จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

บทที่ 1 ลูกเขยแต่งเข้า



บทที่ 1 ลูกเขยแต่งเข้า

“เอาเงินทำไม ให้ไอ้สวะนี้ไปยอมรับความผิดและเข้าคุกแทน หานเจี้ยนเย

“ใช่ๆ ตระกูลของพวกเราขาดไอ้สวะคนนี้ไป และยังประหยัด เงินได้หนึ่งล้าน ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย

” ดูคุณพูดแบบนี้สิ ไอ้สวะไม่ใช่คนหรือไง พวกคุณให้เขาไป รับผิด หานหมู่เยนเห็นด้วยหรือยัง สวะในสายตาของพวกเรา ใน สายตาของคนอื่นกลับเป็นตั้งสามีที่ดีเลยนะ”

เมืองเจียง บ้านเก่าแก่ของตระกูลหาน

ในห้องโถงใหญ่ทุกคนต่างก็แดกดันถากถาง แล้วกำลัง วิพากษ์วิจารณ์ชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง

“เลี้ยงหมาสามปี ก็มีเวลาที่ใช้ประโยชน์มันแล้ว”

“คุณกำลังพูดภาษาคนหรอ? หมาไปทำผิดอะไรกับคุณ คุณถึง ต้องเหยียดหยามหมาแบบนี้

“ฮ่าๆๆ ”

ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
โล่เฉินที่ต้องเผชิญกับการดูหมิ่นของทุกคน เขากำหมัดแน่น จนมือขาวซีด

สามปีก่อน เขาเร่ร่อนไปถึงเมืองเจียง วาสนาทำให้เขาบังเอิญ ได้แต่งเข้าไปในตระกูลหาน เคยทำให้ครึกโครมไปชั่วขณะ

แต่ว่าคนที่ถูกผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ใช่เขา กลับเป็นสาว สวยที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียง ทานหมู่เยน และได้แต่งงานกับสวะ ที่ไม่รู้นาม

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันที่แวดวงคนชั้นสูงต้องพูดคุย เล่นกันหลังทานมื้ออาหารเสร็จ และเขาก็ถูกมองว่าเป็นลูกเขย แต่งเข้าบ้านที่ไร้ประโยชน์

สามปีมานี้ เขาทนกับการดูหมิ่นทั้งหมด แล้วตกอับเหมือน หมา

แน่นอน คนที่ต้องอดทนมากกว่าเขาก็คือหานหมู่เยน

และได้สามีสวะคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าคนมากน้อยแค่ไหนที่เหยียด หยามถากถางเธอ แม้กระทั่งญาติตระกูลหานยังไม่เว้น

ทว่าต่อให้เป็นโลกภายนอกหรือว่าการดูหมิ่นหลากหลายรูป แบบของตระกูล ทานหมู่เยนก็ไม่เคยระบายอารมณ์กับโล่เฉิน สองสามีภรรยาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เข้ากันเหมือนน้ำและไฟ ทว่าก็ไม่ถือว่าดีมาก เป็นสถานะที่ไม่เย็นและไม่หนาว

สําหรับตอนนี้ คือพ่อตาหานเจี้ยนเยที่เป็นคนขับรถชนคนตาย และต้องการเงินหนึ่งล้าน ภายในสามวันหากเงินไม่ถึงญาติผู้ ตายก็จะให้พ่อตาเข้าคุก วันนี้เป็นวันสุดท้าย

“คุณย่า พ่อเป็นลูกของท่าน ท่านไม่สามารถเห็นคนกำลังจะ ตายแล้วไม่ช่วยสิ” โล่เฉินขอร้องอีกครั้ง

“ไอ้สวะ แกมีสิทธิ์พูดอะไร อีกอย่าง เมื่อฉันไม่ใช่ให้คำ แนะนําแล้วหรือไม่ ยังไงแกก็ไม่มีประโยชน์ ไปรับผิดแทนพ่อตา ของแก เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก

คนที่พูดคือชายหนุ่มที่มีบุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ ชื่อว่า หานหยุนเทา เป็นหลานชายเอกคนโตของตระกูลหาน”

“หานหยุนเทา นายทำเกินไปแล้ว”

โล่เฉินเป็นสามีของตนเอง และถูกข่มเหงมาหลายครั้ง หานห ยู่เยนจึงอดทนไม่ไหว

“ฉันทําเกินไป ตลกล่ะ! ”

หานหยุนมีคิ้วเฉียบคม แล้วแค่นเสียงดัง “ปัญหาหานเจี้ยเย่หามา มีสิทธิ์อะไรมาให้ตระกูลรับผิดชอบ พวกเรา ตระกูลหานแค่ตระกูลเล็กๆ เงินหนึ่งล้านสำหรับตระกูลแล้วไม่ใช่ จํานวนเล็กๆ! ”

“หานเจี้ยนเย่หาเหาใส่หัวเอง โทษคนอื่นไม่ได้ไปชนคนอื่น ตาย ไปติดคุกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุอยู่แล้ว” มีคนพูดขึ้นอย่าง คล้อยตาม

หานหมู่เยนอธิบายอย่างเร่งรีบ “ไม่ใช่แบบนี้นะ ผู้เฒ่าคนนั้น เป็นมะเร็ง มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพื่อที่จะโกงเงินจึงตั้งใจรนหา ที่ตาย นี่โทษพ่อฉันไม่ได้ แค่บอกได้ว่าเฮงซวย! ”

“โธ่ เรื่องเฮงซวยกลับเป็นเขาที่ได้เจอ คนอื่นทำไมถึงไม่ได้ เจอ! ”

“เกือบจะโง่กันทั้งครอบครัวแล้ว ลูกเขยก็เป็นไอ้สวะ พ่อตายัง

เป็นคนโง่อีก”

“เงินนี้ ตระกูลออก ให้ไม่ได้! ”

ได้ยินญาติทุกคนดูหมิ่นอย่างไร้เยื่อใย ทานหมู่เยนรู้สึกโมโห และสิ้นหวัง

วันนี้เป็นงานวันเกิดครบเจ็ดสิบปีของคุณย่า ทุกคนในตระกูล หานก็มาถึง ทั้งครอบครัวของเธอทีแรกอยากถือโอกาสขอเงิน หนึ่งล้านกับคุณย่า และนึกว่าพวกญาติๆ จะช่วยเขาพูด
นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะกลายเป็นสภาพแบบนี้

เลือดเย็นขนาดนี้

“พวกเธอทั้งครอบครัวไม่ได้สร้างผลงานอะไรให้กับตระกูล เลย กลับยังจะให้ทางตระกูลเสียเงินให้เธอ มีเหตุผลแบบนี้ได้ยัง ไง อีกอย่าง วันนี้เป็นวันเกิดของแม่ เธอทำให้งานวันเกิดต้องฟัง มีความผิดใหญ่หลวง อีกทั้งยังบีบบังคับขอเงิน! ”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น

เขาคือลูกชายคนโตของคุณย่า พ่อของหานหยุนเทาหานเจี้ย นถั่ว แค่เห็นเขาไปตรงประตูใหญ่ แล้วพูดอย่างไร้เยื่อใย “ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำตัวอับอายขายหน้าแบบนี้”

“ลุง พ่อคือพี่น้องแท้ๆ ของลุง ทำไมถึงทำแบบนี้ได้”

“เหอะ ทำผิดก็ควรถูกลงโทษ ไม่มีอะไรน่าพูดถึงอีก ตระกูลมี กฎที่เข้มงวด ใครก็ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้” หานเจี้ย นถั่วพูดความสีหน้าที่นิ่งเฉย

เหล่าญาติไร้ความรู้สึก ลูกสาวสิ้นหวัง

หลิวเซียงหลันที่ไม่พูดไม่จาตลอดมา จึงได้คุกเข่าลงทันที แล้ว

โขกหัวกับพื้น
แล้วมองคุณย่าที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักและกำลังทำสีหน้าที่นั่ง เฉย จึงได้ร้องไห้และพูดไปด้วย “พ่อ ขอร้องเถอะ ช่วยเจี้ยนเย ด้วย หนึ่งล้านถือว่ายืมให้พวกเรา พวกเราจะค่อยๆ คืน”

“ใช่ค่ะคุณย่า วันข้างหน้าเงินเดือนของหนู หนูไม่เอส และทำ งานฟรีๆ ให้บริษัท”

หานหมู่เยนก็ร้องไห้คร่ำครวญ

“ตลก เงินเดือนเธอแค่ไม่กี่พัน ปีไหนถึงจะคืนครบหนึ่งล้าน หนึ่งล้านนี้หากตระกูลนำไปลงทุน ก็ไม่ดีกว่าหรอ”

หานหยุนเทาทำสีหน้าที่ดูหมิ่ย เขาเป็นหลานเอกคนโตของ ตระกูลหาน เขาไม่ชอบทานหมู่เยนมาตลอด ตอนนี้มีโอกาส แน่นอนว่าต้องถือโอกาสล้างผลาญอยู่แล้ว

“พวกเธอทั้งครอบครัวช่างเป็นเนื้อร้ายจริงๆ ”

“สามปีก่อน เธอกับไอ้สวะแต่งงาน ทำให้พวกเราตระกูลหาน กลายเป็นที่ตลกของเมืองเจียง ตอนนี้ พ่อของเธอสร้างปัญหา ใหญ่ และยังจะมาสูบเงินตระกูลอีก ฝันไปเถอะ! ”

“อีกอย่าง ฉันมองว่าท่าทางของพวกเธอก็ไม่เหมือนมาขอร้อง

คน”
หานหยุนเทาทนัยน์ตาที่เหลือบไปมา แล้วหยุดอยู่ที่โล่เฉิน พร้อมพูดอย่างแปลกพิลึก “ดูลูกเขยคนโตของตระกูลหานของ พวกเราสิ ไม่ได้พูดอะไรตลอดมา สูงสง่าขนาดไหน ใบหน้านั้น ไม่มีอารมณ์ใดๆ นัยน์ตา น เลือดเย็นขนาดไหน กำลังดูถูกพวก เราอยู่หรอ”

คำพูดนี้ออกมา สายตาของทุกคนจึงมองไป

“คุณพูดพอหรือยัง” โล่เฉินทำน้ำเสียงที่เย็นชา

“พูดไม่พอ ไหนๆ แกก็ไม่ยอมไปรับผิด ก็ได้ เห็นแก่ที่เราเป็น ตระกูลเดียวกัน จะให้โอกาสแก

หานหยุนเทาทนัยน์ตาเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ แล้วหรี่ตา ลงพลางพูด “แค่คุกเข่าเรียกฉันว่าพ่อสามครั้ง ฉันจะพิจารณายืม เงินให้พวกแกทั้งบ้านหนึ่งล้าน เป็นยังไง? ”

บูม!

บรรยากาศถูกชนวน

ชายหนุ่มรุ่นผู้น้อยของตระกูลหานแอบนับถือ คุณย่าอยู่ใน เหตุการณ์ หานหยุนเทากลับบังอาจขนาดนี้

ทว่าพอนึกถึงคุณย่าที่รักและเอ็นดูหลานชายเอกคนโต จึงได้มองข้ามไป

“คนบ้านเดียวกัน ฉันก็ไม่อยากจะใจร้ายเกินไป แต่ว่าก็ไม่ สามารถให้เงินแกไปฟรีๆ แบบนี้ สุภาษิตกล่าวได้ดี พี่น้องแท้ๆ ยังต้องคิดบัญชีกันให้ชัดเจน โอกาสนี้หายาก ต้องดูว่าแกจะทํา ยังไง!”

โล่เฉินรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ขอบตาแดงก่ำแล้วกำลังจับ จ้องหานหยุนเทาอยู่

แหม นี่สีหน้าอะไรกันเนี่ย กำลังจะกลืนกินฉันหรอ

หานหยุนเทาแกล้งทำเป็นกลัว แล้วตบหน้าอก พลางเอียงตา และพูดขึ้น “คุณป้าหลิว อย่าโทษฉันไม่ให้โอกาสพวกแก แกที่ เป็นลูกเขยไม่ยินยอมเอง นี่ฉันก็ไม่มีวิธี ขอโทษด้วยนะ! ”

ไม่ง่ายที่จะมีความหวังเล็กๆ ขึ้นมา ทำไมถึงบินหายแบบนี้ หลิวเซียงหลันทั้งใจร้อนและโกรธ จึงตวาดด้วยเสียงเข้ม “โล่ เฉิน คุกเข่าลง! ”

“แม่ ผม…..”

“แกอะไรแก แกที่เป็นแค่ไอ้สวะยังมีเกียรติอะไรอีก รีบคุกเข่า แล้วทำตามที่หยุนเทาพูด”
พอเห็นโล่เงินยังไม่ขยับ หลิวเซียงหลันจึงเครียดขึ้นมาทันที แล้วตบหน้าเขาแรงๆ

เพียะ

เสียงดังฟังชัด

ลูกหลานของตระกูลหานต่างก็มองด้วยความน่าสนใจ และได้ ซุบซิบตลอดเวลา แล้วเผยยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา

ทั้งใบหน้าของ โล่เฉินถูกตบจนแดงไปทันที

หานหมู่เย็นกำลังจะพูดอะไรออกมา ทว่าก็กัดริมฝีปากจนขาว

“สามปีมานี้แกกินของฉัน ใส่ของฉัน อยู่ของฉัน ตอนนี้แกต้อง อุทิศตัวเพื่อที่บ้านแล้วแหละ แกยังนิ่งอยู่อีกทำไม รีบคุกเข่าเดี๋ยว

หลิวเซียงหลันกดไหล่ของ โล่เฉินไว้

“คุกเข่า!

“แกได้เป็นสวะในสายตาทุกคนแล้ว ทำเรื่องน่าอายหน่อยจะ เป็นอะไรไป คุกเข่าเดี๋ยวนี้”

หลิวเซียงหลันใช้ส้นรองเท้าถีบให้โล่เฉินคุกเข่าลงแรงๆ จน ทำให้โล่เฉินโยกเยกไปมา

“แม่ แม่อย่าทําแบบนี้”
หานหมู่เยนทนดูไม่ได้อีก ยังไงโล่เฉินก็คือสามีของเธอ

ภายใต้ที่สาธารณะ ถูกแม่ยายของตนเองก่นด่าและตีแบบนี้ ทําให้คนรู้สึกหดหู่มากจริงๆ

“แกไปอยู่ข้างๆ เมื่อไหร่ก็ปกป้องแต่ไอ้สวะ ถอยไป ไม่งั้นจะ แกด้วยคน”

ในห้องโถงใหญ่ สองแม่ลูกจึงได้ถกเถียงกัน เหล่าญาติๆ ต่างก็หัวเราะ เหมือนกำลังดูตัวตลกพูดจาตลกอยู่ และในตอนนี้ น้ำเสียงของหานหยุนเท่าที่ดูหมิ่นดังขึ้น “โธ่ๆๆ คุณป้าหลิว ต้องขอโทษด้วยนะ เวลาถึงแล้ว”

“อ๊ะ? หยุนเทา ให้เวลาอีกหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ ฉันจะให้เขา รีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”

“คุณป้า ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยคุณ โอกาสมีแค่ครั้งนี้ ไม่คว้า ไม่มีวิธีแล้ว ลูกเขยคนนี้ของท่านดื้อรั้งเกินไป อาจจะตั้งแต่แก้ แค้นก็ได้ หวังว่าจะให้คุณอาเจี้ยนเย่ติดคุก! ”

หลิวเซียงหลันเหมือนกำลังถูกฟ้าผ่า

ความหวังสุดหวังก็ถูกทำลาย ทั้งใบหน้าของเธอดูแย่ม
“ไอ้หมา”

และก็ใช้ฝ่ายมือตบครั้ง ทําให้ใบหน้าของโล่เฉินมีรอยแดงห้า

รอยปรากฏ

ต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

“ดูๆ น่าสมเพชจริงๆ

“เฮ้อ ทำให้ผู้ชายของพวกเราอับอายขายหน้าแล้ว ทำไมถึงได้ มีไอ้สวะที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้”

“หมาตัวหนึ่งถูกยังจะกัดกลับไป เขาแม้แต่หมายังเทียบไม่ ได้”

เหล่าญาติๆ ต่างก็พูดขึ้นไม่หยุด

แทะเมล็ดทานตะวัน ดื่มชา ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกของญาติให้

สักนิด

ใครก็ไม่รู้ โล่เฉินกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่นๆ เล็บแทงเข้าไป ตรงกลางฝ่ามืออย่างลึกๆ

“สามปีแล้ว ต่อให้เลี้ยงหมาตัวหนึ่งก็ยังมีคุณค่าบ้าง แกก็คือ ปลวก ทำให้เสียอาหารและเสียอากาศ ทำไมแกไม่ตายๆ ไปซะ”

หลิวเซียนหลันน้ำตาไหล แล้วสบถหยาบด้วยใบหน้าที่แดงระ

เรื่อ

“พอเถอะ! ”
จู่ๆ คุณย่าที่ไม่พูดไม่จาตลอดมาก็แค่นเสียงเรียบขึ้น แล้ว นัยน์ตาก็เคล้าด้วยความเคร่งขรึม

ห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นก็เงียบไป

คุณย่าที่มีการครอบครองอำนาจสูงสุดของตระกูลหานมีความ น่าเกรงขามอย่างมาก ทุกคนในตระกูลหานต่างก็ต้องเทิดทูนเธอ ในการใช้ชีวิต

“แม่ เจี้ยนเย่ก็คือลูกชายของแม่ แม่อย่าอ่ามหิตขนาดนี้ ขอร้องเถอะ ให้คุกเข่าให้ท่านก็ได้”

“ออกไป

ไม้เท้าในมือของคุณย่าจึงเคาะพื้น ในปากพูดสองคำนี้ออกมา เหมือนดั่งมีดแหลมสองเล่ม ที่กำลังเทียบเข้าไปตรงกลางใจของ หลิวเซียงหลัน

หานหมู่เยนทำสีหน้าที่ขาวซีด แล้วกำลังยืนไม่นิ่ง จึงถูกโล่เฉิ นพยุงไว้

“คุณย่าก็พูดแล้ว ยังนิ่งอยู่ที่นี่อีก! ”

“รีบไปๆ อย่ามาขวางหูขวางตา! ”

“วันนี้เป็นงานวันเกิดของคุณย่า ไหนๆ ก็ถูกแมลงวันสามตัวนี้ ทำให้เกิดความวุ่นวายแล้ว แค่คุณย่าไม่ได้เรียกร้องอะไรก็ เมตตาแค่ไหนแล้ว รีบไสหัวออกไป! ”
ญาติทุกคนไม่ให้สีหน้าที่ดี สตรีสองคนผลักต่อเนื่องไม่หยุด กันมา แล้วก็ไล่โล่เฉินพวกเขาสามคนออกจากบ้านเก่าแก่

บนถนน

หานหยู่เยนเช็ดน้ำตาและกำลังแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง แล้ว ปลอบโยนขึ้น “แม่ แม่อย่ากังวลเลย ยังมีเวลา ต้องมีวิธีแน่นอน”

“เป็นเพราะเขา ไอ้สวะ”

หลิวเซียงหล่นกระชากเสื้อของ โล่เฉิน แล้วตะโกนด้วยความ เคียดแค้น “พูดมา แกตั้งใจจะทำร้ายสามีของฉันใช่ไหม ไอ้ สารเลว ถ้าสามีของฉันติดคุก ฉันก็จะไม่ให้แกมีชีวิตที่ดี! ”

“แม่ ใจเย็นหน่อย นี่ไม่ได้เกี่ยวกับโล่เฉิน หานหยุนเทาตั้งใจ จะปั่นหัวพวกเรา ต่อให้โล่เฉินคุกเข่า เขาก็ไม่ให้เงินหรอก”

หานหมู่เยนเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง และสามารถมองออกถึง

ความจริง

หลิวเซียวหลันเหมือนถูกสูบกำลังทั้งหมดที่มี แล้วทรุดตัวลง บนพื้นพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

“แม่ ลุกขึ้นเถอะ บนพื้นสกปรก”

โล่เฉินยื่นมือไปพยุง ทว่าก็ถูกหลิวเซียงหลันปิดออก

“ตอนนั้นทายาทเศรษฐีจีบลูกสาวของฉันเยอะมาก เธอ สามารถแต่งกับใครก็ได้ บ้านเราก็คงไม่ต้องตกอับถึงขั้นนี้”

“ทุกอย่างเพราะว่าแกทำลาย แกไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ”

โล่เฉินนิ่งเงียบ แล้วมองหลิวเซียงหลันพาภรรยาจากไปโดย เร็ว ภายในใจรู้สึกขมขื่น

กลับถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาไม่ได้เข้าประตูบ้าน แค่นั่งสูบบุหรี่หนึ่งมวนตรงบันได ในบ้าน กำลังทะเลาะกันอยู่

“หย่า ตอนนี้ไปหย่ากับไอ้สวะเดี๋ยวนี้! น่าสมเพช เป็นสิ่งไม่ได้ เรื่อง เลี้ยงเขามาสามปีก็ยังคงเป็นไอ้คนอกตัญญู”

“แม่ โล่เฉินไม่ได้คนไร้ประโยชน์! ”

“เขาไม่มีงานอะไรจริงๆ แต่ว่าเขาทำการบ้าน และจัดการงาน บ้านได้ดีมาก สามปีมานี้เขาทนต่อความยากลำบากและสามารถ กล้ำกลืนการถูกว่ากล่าว เขาเคยบ่นแม้แต่คำเดียวไหม! ”
“หัวใจของคนก็เกิดจากเนื้อ ต่อให้เป็นแค่หมาที่ใช้ชีวิตอยู่ ด้วยกันสามปีกก็มีความรู้สึก ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่ ขยันหมั่น เพียรด้วยจิตใจที่รับผิดชอบคนหนึ่ง”

“นางนี่ ไอ้สวะคนนั้นสำคัญหรือพ่อแกสำคัญ ได้ ไม่หย่าใช่ ไหม งั้นก็ทําตามหานหยุนเทาบอก ให้เขาไปรับผิดแทน! ให้เขา ไปเข้าคุกแทนพ่อของแก! ”

และค่อยๆ เสียงในห้องก็หายไป

โล่เฉิน โยนก้นบุหรี่ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางมองไป บนท้องฟ้า นัยน์ตามัวพร่ากลายเป็นนัยน์ตาคมชัดและเฉียบคมที่ เกิดขึ้นครั้งแรก

เขาเดินเข้าไปในประตูบ้าน แล้วมาถึงห้องนอน

พอเห็นหานหมู่เยนที่คลุมตัวเองใต้ผ้าห่มแล้วกำลังร้องไห้ ภายในใจรู้สึกหดหู่ แล้วขยับลูกกระเดือก “ขอโทษ ทำให้คุณ ลําบากใจแล้ว”

หานหมู่เยนลุกขึ้นพลางมองโล่เฉินแล้วส่ายหัว “ไม่ นี่ไม่โทษ คุณ”

ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมคุณย่าไม่ช่วยพ่อ ทำไมญาติถึงต้องจับ หาเรื่องครอบครัวพวกเรา ทำไมพวกเราถึงต้องเจอความยาก ล่าบากเยอะขนาดนี้ พวกเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด

“งั้นทำไมชีวิตถึงไม่ดีกับพวกเขาเลย ฉันไม่อยากให้พ่อติดคุก ชีวิต าบากมากพอแล้ว ไม่สามารถไม่มีพ่ออีก

หานหมู่เยนน้ำตาไหลเหมือนน้ำพุเอ้อทะลักออกมา ทำให้เสื้อ ตรงหน้าอกเปียกโชก

โล่เฉินรเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอด้วยความเอ็นดู นัยน์ตา เผยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน “หมู่เยน บอกผม คุณอยาก จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจริงๆ หรือ? ต่อให้อนาคต อาจจะต้อง เผชิญกับอันตรายที่ถึงแก่ความตาย”

“อืม! ”

“เรื่องของอนาคตของฉันไม่รู้ ตอนนี้ฉันแค่อยากช่วยพ่อ ฉัน อยากยืนอยู่ที่สูงแล้วมองการการณ์ไกลและมีศีลธรรมกว่าคนอื่น ฉันไม่อยากถูกคนดูถูก ฉันอยากทำให้พวกคนที่ดูถูกพวกนั้น เสียใจภายหลัง! ”

“ดี! ”

โล่เฉินยิ้มอย่างหนักแน่น แล้วหันหลังเดินออกจากประตู จากนั้น จึงตัดสิน โทรหาเบอร์ที่ไม่ได้โทรมาหลายปี

หลังจากไม่กี่วินาที ทางฝั่งโทรศัพท์จึงมีเสียงที่ตื่นเต้นดีใจดัง ขึ้น แล้วเสียงที่ผ่านโลกมาโชกโชนดังขึ้น

“อาจารย์ ท่าน สุดท้ายก็ติดตามฉัน”

ผู้เฒ่าเหมือนกำลังร้องไห้ เหมือนเด็กคนหนึ่ง น้ำเสียงสั่นเทา แล้วพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “อาจารย์ นี้ ผมรอมาสิบปี สายๆ เต็ม”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ