บทที่ 15 ไม่ระมัดระวังจนเกิดการสูญเสีย
ช่างซิวจื่อไม่ได้ตอบและถามกลับ “กงหมู่บอกเธอแล้ว?”
“นายไม่ต้องสนใจว่าใครบอกฉัน นายบอกมาก่อนว่าใช่หรือ ไม่ใช่”
ช่างซิวจื่อมองบน และตอบว่า “ใช่”
“ว้าวช่างซิวซื้อเมื่อไหร่กันที่นายมีศักยภาพที่จะเป็นวีรบุรุษ และยังช่วยหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาอีก?” ซูหานกระแทกแขนไปที่ เขาอย่างประจบประแจง “นายก็ชอบเธอไม่ใช่หรือไง คิดอยาก จะได้เธอมาครอบครอง ใช่ไหมล่ะ?”
ช่างซิว ออดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่บ้านเซีย “แม่ครับ แม่ แน่ใจเหรอว่าคนคนนี้เป็นน้องสาวฝาแฝดที่เกิดมาพร้อมกับผม? แม่คงไม่ได้เก็บมาจากโรงพยาบาลใช่ไหมครับ? ทำไมไม่เหมือน กันสักนิด เธอกับผมมีประสาทสัมผัสที่สามารถสื่อสารถึงกันได้ที่ ไหนกัน!!
จี้ซูหานเป็นเหมือนกันคนที่อยากรู้อยากเห็นในซีรี่ย์อเมริกา “Gossipgirl” ที่ไม่ยอมปล่อยอะไรไปเลยสักเรื่องเดียว
โล่คาคาที่นั่งถัดจากซูป้านเซียอยู่เป็นเวลานาน ก็ขัดจังหวะขึ้น และพูดว่า “ซิวจื่อ ที่จริงแล้วความอยากรู้อยากเห็นไม่เกี่ยวข้อง กับพันธุกรรมสักนิดเดียว คงเป็นเพราะถูกปลูกฝังมาถึงทุกวันนี้” เธอหัวเราะ “ส่วนตรงนี้ของซูหานเหมือนฉันมากที่สุด”
โล่คาคามีชื่อเสียงในเรื่องการอยากรู้อยากเห็นมาตั้งแต่เธอ ยังเด็ก คู่รักคู่ไหนในโรงเรียนมีมือที่สาม คู่รักคู่ไหนที่ทะเลาะกัน เลิกกัน กลับมาตีกัน เธอก็รู้ทุกอย่าง
บ้านเซียยิ้มอย่างมีความสุข ” ในตอนนั้นเธอเหมือนเด็กสาว ที่ยังมึนงง ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง มีปัญหายังให้ฉันไปช่วย จัดการอยู่เลย”
โล่คาคาพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ เธอยังเป็นเด็กอยู่เลย” เธอ วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วพูดกับช่างซิวจื่อและซูหานพูดว่า “พวก เธอรู้ไหมว่า เมื่อก่อนบ้านเซียแต่งตัวได้เชยมาก แล้วยังใส่ แว่นตากรอบดำ ผมหน้าม้ายาวเกือบครึ่งหน้า ถ้าใครไม่รู้ คงคิด ว่าเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ถูกส่งมาจากดาวอังคารเพื่อตรวจ สอบ โลกแน่ๆ”
เห็นได้ชัดว่าช่างซิวจื่อไม่เชื่อ “ถ้าเป็นอย่างที่แม่บุญธรรมพูด ทำไมพ่อถึงชอบแม่ล่ะครับ?”
โล่คาคาไม่ลังเลเลยที่จะตอบช่างซิวจื่อ “นายก็เป็นสมาชิก ของสมาคมคนหน้าตาดีงั้นเหรอ”
ช่างซิวจื้อยักไหล่ ไม่ปฏิเสธ “ผู้หญิงรอบตัวของผมถึงได้สวย อยู่เสมอไงครับ”
“คงไม่เหมือนอย่างในนิยายเขียนกันใช่ไหม ในเหตุการณ์ที่ ไม่คาดฝัน เมื่อพ่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของแม่ ก็ตกหลุมรักตั้งแต่ แรกเห็น?” จี้ซูหานแสดงจินตนาการของเธอราวกับนักประพันธ์ อย่างเต็มตัว
“เฮ้อ” โล่คาคาเหลือบไปที่บ้านเซียอย่างสงสัย และพูดขึ้น “ไม่ได้เหมือนอย่างในละครอย่างนั้น เพียงแค่แม่ของเธอไปเข้า ร่วมงานเต้นรำ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ใส่แว่น นำผมหน้าม้าขึ้น ก็เลยทิ้งไปเลย”
โล่คาคาไม่ได้บอกว่า ที่จริงแล้วเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของซูเฉิ งอี และก็เป็นเพราะงานเต้นรำนั้น ความสัมพันธ์ถึงค่อยๆ ชัดเจน ขึ้น
ใบหน้าของซูบานเซียเรียบนิ่ง ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก พวกเขาทั้งสี่คน ตราบใดที่พูดถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับซูเฉิง พวก เขามักจะหลีกเลี่ยง โดยไม่รู้ตัว คนคนนั้นเป็นความเจ็บปวด ตลอดกาลในหัวใจ เมื่อพูดถึงก็จะรู้สึกปวดร้าว
ซูหานได้ยินก็สนใจขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นพ่อทำยังไงถึงชนะใจ แม่ได้เหรอคะ?”
“ด้วยความสามารถความหน้าทนที่หนาอย่างจักรวาลไงล่ะ” ช่างสวมใส่ผ้ากันเปื้อน และเสิร์ฟอาหาร พร้อมพูดขึ้น “พ่อมี เพียงกลวิธีเดียว ก็คือความหน้าทน เธอดฉัน ฉันก็ไม่ไป เธอฉัน ฉันก็ไม่ไป เพียงใช้หลักการและนโยบายนี้ ก็ชนะใจได้แล้ว ‘
คิดว่าจะสามารถอธิบายเรื่องระหว่างช่างและซูป้านเซียได้ อย่างชัดเจน ในหนึ่งหรือสองประโยคเหรอ คิดว่าพูดสามวันสาม คืนก็คงพูดไม่หมดหรอก แต่ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์ก็คือพวกเขาอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
“แม่บุญธรรมครับ คุณมีอะไรปิดบังพวกเราอีกรึเปล่าครับ?”ช่างซิวจื้อทําท่าที่สังเกตและถามขึ้น เป็นเพราะ โล่คาคานั้นเป็น คนที่ไม่ค่อยถนัดในการซ่อนอารมณ์ของตัวเอง ดังนั้นช่างซิวซื้อ แค่มองก็สามารถดูออก
“ทำไมเหรอ แม่บุญธรรมของนายมีเรื่องปิดบังนายไม่ได้เห รอ?” จี้เห้าก็ออกมาพร้อมกับจาน “ได้เวลาแล้ว ทุกคนนั่ง ประจําที่ได้แล้ว”
“พ่อซูเจ้า คุณไม่กลัวว่าแม่บุญธรรมจะซ่อนชายอีกคนไว้ข้าง นอกใช่ไหม?” ช่างซิวจื่อพูดเหน็บ “ถึงแม้เมื่อครู่จะพูดออกไป อย่างนั้น แต่มันก็น่าสงสัยนะครับ”
ซูเจ้าหยิบถั่วขึ้นมาบนจานแล้วทุบมัน “เจ้าเด็กไม่รักดีนี่ ถ้า แม่บุญธรรมของนายมีผู้ชายอีกคนอยู่ข้างนอกคิดว่าฉันจะไม่รู้เห รอ? ฉันได้ลบล้างความคิดของเธอหมดแล้ว ตอนนี้เธอเชื่อฟังฉัน อย่างดีเลย”
ช่างที่ถือมีดทำครัวอยู่ จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเท้า ใบหน้าของเขาอึมครึม “จี้ซูเห้า เมื่อครู่นายว่าลูกชายฉันว่ายังไง นะ?”
ซูเจ้ายกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ทันที “ฉันพูดผิดไปแล้ว ท่านช่าง อย่าอารมณ์ไม่ดีเลย ฉันรับผิดเอง ซิวจือไม่ใช่เจ้าเด็กไม่รักดี” เขาหยิบมีดทำครัวอย่างระมัดระวัง และยิ้ม “เขาก็เป็นเจ้าเด็กไม่ รักดีนั่นแหละ”
“จี้ซูเห้า ฉันจะฆ่านาย!”
ซูป้านเซียนั่งบนโซฟาและมองดูตาเฒ่าสองคนอย่างพูดไม่ออก “ที่พวกนายสองคนอายุเกือบจะร้อยปี ยังไม่รู้จักละอายอีก”
“ที่รัก เขาบอกว่าลูกชายของคุณเป็นเด็กไม่รักดี คุณคิดว่าฉัน ควรจะสั่งสอนเขาไหม?” ช่างมีท่าทางลำพองใจ
“ชูเท้าพูดว่าลูกชายของคุณเป็นเด็กไม่รักดี ไม่ใช่ของฉัน” ซู ป้านเชี่ยเรียบนิ่ง
โล่คาคาที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา และยกนิ้วให้เธออย่าง ชอบใจ “ป้านเซียคุณ โหดเหี้ยมมาก”
ช่างซิวจื่อผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อ หน่าย และเลือกที่จะไปที่ห้องครัวเพื่อรับประทานอาหาร นับ ตั้งแต่ที่เขาจําความได้ พวกเขาไม่กี่คนนี้ ชอบถกเถียงกันเป็น ประจำ เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ชายสองคนที่ถือมีด ทําครัววิ่งไล่ล่ากันในห้องนั่งเล่น จะเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ ของ เมืองC
หากนักข่าวเห็นฉากนี้ ในใจจะต้องตกใจราวกับน้ำตกแน่
ที่โต๊ะอาหาร ประสบการณ์ที่น่าเศร้าของช่างซิวจื้อยังคง ดาเนินต่อไป
“ซิวจื้อ ลูกจ๋า JJ ได้ไหม?” ซูป้านเซี่ยถามขึ้น พร้อมคืบผัก ช่างซิวจื้อหยุดมือที่กำลังคืบอาหาร และคิดอย่างจริงจัง ใน ที่สุดเขาก็ส่ายหัว ปฏิเสธว่า “ผมจำไม่ได้ มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอพบว่าแม่กับคู่มาพักอยู่ที่บ้านพัก ตากอากาศ และร้องไห้บอกกับแม่ว่า เธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของลูก” ซูป้านเชี่ยพูดอย่างเรียบๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ คูหานกลับตกใจจนสำลักข้าวลงบนโต๊ะ และหันไปมองที่ ช่างซิว อ “นายไปทำอะไรไว้??”
ช่างซิวจื่อที่เพิ่งกลืนข้าว และเพราะคำพูดของซูบานเซียทำให้ ข้าวติดอยู่ในลำคอ จนเขาต้องหาน้ำดื่ม ถึงค่อยโล่ง และหันไปดู แม่ที่ดูเงียบสงบด้วยความไม่สบายใจ “แม่ครับ อย่าพูดล้อเล่น แบบนี้ได้ไหมครับ?”
ซูป้านเซี่ยหยิบน้ำผลไม้มาดื่ม แล้วพูดว่า “แม่ไม่ได้ล้อเล่น แม่
กำลังถามลูกอย่างจริงจัง ลูกได้นอนกับผู้หญิงที่ชื่อ JJ รึเปล่า”
ช่าง ชูเท้า โลคาคาต่างก้มหน้าทางอาหาร เรื่องแม่สอน ลูก พวกเขาจะไม่แทรกแซง เพื่อไม่ให้เรื่องใหญ่มากกว่าเดิม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ