บทที่ 3 คู่ควรกับลูกสาวผมเหรอ?
หยางอียิ้มหี เขารู้ว่าเจียงชื่อต้องการอะไร
“จริงสิ พี่ใหญ่ ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากหัวหน้า
“บอกว่าซูหัง ฉันโม่ หุ้ยไม่สามเขตนี้จะรวมกัน เรียกว่าเขต เจียงหนาน โดยให้พี่เป็นผู้รับผิดชอบใหญ่
“พี่ใหญ่นี่เป็นเนื้ออ้วนก้อนหนึ่งเลยนะ
เจียงชื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันในตอนนี้ ไม่สนใจของ พวกนี้หรอก ไปเถอะ
“อืม จะไปไหนครับ?”
เจียงชื่อคิดสักพัก “ไหนๆ ก็กลับมาแล้ว ก็กลับบ้านดูสักเที่ยว
ละกัน”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถก็ชะลอตัวจอดลง
เจียงชื่อให้มูหยางขับออกไปก่อน ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปใน หมู่บ้านอพาร์ทเม้นท์หมิงเยี่ยน เดินไปยังวิลล่าหลายชั้นที่ค่อน ข้างเก่าหลังหนึ่ง
ปิ้งๆๆ เขาเคาะประตูอยู่สักพัก
“ใครน่ะ?”
คนที่เปิดประตูเป็นหญิงสาววัยกลางคน และก็เป็นแม่ยายของเจียงชื่อ-ซูฉิน หลังจากได้เห็นเจียงชื่อก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จาก นั้นก็พูดด้วยความดีใจว่า: “โอ้ เจียงชื่อ เธอกลับมาเมื่อไหร่?
“เพิ่งกลับมาไม่นาน”
“เร็วเข้าเร็ว เข้ามานั่งก่อน
หลังจากน้องชายตาย ครอบครัวแม่ยายก็เป็นญาติที่เหลืออยู่ ของเจียง อ
ซูฉินพาเจียงชื่อเข้าบ้าน เชิญเขานั่งลง รินน้ำให้ ดีใจจนบอก
ไม่ถูก
เวลานี้ ติง ซานผู้เป็นพ่อตาก็เดินออกมาจากในห้อง ” ใครมา
เหรอ?”
“เป็นเจียง อ เจียง อกลับมาแล้ว”
“หืม?”
ติงฉีซานจ้องเจียงชื่อเหลือทน ทําเสียงที เดินไปนั่งที่ข้างโต๊ะ ด้วยความคับแค้นใจ
“เจียงชื่อ เธอยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้บรรยากาศในห้องตึงเครียด ผะอืดผะ อมกันขึ้นมา
“ตาแก่ เจียงชื่อเพิ่งกลับมา ทำไมถึงพูดจาอย่างนี้ล่ะ?” “หลีกไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้เธอพูด ไปตามเมิ่งเหยนมา”
เจียงชื่อ-ซูฉิน หลังจากได้เห็นเจียงชื่อก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จาก นั้นก็พูดด้วยความดีใจว่า: “โอ้ เจียงชื่อ เธอกลับมาเมื่อไหร่?
“เพิ่งกลับมาไม่นาน”
“เร็วเข้าเร็ว เข้ามานั่งก่อน
หลังจากน้องชายตาย ครอบครัวแม่ยายก็เป็นญาติที่เหลืออยู่ ของเจียง อ
ซูฉินพาเจียงชื่อเข้าบ้าน เชิญเขานั่งลง รินน้ำให้ ดีใจจนบอก
ไม่ถูก
เวลานี้ ติง ซานผู้เป็นพ่อตาก็เดินออกมาจากในห้อง ” ใครมา
เหรอ?”
“เป็นเจียง อ เจียง อกลับมาแล้ว”
“หืม?”
ติงฉีซานจ้องเจียงชื่อเหลือทน ทําเสียงที เดินไปนั่งที่ข้างโต๊ะ ด้วยความคับแค้นใจ
“เจียงชื่อ เธอยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้บรรยากาศในห้องตึงเครียด ผะอืดผะ อมกันขึ้นมา
“ตาแก่ เจียงชื่อเพิ่งกลับมา ทำไมถึงพูดจาอย่างนี้ล่ะ?” “หลีกไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้เธอพูด ไปตามเมิ่งเหยนมา”
ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ผมที่ยาวดำขลับเหมือนขนน กราวกับน้ำตกไหลลงมา ปะอยู่บนบ่า
สาวงาม จนเดือนต้องดับบุปผาต้องอาย
“พ่อ แม่ เรียกฉันเหรอ?”
“อืม มานั่งนี่ เจียงชื่อกลับมาแล้ว”
ติงเมิ่งเหยนตะลึงไปชั่วครู่ มองดูผู้ชายที่คุ้นเคยและแปลก หน้าที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาในใจ
เธอกับเจียงชื่อแม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่หลังจากแต่งงาน ไม่ถึงหนึ่งเดือน เจียงชื่อก็ไปเป็นทหารที่เวสเตอร์แลนด์ พอไปที เป็น5ปี ติงเมิ่งเหยนต้องเป็นแม่หม้ายอยู่ถึง 5ปี
เวลานี้เจียงชื่อกลับมาแล้ว อยู่ๆ เธอก็ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขา
อย่างไร
ติงฉีซานจึงพูดขึ้นมาว่า “เจียงชื่อ เธอก็เห็นแล้ว ลูกสาวฉันไม่ ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตา ก็เป็นอันดับหนึ่งทั้งสิ้น โดดเด่นกว่านาง แบบในโทรทัศน์เสียอีก มีผู้ชายตั้งเท่าไหร่มาเคาะประตูขอถึง หน้าบ้านทุกวัน แต่เพราะว่าเธอ หล่อนเลยต้องเฝ้าเป็นแม่หม้าย
“พ่อ ทำไมถึงต้องพูดด้วย?”
ติงซานพูดต่อ: “ฉันเป็นเพื่อนเล่นกับพ่อเธอตั้งแต่เด็ก เป็น เพื่อนสมัยเรียนเป็นเพื่อนเก่า เขาสร้างเทคโนโลยีจิ้นเพิ่งด้วยมือ ของเขาเอง ทำจนมีชื่อเสียง ตระกูลติงของเราก็เป็นช่วงขาขึ้นของกิจการ ตอนนั้นฉันอยากผูกสัมพันธ์ เลยยกลูกสาวให้แต่ง กับเธอ
“ตอนนี้ พ่อของเธอหายสาบสูญ น้องชายก็ฆ่าตัวตาย เทคโนโลยีจิ้นเมิ่งก็ตกอยู่ในมือคนอื่น ส่วนเธอ ก็เอาเวลาไปเป็น ทหาร ไม่มีผลงานอะไรเลย เธอในตอนนี้ ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ไหนว่ามาสิ ว่าคู่ควรกับลูกสาวฉันไหม?”
ในบ้านเงียบกันสงัด
มีแต่เสียงลมหายใจของทุกคน ไม่มีใครพูดจาสักคำ
จากนั้น ติง ซานก็พูดต่อ “อย่าหาว่าฉันมองโลกเป็นจริงเกิน ไป ชีวิตคนเราก็โหดร้ายอย่างนี้ เดิมทีฉันว่าจะรอเธอกลับมา ก่อน แล้วค่อยให้เพิ่งเหยนหย่ากับเธอ แต่เห็นแก่ที่ฉันคบหากับ พ่อเธอมาเป็นสิบปี เลยตัดสินใจจะให้โอกาสเธออีกครั้ง”
“ครึ่งปี ฉันให้เวลาเธอครึ่งปี”
“ถ้าภายในครึ่งปี เธอดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ไม่ต้องถึงกับร่ำรวย เป็นเศรษฐี อย่างน้อยให้ได้เป็นหัวหน้า ผู้อำนวยการประมาณนี้ ฉันก็จะให้เธอเป็นเขยของฉัน”
“ไม่เช่นนั้น ก็เก็บของไสหัวออกไป
“ฉันพูดได้ก็ทำได้”
สีหน้าของตึงเมิ่งเหยนกับซูฉินจ๋อยสนิท พวกเธอสองแม่ลูกไม่ ได้เกลียดเจียงชื่อลึกขนาดนั้น เจียงชื่อเพิ่งกลับมาก็พูดจาฟังดูไม่ ได้ ทำให้ลำบากใจจริงๆ
ติง ชานยืนขึ้น “ฉันเพิ่งได้รับแจ้ง ต้องกลับไปประชุมที่แผนก ขอตัวก่อน”
ฉินถาม: “แต่เดี๋ยวงานเลี้ยงครอบครัวก็จะเริ่มแล้ว คุณไม่ไป แล้วเหรอ?”
ติงซานส่ายหน้า “ไม่ไปแล้ว เพิ่งได้รับข่าว ซูหัง ฉันโม่ หุ้ยให้ ทั้งสามเขตจะรวมกัน จะมีผู้นำมาใหม่ ฉันต้องรีบกลับไปประชุม ที่แผนก ปรึกษาว่าจะต้อนรับผู้นำใหม่อย่างไร เรื่องนี้จะให้ผิด พลาดไม่ได้ มันเกี่ยวพันถึงอนาคตของตระกูลถึงเรา แล้วยิ่งกว่า นั้นเกี่ยวพันตรงที่ต่อไปฉันจะมีตำแหน่งสูงขึ้นในเมืองนี้หรือไม่
“คนอื่น ในแผนกก็คงต้องเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ฉันจะให้คนอื่น แซงขึ้นนำก่อนไม่ได้”
“ส่วนทางพ่อผม ช่วยอธิบายแทนผมด้วย จริงสิ เจียงชื่อ ไหนๆ เธอก็กลับมาแล้ว ก็ไปร่วมงานเลี้ยงครอบครัวกับเมิ่งเหยนสิ จะ ได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
ติงฉีซานสวมเสื้อนอกเสร็จ ก็รีบออกจากบ้าน ไปปรึกษาเรื่อง จะต้อนรับผู้นำคนใหม่อย่างไร
ภายในห้อง ซูฉินปลอบใจเจียงชื่อ: “อาชื่อจ๊ะ เธออย่าเสียใจ ไปเลยนะ ขอแค่เธอขยันดีๆ ซานเขาก็ไม่ว่าเธอแล้ว”
“รู้แล้วครับ แม่”
จากนั้น เจียงชื่อก็นั่งรถของติงเมิ่งเหียน มุ่งหน้าไปยังโรงแรม
ซิ่งหยวน
โรงแรมซิ่งหยวน
วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวของตระกูลถึงที่หนึ่งปีมีครั้ง คน มีหน้ามีตาในตระกูลต่างมาร่วมงานกัน
ระหว่างทาง เจียงชื่อหันหน้าออกมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง โดยไม่พูดอะไรเลย
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่สนิทกันเลยสักนิด
ติงเมิ่งเหยนเข้าใจผิดคิดว่าเจียงชื่อยังโกรธ พูดด้วยเสียง เรียบๆ ว่า: “คุณก็อย่าเสียใจเกินไป พ่อฉันเขาก็เป็นคนอย่างนั้น ที่จริงเขาก็พูดถูก ถ้าคุณอยู่อย่างนี้ต่อไป คุณว่ามันเหมาะสม ไหม?”
“อายุคุณก็ไม่น้อยแล้ว จนตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ จะ ให้ตระกูลของฉันเลี้ยงคุณไปชั่วชีวิตไม่ได้หรอกใช่ไหม? คุณยัง เป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?”
เจียงชื่อยังคงไม่สะทกสะท้าน สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ติงเมิ่งเรียนรู้สึกโกรธขึ้นมา ถอนใจ “หมดทางเยียวยา
ตอนใกล้จะถึงโรงแรมซึ่งหยวน ซึ่งเพิ่งเหยนเตือนขึ้นมาว่า “อีกเดี๋ยวพอเข้าไปแล้ว อย่าพูดอะไรมาก ถ้ามีคนพูดจาไม่ดีกับ คุณ ก็ยิ้มเข้าไว้ก็พอ อย่าเอามาใส่ใจ เข้าใจไหม?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ