จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

บทที่ 6 สามปีดั่งหนึ่งวัน



บทที่ 6 สามปีดั่งหนึ่งวัน

“อาจารย์ครับ ท่านกำลังหัวเราะอะไรครับ? ” เลี้ยงหยวนรู้สึก

งงงวย

“ไม่มีอะไร แค่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา” โล่เฉินผายมือ แล้วอุทาน ขึ้น

หลายพันปีก่อน เขาก็ได้เจอกับพิบัติอมตะ กลายเป็นคน ธรรมดาที่อ่อนแอ ครั้งหนึ่งได้โอกาสรู้สึกกับเลี้ยงหมู่ เพราะว่า นิสัยทั้งสองถูกคอกัน ถึงได้กลับเป็นเพื่อนกันเร็ว

หลังจากเลี้ยงหยู่กับหลิวปันก็ได้วางแผนทำการใหญ่ แต่ก่อน เนื่องด้วยจิ๋นซีฮ่องเต้เคยสอดแนมเคล็ดลับอมตะของ โล่เฉิน ภายในใจจึงข้องใจเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางเสียงหลิว ล้างผลาญฉิน

และในช่วงเวลานั้น โล่เฉินเคยสอนวิชาให้เสียงอยู่และหลิว ปัน อีกทั้งยังเคยสร้าง หมัดฮ่องใหญ่รบเสือ ให้กับเสียงอยู่โดย เฉพาะ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถดำเนินมาถึงตอนนี้

เมื่อกี้มวยที่ฉ่ายเอ่อฝึกนี้ มิน่าล่ะโล่เฉินถึงรู้สึกคุ้นเคยมาก ตัว เองสร้างเองจะไม่รู้สึกคุ้นเคยได้ยังไง!

แค่ว่า

“หมัดอ๋องใหญ่รบเสือต้องมีพื้นฐานร่างกายที่แกร่งอยู่แล้ว แต่ ว่าหลายๆ ที่กลับต้องเผยความอ่อนโยนออกมา และเน้นความแข็งแกร่งและอ่อนโยนผสมผสานกัน เธอแค่ให้เน้นพลังหมัดอ๋อง ใหญ่รบเสือ ดูๆ แล้วได้เกิดถึงเรื่องนั้นจริงๆ แต่ว่าความจริงกลับ ต่างกันเยอะมาก! ”

ไหนๆ ก็เป็นทายาทของเลี้ยงหยู่แล้ว โล่เฉินจึงไม่ชี้แนะอย่าง หมิ่น

“เธอดูท่าที่ฉันฝึกนะ! ”

พอจบ ลมหายใจของโล่เฉินขึ้น เขาใช้หมัดสองข้างร่ายรำ ทุกๆ ครั้งที่ออกหมัดก็จะมีเสียง งอันวุ่นวายดังขึ้น แต่ว่า คน ที่อยู่ในวงการก็สามารถมองออกได้ทันที

โล่เฉินไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง ช่องทางการออกหมัดของเขา ฝีเท้าและพลังหมัดเปลี่ยนแปลง เผยความว่องไวและอัศจรรย์ ออกมา นี่ก็คือจุดเด่น “ความอ่อนโยน” ของหมัดอ๋องใหญ่รบ เสือ

เลี้ยงหยวนตกตะลึงจนพูดไม่ออกตั้งแต่หมัดแรกที่โล่เฉินชก ออกมาตั้งนานแล้ว ยิ่งดูต่อไป ภายในใจของก็ยิ่งอยู่ยิ่งหิวโหย และอยู่ไม่นิ่ง

จนกว่าโล่เฉินร่ายรำจบหนึ่งรอบ เขาถึงจะสูดลมหายใจเข้า ลึกๆ พลางทำมือคารวะ “อาจารย์สมกับเป็นปรมาจารย์จริงๆ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ตั้งใจมาตลอด แค่เห็นการชกมวยของฉ่ายเอ่อ เพียงพริบตาเดียว กลับสามารถเข้าใจในแก่นแท้ของหมดอ๋อง ใหญ่รบเสือ นับถือนับถือ! ”
“ไฉ่เอ่อ เหอะๆ ………านปรมาจารย์ได้สาธิตทักษะมวยออก มาเพื่อหนูแล้ว นี่เป็นความโชคดีแค่ไหนแล้ว ยังไม่รีบขอบคุณ ท่านอาจารย์อีก”

ต่อให้โล่เฉินแสดงทักษะ “เด็ดใบหน้าทำร้ายคน” ออกมา เสื้ ยงฉ่ายถึงแม้จะแสดงความเคารพนับถือ ทว่าภายในใจจึงยังไม่ พอใจเล็กน้อย ทว่าตอนนี้กลับยอมแล้วจริงๆ

“ขอบคุณท่านปรมาจารย์เป็นอย่างสูง ก่อนหน้านี้ผู้น้อยทำผิด ต่อท่าน ได้โปรดท่านใต้เท้าอภัย”

โล่เฉินหัวเราะเสียงดัง แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ท่านอาจารย์ หาก ฉันเบาไม่ผิด ท่านเคยออกกำลังกายอย่างรุนแรงจนทำให้หลอด เลือดหัวใจได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้จึงได้ทิ้งโรคที่ไม่สามารถพูด ถึง ทว่าตอนนี้อายุใหญ่แล้ว เกรงว่า…….

“ท่านครับ ท่านบอกไม่ผิด ยังขอให้ท่านช่วยคุณปู่” เลี้ยงฉ่าย เอ่อสังเกตเห็นว่าโล่เฉินสามารถมองออกในพริบตา ทั้งรู้สึกตก ตะลึงและดีใจ จึงรีบขอร้อง

เลี้ยงหยวนก็ทำหน้ามีความหวัง จึงพยักหน้าอย่างแรง “ตอน ผมหนุ่มๆ และรบในสนามรบ มีครั้งหนึ่งถูกทหารฝ่ายศัตรูล้อม จับ ผมปกป้องคุ้มครองหัวหน้าของเราให้หนีไป จึงใช้หมัดฮ่อง ใหญ่รบเสือที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงในการต่อสู้กับคนชายญี่ปุ่น กำลังภายในจึงได้กระทบกับหลอดเลือดหัวใจครับ”

“ที่แท้ก็คือทหารเก่าแก่นี่เอง! ”

โล่เฉินลุกขึ้นมาทำความเคารพด้วยความศรัทธา ต่อให้เขาเป็นอมตะ ก็เคารพในทหารที่ปกป้องประเทศ ในตอนนั้น และ ทหารที่ฝังร่างท่านคู่เคียงกับม้าคู่ใจ เหล่านั้น

“ท่านครับ เห็นแก่ตอนนั้นที่ของฉันเคยรบเพื่อชาติ ท่านช่วย เหลือสักครั้งเถอะ” เลี้ยงฉ่ายเอ่อน้ำตาคลอ ท่าทางน่าสงสาร มาก

“เรื่องนี้เรื่องเล็ก ฉัน………

โล่เฉินกวาดสายตามองนาฬิกาอย่างผิวเผย จู่ๆ ก็เรียกขึ้น “ไอหยา เวลาใกล้ถึงแล้ว ไม่ได้แล้ว ผมต้องไปแล้วล่ะ มีเรื่องเร่ง ด่วนหน่อย”

“ท่าน ปู่ของฉันเขา…….

“วางใจเถอะ พรุ่งนี้เจอกันที่นี่ ต้องขอโทษจริงๆ ผมมีเรื่องด่วน ที่สำคัญมาก” โล่เฉินผายมือ แล้วรีบกางเท้าวิ่งเตลิดไปอย่างบ้า คลั่ง จะคงมีความเป็นปรมาจารย์ได้ยังไง

“ท่าน ยังไม่รู้จักชื่อของท่าน? ”

“โล่เฉิน! ”

เสียงหยวนพิมพ์เงียบๆ ไปหลายรอบ ไหนๆ ก็จำไม่ได้แล้ว คาดว่าโล่เฉินก็คงเป็นปรมาจารย์คนใหม่ ชื่อเสียงยังไม่ได้ถูก ร่ำลือ

ทางนี้ โล่เฉินรีบเรียกรถในแอพตีตี แล้วรีบมุ่งหน้าไปบริษัท ตระกูลหาน
ดูเวลาแล้ว โล่เฉินหายใจหอบ “ยังดี ยังไม่ได้สายกว่านี้”

จึงไปซื้อ สองขวด ในร้านสะดวกซื้อ โล่เงินเดินไปถนนเส้นที่ เงียบกริบเส้นหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามบริษัทตระกูลหาน แล้วยื่นให้ กับผู้เฒ่าทำความสะอาดที่กำลังกวาดพื้น

“วันนี้สายไปสามนาที? ”

“มีเรื่องจึงสายหน่อย! ”

โล่เฉินและผู้เฒ่าทำความสะอาดนั่งลง แล้วยื่นบุหรี่ไปหนึ่ง มวน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ก็ได้กลายเป็นอมตะ เขาก็ชอบกลิ่นของบุหรี่

แฉก

จุดไฟ ควันบุหรี่ฟุ้งกระจายออกมา

ผู้เฒ่าปรายตามอง “สามปีแล้ว ทุกวันนายก็ต้องมาถึงที่นี่ อย่างตรงต่อเวลา ทำแบบนี้ลงไปต่อก็ไม่ใช่วิธีที่ดีอะไร เมื่อไหร่ ถึงจะรับเธอตอนเลิกงาน? ”

โล่เฉินสูบหนึ่งคำ แล้วส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “เวลายังไม่ถึง”

หานหยเยนเลิกงานห้าโมง

ทุกวันตอนสี่โมงห้าสิบ โล่เฉินก็จะปรากฏอยู่ที่นี่ แล้วมองหาน หมู่เยนปรากฏตรงหน้าประตูบริษัท จากนั้นก็นั่งเข้าไปในรถ โล่ เฉินถึงจะจากไป

สามปีเหมือนหนึ่งวัน ไม่ว่าลมพัดหรือฝนตกก็ไม่ใช่อุปสรรค
และคนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาทุกวันก็คือผู้เฒ่าที่กวาดพื้นที่นี่ ทั้ง สองคนจึงได้กลายเป็นเพื่อนกัน

“มาแล้ว”

ผู้เฒ่าพูดขึ้น แล้วมองโล่เฉิน เขากลับไม่รู้ในฐานะของโล่เฉิน ทว่าก็คบกันมาหลายปีนี้ ภายในใจก็สามารถคาดเดาได้แล้ว

“พ่อหนุ่ม ฉันว่านายไม่ใช่คนธรรมดา บางครั้งก็ต้องกล้า หน่อย ที่ควรพูดก็พูด ควร อายอีก! ” ทำก็ทำ คนที่อายุยี่สิบกว่าแล้วยังเป็น

“ผมกินดื่มถ่ายนอน ผมไม่ใช่คนธรรมดาตรงไหน? ” โล่เฉิน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ผู้เฒ่าขึงตามอง เขากวาดถนนแถวบ้านมาหลายสิบปีแล้ว

เห็นคนมากมาย ยังไงตาทิพย์ก็มีอยู่บ้าง

“ต้องทนกับการเหยียดหยามดูหมิ่นมามากขนาดนั้น คน ธรรมดาก็คงเป็นบ้าแล้ว”

เป็นบ้า?

หานหมู่เยนเป็นหญิงสาวดอกไม้ตามฤดูกาล ตอนอายุเจิดจรัส ที่สุด วัยรุ่นที่สุด สะสวยที่สุด ยังเผชิญกับอนาคตที่เคล้าด้วย ความมุ่งหวัง กลับจอดลงที่สามีที่เป็นไอ้สวะคนหนึ่งอย่างน่า แปลก แล้วทำลายความคิดความใฝ่ฝันทั้งหมดของสาวสวย

เธอยังไม่ได้เป็นบ้าเลย ตัวเองมีสิทธิ์อะไรเป็นบ้า
“เธอยังต้องทนมากกว่าผมเยอะ!

โล่เฉินหันกลับไป ก็สังเกตเห็นหานหมู่เยนที่นั่งเข้าไปในรถโต โยต้าคราวน์คันเก่า จึงพูดขึ้น “เอาอีกมวน? ”

“ไม่แล้ว” ผู้เฒ่าหัวเราะ แล้วลุกขึ้นพลางส่ายหัว “อายุเยอะ แล้ว สูบเยอะไม่ดีต่อร่างกาย ฉันยังอยากจะกวาดพื้นอีกหลายปี เพื่อหาเงินค่าครองชีพให้ลูกชายหน่อย”

โล่เฉินพยักไหล่ แล้วกวักมือเรียกรถสามล้อ

ในรถโตโยต้าคราวน์ หานหมู่เยนมองเห็นสามล้อที่จากไป จากกระจกหลัง ผ่านไปห้านาทีเธอก็ถึงจะขับเคลื่อนรถ

สามปีมานี้ ลมฝนไม่เคยเป็นอุปสรรค ให้โล่เฉินมารอทานหมู่ เยนทํางานเลย

และหานหมู่เยน ทุกครั้งก็รอให้โล่เฉินจากไป เธอถึงจะไป

กลับถึงบ้าน หานเจี้ยนเยจึงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องประชุม ให้กับหลิวเซียงหลันทุกอย่าง ที่ทำให้หลิวเซียงหลันแทบจะเป็น บ้า แล้วชี้หน้าด่าหานหมู่เย็น

“สมองแกไม่ดีไปแล้วหรือไง ภารกิจแบบนี้ไม่มีทางสำเร็จ แก กำลังเล่นสนุกอะไรบ้าๆ อยู่! ”

โล่เฉินที่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ได้ยินเสียงทะเลาะใน ห้องรับแขก จึงอดเดินออกมาไม่ได้ “แม่ อย่าร้องเลย ผมเชื่อว่าห ยู่เยนต้องทําได้! ”
“แกหุบปาก! ”

หลิวเซียงหลันนัยน์ตาแดงระเรื่อ แล้วก่นด่าด้วยนัยน์ตา โมโห “แกมันไอ้สวะ แกนี่แหละที่ทำลายครอบครัวของเรา ลูกสาวที่ สวยขนาดนี้ของฉัน สามารถแต่งงานกับตระกูลชั้นสูง แต่ก็ถูกแก ทำลายล้างจนหมด แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด! ”

“แม่……”

“ยังมีแก” หลิวเซียงหลันขาดสติไปแล้ว แล้วพูดด้วยเสียง แหลม “ฉันว่าแกกับไอ้สวะก็ไม่แตกต่างอะไรกัน ไม่มีสมอง”

ปากแดงของหานหมู่เยนสั่นเทา และน้ำตาคลอ “แม่ แม่ไม่เชื่อ ใจหนูขนาดนี้เลยหรอ? ”

“แกจะให้ฉันเชื่อแกยังไง! ตระกูลชั้นหนึ่ง ธุรกิจยังถูกปฏิเสธ กลับ ตระกูลหานที่เป็นตระกูลชั้นสอง ยังถูกจัดลำดับอยู่ตรง สุดท้าย ไม่น่าแม้แต่ประตูใหญ่ของบริษัทเฉิงหยู่แกยังเข้าไปไม่ ได้เลย แล้วยังจะไปเจรจาธุรกิจอะไรอีก! ”

หานหมู่เยนจริงๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอมองโล่เฉิน แล้วเอ่ย ถาม “ฉัน…….สามารถเชื่อคุณได้หรอ? ”

“แกพูดอะไร? ”

หลิวเซียงหลันขึงตาโต สีหน้าเขียวคล้ำ “ฟังจากความหมาย ของแก ไอ้สวะนี้ให้แกตอบตกลง?! ”

“ดีมาก ไอ้สวะ นี่กำลังจะผลักครอบครัวเราไปตายใช่ไหม สามปีมานี้ แกกินของเรา ใส่ของเรา อยู่บ้านเรา นึกไม่ถึงว่ายังกลับแว้งกัดเรา เลี้ยงไอ้เนรคุณไว้จริงๆ! ”

หานเจี้ยนเยู่ทำสีหน้าที่แย่ยิ่งนัก แล้วถามอย่างบีบบังคับ “หมู่

เยน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

“ไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับโล่เฉิน! ”

“เห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง! เวลานี้แล้ว ยังจะปกป้องไอ้สวะนี่อี ฉันว่าแกถูกไอ้สวะหลงจนหัวปักหัวป่าแล้ว”

หลิวเซียงหลันก่นด่าจนจบ ภายในใจมีความคิดบางอย่าง “หานหมู่เยน ยังมีคุณหานเจี้ยนเย่ รีบไปหาแม่ ทำลายการพนัน บ้าๆ นี่ ยังไงพวกคุณก็ยังเป็นลูกหลานของเธอ ไปขอร้องดีๆ เธอ น่าจะยอมได้”

“เลิกโวยวายเถอะ! ”

หานหมู่เยนขย่ำเท้า “หนูไม่มีทางไปหาคุณย่า อีกอย่างหาไปก็ ไม่มีประโยชน์ เธอต้องลำเอียงเข้าข้างหานหยุนเทา ฉันต้อง สำเร็จภารกิจ พรุ่งนี้ช่วงเช้า ฉันจะไปบริษัทเฉิงหยู่”

ปัง!

พูดจบ ก็ปิดประตูห้องแรงๆ

เกิดเรื่องนี้ ใครก็ไม่อยากกินข้าวอีก โล่เฉินจึงเก็บกวาดห้อง ครัวเสร็จ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เข้าห้องของหานหมู่

เยน

ทานหมู่เยนนอนอยู่บนเตียง แล้วเขาปูพื้นนอน
สามปีมานี้ เป็นแบบนี้ตลอด

ในห้องเงียบกริบ มีแค่เสียงหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของหานห เยน โล่เฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หลับ พอครุ่นคิดสักพักแล้วจึงพูดขึ้น “ขอบคุณที่เชื่อผม”

“ฉันแค่ไม่อยากแพ้ให้กับหานหยุนเทา! ”

หานหมู่เยนหันหลังให้กับโล่เฉิน แล้วแอบเช็ดน้ำตา น้ำเสียง คล้ายร้องไห้ “คุณแน่ใจใช่ไหม ว่าฉันสามารถชนะการประมูล

“แน่นอน”

“ทําไม? ”

“เพราะว่า…….” โล่เฉินหยุดชะงักไป แล้วพูดพอเป็นพิธี “ผู้ จัดการของบริษัทเฉิงหยู่ที่รับผิดชอบโปรเจคนี้เป็นเพื่อนเก่าของ ผม ความสัมพันธ์ของเราดีมาก ผมได้คุยโทรศัพท์กับเขา พรุ่งนี้ คุณไปดำเนินการได้เลย! ”

ในห้องเงียบกริบไปทันที แม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยิน

“คือว่า วันข้างหน้าไม่ต้องมารอฉันที่บริษัทแล้ว”

โล่เฉินตกตะลึงมาก นึกไม่ถึงว่าหานหมู่เยนจะรู้เรื่องนี้

“ได้ ผมเข้าใจแล้ว”

และก็ไม่มีเสียงใดๆ กลับเข้าสู่ความเงียบ

ในสภาพแวดล้อมที่เงียบและมืดมัวได้ดำเนินไปสามปี โล่เฉินชิ้นตั้งนานแล้ว เขาหันมาและกำลังจะนอน เวลานี้ข้างหูจึงมีเสียง อ่อนโยนดังขึ้น

“มารับฉัน…….ที่หน้าประตูบริษัทเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ