บทที่ 7 ระลึกบุญคุณ
บทที่ 7 ระลึกบุญคุณ
เมื่อแสงตะวันแรกแย้ม คนระแวกนั้นพบว่าพิธีศพของ เรือนใหญ่ตระกูลจางจบลงไปในชั่วข้ามคืน ทั้งยังเห็นว่า ญาติมิตรของคนตระกูลจางเข้าออกเรือนด้วยฝีเท้าเร่งรีบอย่าง ไม่หยุดหย่อนและไม่มีการเคารพศพใดๆ
“จัดสามวันหรือห้าวันกันนะ”
“ฝังไปแล้วหรือ เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้ นี่ก็เพิ่งจะวันที่สาม
คนตามท้องถนนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอดไม่ได้
เมื่อเทียบกับความครึกครื้นภายนอก ในเรือนตระกูลจาง
นั้นเงียบสงัดนัก
จางเหล่าฮูหยินนั่งอยู่เพียงลำพัง ท่าทางคร่ำเครียด ลูกชายยืนปรนนิบัติเคียงข้าง เขาดูเหม่อลอยเล็กน้อย
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจอแจดังมาจากด้านนอก ตามมาด้วยสาว ใช้สองคนที่ฝีเท้าเร่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“เหล่าฮูหยิน ฮูหยินน้อยกับคนบ้านสะใภ้มากันแล้วเจ้าค่ะ” พวกนางกล่าว
ท่านชายใหญ่ตระกูลจางหน้าซีดเผือดทันใด
“ท่านแม่” เขาเรียก
จางเหล่าฮูหยินหน้าตาเคร่งเครียด
หากลูกสะใภ้คนนี้ตายไป บ้านตระกูลหันเอาเรื่องเราไม่ หยุดแน่ แต่ตอนนี้แม้ลูกสะใภ้จะไม่ตาย ทั้งยังรู้ต้นสายปลาย เหตุอย่างชัดเจนแล้ว ทว่าคนบ้านตระกูลหันก็ไม่ยอมเลิก รังควานเสียที
จริงๆ เลย! จางเหล่าฮูหยินไม้เท้าไว้แน่น โชคร้ายของ ตระกูลเสียจริง!
เสียงฝีเท้าลอยมา คนบ้านตระกูลหันเข้ามาแล้ว
เหล่าสาวใช้มองดูสาวใช้คนหนึ่งพยุงฮูหยินน้อยเดินเข้า มา ในใจล้วนรู้สึกแปลกๆ
คนที่เดิมทีนอนอยู่ในโลงฟื้นชีพขึ้นมาจริงๆ!
จางเหล่าฮูหยินไม่ได้ขยับตัว ท่านชายใหญ่มองดูกลุ่มคน บ้านตระกูลหัน โดยเฉพาะนายใหญ่บ้านตระกูลหน
ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว จนต้องไปยืนหลบหลังท่านแม่
“ท่านแม่” ฮูหยินน้อยเข้ามาก็คุกเข่าลง เสียงสะอื้นตะโกน ว่า “สะใภ้ผิดเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่ลูกบ้านตระกูลจางต่างประหลาดใจ
“สะใภ้เถียงท่านแม่ ทั้งยังกรีดข้อมือฆ่าตัวตายอีก ทำท่าน แม่ตกใจ” ฮูหยินน้อยพูดไปร้องไห้ไป
นี่ผีหลอกหรือนี่!
แม่ลูกตระกูลจางหน้าตาตกตะลึง
หนอนเหนียงสารภาพความในใจต่อ แม่ลูกตระกูลจาง ต่างโล่งอกเบาใจไป
ชัดเจนว่าคนบ้านตระกูลหันปรึกษากันมาก่อนแล้ว ถึงแม้ ท่าทางจะดูไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร แถมนายใหญ่บ้าน ตระกูลหันยังแสร้งทำที่ตักเตือนน้องสาวตัวเองอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าคนบ้านตระกูลหันไม่ได้แสดงละคร จางเหล่า หยินก็โล่งอก น้ำตาคลอพยุงสะใภ้ และขอโทษอย่างจริงใจ บอกว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งเรื่องของสามีภรรยา พูดจบ แม่สามี กับลูกสะใภ้ก็พยุงกันร้องไห้กันไปพลาง
อย่างไรเสียก็เป็นคนบ้านเดียวกันที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกัน อย่างนี้ทั้งสองฝ่ายก็ต่างก็ไม่เสียหน้า ทุกคนในที่นั้นต่างก็โล่ง อกไปตามกัน
หันอวิ๋นเหนียงลุกขึ้นนั่งบนเตียงค่อยๆ ดื่มน้ำแกงโสม หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปากเอง
“ท่านอา ท่านป่วยจริงๆ หรือ ทำพวกข้าตกใจกันไปหมด ภายในห้องมีรุ่นลูกหลานนั่งอยู่สองสามคน หนึ่งในนั้นกล่าว
หันอวิ๋นเหนียงเช็ดปากก้มหน้ากล่าว อืม
พอหันอวิ๋นเหนียงฟื้นขึ้นมา คำพูดของจางเหล่าฮูหยินก็ หลอกนายใหญ่ตระกูลหันมิได้อีกต่อไป แต่ว่ากันดีๆ แล้วเรื่องนี้บ้านตระกูลจางก็ไร้ความผิด ในเมื่อยังเป็นคนบ้านเดียวกันอยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องฉาวโฉ่ในบ้านแบบนี้จะให้คนนอกไม่ได้เด็ด ขาด เว้นเสียแต่ญาติไม่กี่คน ถึงอย่างไรก็ต้องบอกคนนอกว่า ป่วยแล้วทำพิธีล้างซวย
“หากไม่ใช่หมอเทวดาผู้นั้น ข้าคงตายไปแล้วจริงๆ” นาง เงยหน้ากล่าวอย่างอมยิ้ม
ทุกคนต่างพยักหน้ากัน และพากันถกเถียงเรื่องวิธีการ รักษาแปลกประหลาดของหมอเทวดา
“ฮูหยินน้อย สาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สีหน้ากังวลใจ “บ้าน แม่นางเฉิงไม่มีคนอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ค่ารักษาจางเหล่าฮูหยินได้ให้ไปแล้ว แต่หลังจากนั้นอน เหนียงรู้ข่าวก็ยังให้คนไปขอบคุณอีกครั้ง ทั้งยังอยากจะเชิญมา ขอบคุณด้วยตนเองอีก
ไม่มีคนแล้วหรือ หันอวิ๋นเหนียงตกใจอย่างมาก
“ไปแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
“ทำไมอยู่ดีๆ ก็ไปแล้วเล่า” หันอวิ๋นเหนียงถาม สาวใช้กลับตอบว่าไม่รู้
“แม่นางเฉิงหรือ” หลานคนหนึ่งถามขึ้น “คนที่อาศัยอยู่
ข้างบ้านใช่หรือไม่”
ทุกคนมองไปที่เขา
“ใช่ นางเอง” หันอวิ๋นเหนียงกล่าว มองไปที่ชายหนุ่ม “หยวนเจา เจ้ารู้จักด้วยหรือ
หันหยวนเจ้าหัวเราะ
“อันที่จริงเมื่อวานข้าได้ตอบแทนบุญคุณแทนท่านอาไป แล้ว” เขากล่าว แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง
เมื่อพูดจบ หันอวิ๋นเหนียงก็สีหน้าคร่ำเครียด
“ถ้าอย่างนั้น แม่นางเฉิงผู้นั้นคงจะหนีภัยไปแล้วเป็นแน่ นางกล่าว ผ้าเช็ดหน้าในมือไว้แน่น ในแววตาโกรธเคือง “ไป ตามอาหลังมา
ข่าวแม่นางเฉิงจากไปก็คงถึงหูคนไม่ประสงค์ดีในไม่ช้า
“ไปตั้งแต่กลางคืนแล้วหรือ” ชายชุดดำตระกูลเฉากล่าว อย่างโมโห
แค่พวกเขาประมาทไปเพียงคนเดียว คนก็หนีไปเสียแล้ว!
ด้านนอกมีคนท่าทางรีบร้อนวิ่งเข้ามา
“นายท่าน หาไม่เจอขอรับ เมื่อคืนมีรถม้าห้าคันออกเมือง ล้วนไปกันคนละเส้นทางทั้งสิ้น” คนผู้นั้นคุกเข่าตอบกลับ
ชายชุดดำตกใจยิ่งกว่าเดิม จับถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเขวี้ยง
ลงพื้น
“หญิงผู้นี้ช่างว่องไวนัก!” เขากล่าวน้ำเสียงโกรธแค้น ชื่อเสียงหมอเทวดากำลังจะโด่งดัง หากเป็นผู้อื่นคงไม่จากไปเช่นนี้แน่ คาดไม่ถึงเลยว่าแม่นางเฉิงผู้นี้จะจากไปปุบปับ เช่นนี้
“คนชั้นต่ำเช่นนั้น ทำการใหญ่มิได้หรอก เสียดายตำรับ วิชาแพทย์เสียจริง!! ชายชุดดำกล่าวอย่างโมโห ทั้งยังเร่งเร้า คนรับใช้ “ไปหามา รถม้าเพียงห้าคันเท่านั้น ไปตามสืบมา!”
พูดไม่ทันขาดคำ ก็มีคนวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอีก
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ เกิดเรื่องแล้ว” ครั้งนี้เป็นลูกชายของเขา หน้าตาตื่นตระหนก “ทางการส่งคนมาปิดร้านยาเรา!”
ชายชุดด่าตกใจใหญ่
“เพราะเหตุใด” เขาถาม
“ไม่รู้ขอรับ ไม่พูดอะไรสักอย่างก็ปิดร้านเรา!” ลูกชาย
ตะโกน
เขาไปล่วงเกินใครเข้าแล้ว!
ชายชุดดำสีหน้าซีดเผือดอย่างคุมไม่ได้
สั่งนายอำเภอให้มาปิดร้านตัวเองได้ นี่กะจะเอาให้ถึงตาย เชียวหรือ!
ล่วงเกินใครกัน เหตุใดจึงกระทันหันเช่นนี้
สองวันต่อมา เรื่องที่ฮูหยินน้อยตระกูลจางจัดพิธีศพเพื่อ รักษาอาการป่วยก็แพร่กระจาย และวิธีนี้มีที่มาจาก —
แม่นางเฉิงก็ถูกแพร่งพรายออกมาด้วย ในที่สุดชายชุดดำก็รู้ว่าตนล่วงเกินใครเข้า แต่ถึงจะรู้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
ราชวงศ์ต้าโจวรัชสกเฉียนหยวนปีที่ห้าเดือนห้า อำเภอกง เจียงเกิดเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้คนทั่วไปบนท้องถนนถูกกันสนุก ปากอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือฮูหยินน้อยตระกูลจางตายแล้วฟื้น คืน เรื่องสองคือร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ โรงยาตระกูลเฉา ถูกปิดเนื่องจากมียาปลอมปะปน แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะเห็น ความเกี่ยวโยงของสองเรื่องนี้
ข่าวทั้งสองกลายเป็นหัวข้อที่ในเมืองนั้นถูกกันอย่างสนุก ปาก กลบเรื่องของแม่นางเฉิงที่รักษาโรคประหลาดไปโดยสิ้น เชิง โดยเฉพาะเรื่องที่แม่นางเฉิงผู้นั้นไปจากเมืองนี้ไปแล้วก็ แทบจะถูกลืมเลือน ก็อย่างที่ว่ากันว่าเทพเซียนที่ผ่านมามักจะ อยู่ไม่นาน
แต่ก็ยังมีคนที่เคยลืม
“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ” สาวใช้ผู้หนึ่งนำโฉนดบ้านแผ่นหนึ่ง ยื่นให้ “ซื้อบ้านหลังนั้นมาแล้วเจ้าค่ะ”
หนอนเหนียงยื่นมือรับมา
“นี่ไม่ใช่บ้านของนางสักหน่อย เจ้าจะขอบคุณนางยังมีวิธี อื่น ซื้อเรือนที่ไม่มีความเกี่ยวพันธ์มาเพื่ออะไร
ท่านชายใหญ่ตระกูลจางพูดอยู่ข้างๆ
“นางเป็นคนมีพระคุณช่วยชีวิตข้า เสียดายที่แม้แต่นาง หน้าตาอย่างไรข้ายังไม่รู้ บ้านหลังนี้นางเคยอาศัยอยู่
ข้าซื้อไว้ รอนางกลับมาข้าจะมอบให้นาง” หันอวิ๋นเหนียง
ท่านชายใหญ่ส่ายหัว ใจหญิงนี้ช่างยากแท้หยั่งถึง
“ไม่รู้นางมาจากไหน ยิ่งไม่รู้ว่านางจะไปที่ใด ช่างเป็นคน ประหลาดนัก” เขากล่าวก่อนจะลุกไปอ่านหนังสือที่อื่น
ไม่รู้นางมาจากไหน ไม่รู้นางไปที่ใด ไม่รู้หน้าตานาง ไม่รู้ จักชื่อนาง มากลางดึก ไปกลางดึก ถึงตอนนี้ผู้คนบนท้องถนน ไม่มีใครพูดถึงนางอีก หากไม่ใช่เพราะตัวเองประสบพบเจอกับ ตัวเอง คงสงสัยว่าอำเภอลงเจียงเคยมีคนผู้นี้มาเยือนจริงหรือ
หันอวิ๋นเหนียงมองดูโฉนดบ้าน ในมือ บนโฉนดไม่ได้เขียน ชื่อตนเอง แต่เว้นว่างไว้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเดิมชื่อแม่นางเฉิง อีกหรือไม่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ