บทที่ 1
การเดินทางอันแสนยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว บัดนี้เกี้ยวเจ้า สาวพระราชทานจากฮ่องเต้แห่งแคว้นซวิ่นได้มาถึงหน้าตำหนัก หลิ่วกง ซึ่งเป็นตำหนักที่ประทับของเวยอ๋องหรือ “หลีเว่ยเตี๋ยว ด้วยความที่เป็นคนเรียบง่ายไม่ชอบความวุ่นวายและหรูหรา จึง ไม่ได้มีการตกแต่งตำหนักแต่อย่างใด เป็นเช่นใดก็ยังคงเป็น เช่นนั้น เหวินกงกงมิได้ประหลาดใจนักเพราะรู้จักอุปนิสัยของ อ๋องพระองค์นี้ดีอยู่แล้ว
หากทว่าถึงอย่างนั้นเจ้าตัวเองก็ยังคงสวมใส่ชุดเจ้าบ่าว เต็มยศสีแดงชาด ดูสง่างาม สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้แห่งแคว้นซน เว่ยอ๋องเดินมารับเจ้า สาวด้วยพระองค์เอง สีหน้านั้นไม่ได้บ่งบอกว่ามีความสุขแต่ อย่างใด ยังคงเรียบเฉยเหมือนไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น กับตนเอง
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”
“สบายดีนะท่านเหวินกงกง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาเป็นตัวแทนพระองค์น้อมส่งพระชายามาร่วมพิธีเสกสมรสพ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดเสด็จ จึงประทานชายามาให้ข้าโดยไม่ถามความ เห็นเสียก่อน รู้หรือไม่ว่าข้าอึดอัดใจ แต่ก็ช่างเถอะถึงอย่างไรก็ มาถึงแล้ว เชิญเข้ามาในตำหนักก่อน
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ
ในระหว่างที่เหวินกงกงและเวียฮ่องกำลังสนทนากัน จาง ได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน รู้ดีว่าฝ่ายชายนั้นไม่ชอบใจนักที่ ๆ ก็ต้องกลายเป็นเจ้าบ่าวอย่างกะทันหัน ในเมื่อตอนนี้นางมี โอกาสแล้วก็จะต้องทำให้เต็มที่ อย่างน้อยก็เพื่อฮ่องเต้และ ฮองเฮาผู้ซึ่งให้โอกาส ช่วยเติมเต็มสิ่งที่นางใฝ่ฝันมาตลอดทั้ง ชีวิต
เจ้าบ่าวไม่แม้แต่จะสนใจมอง ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมา ทักทายนางเลยสักนิด จนกระทั่งพิธีการได้ผ่านพ้นไปด้วยความ อึดอัดใจของทั้งสองฝ่าย เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้วเหวินกงกงก็ กลับไปยังแคว้นซวิ่นทันที เพราะมีภารกิจสำคัญที่จะต้องทำ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เมื่อตอนนี้นาง นั่งอยู่บนเตียงแล้ว รอให้เจ้าบ่าวมาเปิดผ้าคลุมสีแดงออกจาก ศีรษะ มันเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นและกลัวไปพร้อมกัน นางคิดเอา ไว้แล้วว่าหากอีกฝ่ายเปิดออกมาแล้วเห็นใบหน้าของนาง คงจะมี ปฏิกิริยาไม่ต่างจากบุรุษอื่นที่เคยเห็น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชายาของเว่ยอ๋องอย่างสมบูรณ์แล้ว
นั่งรอเป็นเวลานานแล้วหากทว่าเว่ยอ๋องไม่ยอมเข้ามาเสียที จึงคิดว่า คืนนี้อีกฝ่ายคงไม่เข้ามาหาแล้ว ตัดสินใจดึงผ้าที่ ปกปิดใบหน้าออก เพื่อจะได้ถอดชุดเจ้าสาวและเข้านอนเสียที เพราะการเดินทางต่อเนื่องนานหลายชั่วยามทำให้ร่างกาย อ่อนเพลียไม่น้อย กำลังจะเปิดผ้าอยู่แล้วเชียวทว่าเสียงเปิดประตู ก็ดังขึ้น
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จางหายใจไม่ทั่วท้อง มอง ผ่านผ้าผืนบางที่ปกปิดใบหน้าก็พบว่าเว่ยอ๋องนั้นกำลังเดิน กอดอกมาหาตนเองอย่างช้า ๆ แล้วหยุดตรงหน้า ไม่ยอมพูดจา ใด ๆ เอาแต่จับจ้องมองอย่างพินิจพิจารณา
“เจ้าเป็นคนประเภทไหนกัน จึงยอมให้เสด็จพี่จับแต่งงาน กับข้าได้”
“หม่อมฉัน… แค่อยากจะมีสามีดี ๆ สักคนเพคะ”
“แล้วเหตุใดต้องเป็นข้า
“เรื่องนั้นเป็นพระวินิจฉัยของฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันมิได้ เรียกร้องว่าต้องเป็นท่านอ๋อง แต่หม่อมฉันก็มิอาจปฏิเสธได้เช่น เดียวกัน”
“เจ้าปฏิเสธได้ แต่เจ้าไม่ยอมปฏิเสธมากกว่า!” ดูเหมือนว่า ฝ่ายชายนั้นจะอารมณ์เสียไม่น้อย จางตกใจกับเสียงตะคอกนั่น จนสะดุ้ง มือทั้งสองข้างที่ประสานกันบนตักสั่นยิ่งขึ้นไปอีก
“หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยหากทําให้ท่านอ๋องไม่พอ พระทัย แต่หม่อมฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่ชายาของท่านอ๋องให้ ดีที่สุดเพคะ”
“ข้าไม่ต้องการคำสัญญา เพราะข้าไม่มีทางแตะเนื้อต้องตัว เจ้าชายาของขาต้องเป็นคนที่ข้ารักเพียงเท่านั้นแต่เจ้าไม่ใช่ข้า จะยังคงให้เกียรติเจ้าในฐานะชายาเพราะเห็นแก่เสด็จพี่ แต่เจ้า จะไม่ได้รับการยอมรับจากข้า
“หม่อมฉันจะทำให้ท่านอ๋องรักให้ได้
ไม่รู้อะไรดลใจให้จางลี่กล่าวเช่นนั้นออกไป นางนักโทษที่ ปากไวกว่าความคิด รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้
“นี่หรือสตรีที่เสด็จพี่ส่งมาให้เป็นชายาข้า ไม่มีความเป็น กุลสตรีเลยสักนิด” สายตาอันเหยียดหยามถูกส่งไปให้เจ้าสาว ของตน ที่ไม่แม้แต่จะอยากเห็นหน้า จึงไม่ยอมเปิดผ้าคลุมหน้า ของนาง
“หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีบ้านป่า ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ รู้สึก อย่างไรก็พูดออกไปตามตรง หากมันทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัย หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะ”
“ข้าไม่ถือ เพราะข้าไม่เคยสนใจเจ้าอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่ ห้ามไปยุ่งวุ่นวายกับข้าเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ข้าได้เตรียมบ่าว รับใช้ไว้ให้แล้ว หากมีอะไรให้เรียกนางได้ตลอดเวลา” กล่าวจบ แล้วก็เดินเอามือขัดหลังจะออกไปจากห้อง ทว่าจางลี่ได้เรียกเอา ไว้เสียก่อน วันนี้เป็นวันแรกของงานวิวาห์แล้วเหตุใดอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมาเปิดผ้าคลุมหน้าออก อย่างน้อยก็ทำหน้าที่เจ้าบ่าวให้ สมบูรณ์แบบเสียก่อนแล้วค่อยไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ