต่ช่วงนี้ฉันชอบสร้อยอยู่เส้นหนึ่งน่ะนะ เอาเป็นว่าซื้ออัน นั้นให้ฉันแทนได้หรือเปล่าล่ะ? ไม่แพงหรอกนะ แค่ไม่กี่พันเอง”

ถึงสร้อยเส้นหนึ่งจะแพงกว่าข้าวมื้อหนึ่งก็ตาม แต่ตอนนี้ไป เฟยก็มีเงินในมือแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก

ยิ่งพอได้ยินแบบนั้น มีหรือที่ไปเฟยจะไม่เข้าใจ จึงพยักหน้า ยิ้มพูดไป “ได้สิ อยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพวกเราไปกันตอนนี้เลยก็ได้

โจวฉวี่เอ๋อก็ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จาก

นั้นก็นั่งไปร้านเครื่องเพชรกับไปเฟยทันที

ทันทีที่มาถึงที่ร้าน พนักงานในร้านต่างก็ต้อนรับพวกเขาอย่างมีมารยาท แล้วพาพวกเขาจนมาหยุดอยู่หน้า

ที่ผู้นั้นมีพนักงานที่รับหน้าที่ขายยืนยิ้มให้อย่างสุภาพ แต่พอ เธอมองเห็นไปเฟยกับโจรฉวี่เอ๋อทั้งสองคน เธอก็เก็บรอยยิ้ม บนใบหน้าลงนิดหน่อย พร้อมด้วยสายตาที่สื่อถึงความรังเกียจ “ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงต้องการดูสินค้าตัวไหนหรือ คะ?”

โจรฉวี่เอ๋อก็ยกมือขึ้นไปที่สร้อยที่วางอยู่ในตู้โดยตรงทันที “อยากจะซื้อสร้อยเส้นนี้น่ะค่ะ”

พนักงานก็หยิบสร้อยเส้นนั้นออกมาอย่างไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ โจรฉวี่เอ่อลองหยิบมาสวมดู ก่อนจะพูดอย่างพึงพอใจ “ถ้าอย่าง นั้นก็เอาสร้อยเส้นนี้ล่ะค่ะ

ไปเฟยพยักหน้า ก่อนจะหยิบบัตรคิงออกมา “รูดบัตรครับ” พนักงานมองอย่างสงสัย แต่ก็รับไปรูด โดยดี

โจว เอ๋อก็หัวเราะอย่างดีใจ : “ขอบใจนายมากนะ!”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ไปเฟยยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปมองทาง โจวฉวี่เอ๋อ

เดิมทีรูปร่างของโจวฉวี่เอ๋อก็ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะตรงกระดูก ไหปลาร้าของเธอ ที่ทำให้คนมองแทบจะเกิดความปรารถนาขึ้น มา ประกอบกับสร้อยที่กำลังส่องประกายงดงามนั้นอีก ยังทำให้ คนที่มองหยุดเพ้อหยุดคิดไม่ได้เลย

แน่นอนว่า ในใจของไปเฟยมีหลีเสวอยู่แล้ว ทำให้เขาเพียงมองแป๊บเดียว ก็เคลื่อนไปมองอย่างอื่น

หลังจากที่พนักงานคนนั้นกลับมา บนใบหน้าของเธอก็มีรอย ยิ้มที่ดูจริงใจและเป็นกันเองมากขึ้น แต่ก็แฝงไปด้วยความหวาด ระแวงหน่อยๆ เพราะโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่เมื่อกี้นี้เธอไม่ได้ทำ กิริยาอะไรที่มันเกินเลยไป

“คุณผู้ชายคะ นี่บัตรกับใบเสร็จของคุณผู้ชายค่ะ”

ไป๋เฟยหันไปมอง ก่อนจะหยิบบัตรกับใบเสร็จกลับมา หลัง จากนั้นเขาก็ยื่นใบเสร็จนั้น ส่งให้กับโจรฉวี่เอ๋อ “นี่ของเธอ”

โจวฉวี่เอ๋อก็รับมาอย่างเกรงใจ เธอมองดูสร้อยของตัวเอง ตอนนี้ เธอก็ยิ่งดีใจอย่างยิ่ง

ขณะนั้นเอง จู่ๆ พนักงานก็พูดขึ้นมาว่า “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คะ คืออย่างนี้นะคะ พอดีว่าวันนี้ทางร้านเรามีจัดกิจกรรมขึ้น ดัง นั้นเถ้าแก่ก็เลยแถมแหวนคู่รักด้วยสองวงโดยเฉพาะเลยนะคะ”

พูดจบ พนักงานก็หยิบเอาแหวนคู่ที่ดูแทบจะประเมินราคาไม่

ได้ออกมา

หา? กิจกรรมอะไร? โจวฉวี่เอ๋อจำได้ว่าช่วงนี้ที่ร้านไม่ได้มี กิจกรรมอะไรนี่นา?

แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าแหวนวงนี้ต้องราคาถึงหมื่นแน่ๆ แต่กลับเอามาให้ง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ?

โจวฉวี่เอื้อตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดถึงแหวนคู่รักที่เธอเพิ่ง พูดไปเมื่อครู่นี้ ก่อนจะรู้สึกประหม่าทันที แถมยังมองไปที่ไป๋เฟยอย่างรู้สึกเขินอาย

ไป๋เฟยเองก็นิ่งอึ้งไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกประหม่าอยู่หน่อยๆ เช่นกัน ก่อนจะกระแอมขึ้นเบาๆ “พอดีว่าเธอเป็นแค่เพื่อนของผม นะครับ”

“อะไรนะคะ?” พลันเป็นฝ่ายพนักงานบ้างที่รู้สึกประหม่าขึ้นมา ชายหญิงเดินเข้ามาเลือกซื้อเครื่องประดับกัน แถมฝ่ายชายก็ ยังซื้อให้ฝ่ายหญิงด้วย เห็นก็รู้ว่าเป็นคู่รักกันไม่ใช่หรือ?

ไปเฟยเห็นดังนั้นก็พูดอย่างเรียบเฉย : “พวกผมไม่เอาแหวน หรอกครับ” พวกเขาไม่ใช่คู่รักกัน อีกอย่างเขาเองก็รู้สึกว่า นี่มัน ต้องเป็นเพราะบัตรคิงแน่ๆ

ทางด้านพนักงานก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา จนไม่รู้ว่าจะพูด

อย่างไรดี

ทันใดนั้นเอง โจวฉวี่เอ๋อก็ตอบสนอง ด้วยการดึงไป๋เฟยเอา ไว้ “นี่! แหวนที่ให้ฟรีๆ นายกลับไม่เอา นี่นายโง่หรือเปล่า?”

ไป๋เฟยกระพริบตาปริบ “ฉันกลัวว่าเสบู่เอ๋อจะเข้าใจผิดนี่นา”

“อ๊ะ…” พลันโจรฉวี่เอ๋อก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบ้ปากพูด : “ถ้าอย่างนั้นก็ได้!”

ถึงแม้ว่าแหวนคู่จะดูแล้วน่าประทับใจแค่ไหนก็ตาม แต่พอ ลองคิดดูไปเฟยก็เป็นสามีของเสว่เอ๋อ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสอง คนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม แต่การทำแบบนี้มันก็ดูไม่ดี ยิ่งไป กว่านั้น ใครจะอยากไปเป็นคู่รักกับเขากันล่ะ?
ดังนั้นโจวฉวี่เอ๋อจึงส่งเสียงดี ก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดย ไม่สนใจไปยี่เฟยอีก

ไป๋เฟยเองก็ยักไหล่ ก่อนจะเดินตามเธอออกไป

แต่ทางด้านพนักงานกลับเริ่มรู้สึกกลัดกลุ้มใจ “ถ้าไม่ได้ให้ไป

แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะเนี่ย?”

ขณะนั้นเอง เถ้าแก่ที่มองดูอยู่ที่หน้าห้องพักผ่อนตลอดก็เดิน ออกมา “ไม่ได้ให้ไปก็ช่างมันเถอะ เอาไว้ครั้งหน้าหากต้อนรับ พวกเขาอีก ก็ทำให้สุภาพกว่านี้หน่อยละกัน!

เพราะคนๆ นั้นเป็นคนที่มีบัตรคิงเลยนะ! หากไม่ประจบเสีย หน่อยจะได้อย่างไร?

“ค่ะ เถ้าแก่” พนักงานพยักหน้ารับ

ตกเย็น ที่งานชุมนุมของบ้านตระกูลหลีก็ยังคงดำเนินต่อไป หลีเสวกลับมาที่นี่อีกครั้ง จริงๆ แล้วมันก็เป็นงานชุมนุมของ ตระกูล หากจะให้เธอไปทั้งอย่างนี้ คงจะไม่ได้

พอหลี่ผ่านมองเห็นหลี่เสาเขาก็แสร้งถามอย่างเป็นห่วงว่า : “เธอจะกลับไปทําไมล่ะเสว่เอ๋อ? ไปยืมเงินหรือ? หรือว่าไปขาย บ้านอีกล่ะ?”

หลีเสวก็ตอบด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น “มันเกี่ยวข้องกับพี่ไหมล่ะ?”
“จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไรกันล่ะ? พวกเธอจะยืมเงินหรือว่า

ขายบ้านไป ก็เพื่อเอาเงินมาคืนที่ไม่ใช่หรือไง?” หลผ่านยิ้มเยาะ หลี่เสว่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะหมุนตัว เดินไปนั่งที่ มุมๆ หนึ่งของโต๊ะอาหาร แล้วทำเป็นไม่สนใจเขา

พลันสีหน้าของหลี่ผ่านก็ขรึมลง ตำแหน่งในตระกูลนี้ของเขา สูงส่งขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตามก็ทำตัวนอบน้อม เกรงใจกับเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำท่าทีชักสีหน้าใส่เขาแบบนี้ เลย!

“หึ! คนแบบเดียวกันก็ต้องอยู่ด้วยกันจริงๆ สินะ! ขยะก็ต้อง แต่งงานกับขยะเท่านั้นล่ะ!”

ในตระกูลหลี่ไม่มีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน เขาอยาก

จะเห็นเหลือเกิน ว่าจะมีใครที่ยืนอยู่ข้างหลี่เสาบ้าง!

ทางด้านหลเสวก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่ ไม่น่ายินดีเท่าไหร่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่อาจจะก่อเรื่อง อะไร ในงานชุมนุมของตระกูลได้อีก เพราะเธอไม่อยากจะให้ คนในตระกูลรู้สึกหมดสนุกไป

แต่สายตาของทุกคนตอนนี้ ต่างก็จดๆ จ้องๆ มาที่เธอ ทำให้ หลีเสวรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่หน่อยๆ จนจำต้องหาที่ๆ หนึ่งเพื่อ หลบซ่อนตัว

หลี่ฝานที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น ทุกคนกำลังดู เธออยู่เลยนะเธอจะก้มหน้าทำไมล่ะ? แบบนี้มันดูไม่มีมารยาท นะว่าไหม?”
ในชั่วขณะนั้นเอง สายตาของทุกคนต่างก็เปลี่ยนไปเป็นดูถูก

ไม่พอใจ รังเกียจ ราวกับว่าหลี่เสวทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินอย่าง มหันต์ หลี่เสพยายามอดกลั้นไม่พูดอะไร ก่อนจะหันไปมองนายท่าน

หลี่

ซึ่งนายท่านหลี่ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ ยังคงดื่มเหล้าพูดคุยหัวเราะเฮฮากับคนอื่นๆ ตามปกติ เพื่อ เป็นการอ่านรางวา หลี่ผ่านเองก็กำลังเยาะเย้ยเขาอยู่

หลีเสวรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เป็นหลานของคุณ เหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ปฏิบัติกันแตกต่างขนาดนี้นะ?

ขณะนั้นเอง ลูกสาวของป้าที่ซื้อจางเฉียวเฉียวก็หันมายิ้มพูด

กับเธอว่า : “มานี่สิเสเอ๋อ กินให้เยอะๆ หน่อยเร็ว

หลีเสาหันไปยิ้มให้เธอ ก่อนจะคิดในใจว่า อย่างน้อยก็ยังมี คนหนึ่งที่ไม่เหมือนใครล่ะนะ

แต่คำพูดต่อมาของจางเฉียวเฉียวก็ทำให้เธอแสบร้อนไปทั้ง ใบหน้า “อาหารราคาแพงแบบนี้ ที่บ้านเธอคงจะหากินไม่ได้ หรอกนะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องกินให้เยอะๆ นะ

“ใช่แล้ว! มื้อนี้ถือว่าประหยัดเงินไปได้เยอะเลยนะ!” หลผ่าน กับจางเฉียวเฉียวหันมาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะพูดออกมา

พลันสีหน้าของหลี่เสวก็ยิ่งดูแย่ลงไปอีก ก่อนที่เธอจะกำ ตะเกียบในมือของเธอจนแน่น
จางเฉียวเฉียวก็แสร้งว่าทำเป็นมองไม่เห็น “อ้อ ใช่แล้ว แล้ว ทำไมไม่พาไปเฟยมาด้วยกันล่ะ? เขาต้องไม่เคยกินอาหาร ราคาแพงแบบนี้เลยใช่ไหม? ให้เขาลองมาชิมดูสิ จะได้เป็นการ เปิดหูเปิดตาอย่างไรล่ะ!”

“เพื่อหลังจากนี้ จะได้ไม่ไปทำให้ตระกูลหลี่ขายหน้าที่ไหนอีก อย่างไรล่ะ!”

หลี่ผ่านเองก็ส่งเสียงเบาๆ “ไปเฟยนี่ก็นับเป็นคนของตระ

กูลหลี่ด้วยงั้นหรือ?”

“ก็จริงนะ คนไร้ประโยชน์อย่างเขา ยังเทียบกับสุนัขสักตัวของ ตระกูลหลี่ไม่ได้เลยล่ะ!” เสียงของจางเฉียวเฉียวดังเข้าที่หูของ หลี่เสว่

มือที่อยู่ใต้โต๊ะของหลี่เสวตอนนี้อดไม่ได้ที่จะสั่นระรัวไปมา คนเหล่านั้นกำลังพยายามประจบหลี่ผ่าน จึงอาศัยโอกาสนี้ใน การพูดจาเยาะเย้ยใส่เธอ

แต่เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง การมาเจอกับคำ เยาะเย้ยของผู้คนแบบนี้ มันทำให้ใจของเธอรู้สึกแย่เสียจนแวว ตาพร่ามัว เพราะน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

ซึ่งขณะนั้นเอง พ่อบ้านลุงส่งก็เดินเข้ามาพอดี “นายท่านหล ครับ มีคนส่งของอวยพรมาให้ครับ?

หือ?

ทุกคนต่างก็สงสัยขึ้นมาทันที
นายท่านหลี่จึงถามกลับไปว่า : “ใครส่งมางั้นหรือ?”

ลุงส่งส่ายหัว “พอเขาส่งเสร็จก็กลับไปทันทีเลยครับ ยังไม่ได้ ถามชื่อถามอะไรเลยครับ”

ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งไปอีกครั้ง

คนที่มาส่งระบุตัวตนไม่ได้อย่างนั้นหรือ? หลผ่านหัวเราะร่า ก่อนจะหันมาพูดกับหลีเสวว่า “คงจะไม่ใช่ คุณลุงคุณป้าส่งมาหรอกใช่ไหม?”

หลีเสวขมวดคิ้วก่อนจะคิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ?

แต่คนอื่นๆ นอกจากเธอ กลับหัวเราะกันครึกโครม หลี่เฉียงลงเป็นเพียงลูกนอกสมรสเท่านั้น นายท่านหลี่จะไปย

อมรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้อย่างไร แถมพวกเขาก็ ไม่มีคุณสมบัติที่จะมางานชุมนุมอะไรแบบนี้ด้วยอีกต่างหาก

พอนายท่านหลีได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็ขรึมลงไปทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ