การโต้กลับของหมอหญิง

บทที่ 6 ช่วยเหลือ



บทที่ 6 ช่วยเหลือ

บทที่ 6 ช่วยเหลือ

จะทำอย่างไรดี

“พวกเจ้าจะทำอะไร” ปั้นฉันตะโกน แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ ยังขวางประตูไว้อย่างแน่นหนา

“จะทำอะไรหรือ ก็รักษาโรคอย่างไรเล่า!” ชายผู้นั้น ตะโกนพร้อมมองนางอย่างเกลียดชัง “เจ้าบอกว่าคนไม่ตายไม่ รักษาไม่ใช่หรือ ตอนนี้คนใกล้ตายแล้ว พวกเจ้ายังไม่รักษาอีก เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรืออย่างไร”

เมื่อเขาพูดจบก็มีคนหัวเราะออกมา

“ในเมื่อคนใกล้จะตายแล้ว ก็รีบไปแจ้งขุนนางเสียสิ เสียงของผู้ชายดังขึ้น

ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลจาง บรรพบุรุษตระกูลใหญ่แห่งอง

เจียง บริเวณโดยรอบไม่ค่อยมีผู้อื่นพักอาศัย มีเพียงบ้านไม่กี่

หลังที่ว่างอยู่ เนื่องจากทำเลชื้นแฉะจึงรกร้าง หากมีเรื่องอะไร

เกิดขึ้นมักจะไม่มีคนมามุงล้อม อีกทั้งบ้านตระกูลจางกำลังจัด

พิธีศพ ยิ่งไม่มีคนนอกเข้าใกล้ แต่จู่ๆ มีคนเข้ามายุ่งได้อย่างไร

แถมยังมาพูดจาถากถางกันอีกต่างหาก

“ไอ้คนไหนมันไม่มีลูกกะตา…” ชายหนุ่มสองคนหันไปหาต้นเสียงด้วยความหงุดหงิด

แต่ก็เห็นเพียงชายสามคนกับม้าอีกหนึ่งตัวที่ไม่รู้ว่าเป็น เข้ามาตั้งแต่เมื่อใด บนม้ามีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมฤดูร้อนแขน ยาว สวมงอบไม้ไผ่ ดูท่าทางเหนื่อยล้า เหมือนคนกำลังเดินทาง มาอย่างรีบเร่ง ม้าตัวนั้นหยุดลงแล้วหันมองมาทางพวกเขา

“กล้าดีอย่างไรถึงเสียมารยาทกับท่านชายเช่นนี้ เมื่อ ได้ยินชายสองคนนั้นตะโกนขึ้น ชายเสื้อดำทั้งสองที่ติดตาม ท่านชายหนุ่มน้อยก็เลิกคิ้วพร้อมตะโกนกลับ

ท่านชายหรือ มองดูการแต่งตัวของหนุ่มคนนี้อีกที ไม่ เหมือนชาวบ้านธรรมดา ชายสองคนสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย

“ท่านชายไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อย่าพูดจาเหลวไหลจะดี กว่า” ชายหนึ่งในนั้นกล่าว

“ข้ามองดูอยู่ตลอด” ท่านชายผู้นั้นเอ่ย พร้อมยกมือขึ้น

ถอดงอบออก “กลางวันแสกๆ ยังหลอกลวงคนได้

เสี่ยวลิ่ว เจ้านประกาศของข้า ไปถามใต้เท้าฉันปลัด อำเภอถงเจียงดูสิว่า เขาดูแลเรื่องนี้หรือไม่”

พอได้ยินท่านชายพูดว่าเฝ้ามองดูอยู่ตลอด ชายสองคนก็ เริ่มกระสับกระส่าย ยิ่งพอได้ยินท่านชายพูดถึงท่านปลัดอำเภอ ก็ยิ่งร้อนรน เมื่อเห็นทางที่ท่านชายกำลังมุ่งไปคือบ้านตระกูล จางที่กำลังจัดพิธีศพอยู่ เพื่อนสนิทมิตรสหายของตระกูลจาง ล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าผู้ที่มีอำนาจทั้งสิ้น ดูแล้วพื้นเพของท่าน ชายผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดา
“ได้ ในเมื่อท่านชายจะไปหาปลัดอำเภอ อย่างนั้นพวกเรา ก็จะไปร้องกับขุนนางก่อนเหมือนกัน! ชายหนึ่งในนั้นตอบกลับ ในทันที เสียงตะโกนฟังดูเกรี้ยวกราด แต่พอตะโกนเสร็จกลับ รีบหันหลังวิ่งหนีไป

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ชายอีกคนแม้จะตอบโต้ช้าไปบ้าง แต่ ก็ทิ้งคำขู่ไว้ก่อนจะวิ่งตามออกไป

เพียงชั่วพริบตา หน้าเรือนก็เหลือเพียงหญิงสาวที่นอนอยู่ บนพื้น

ปั้นฉันดึงสติกลับมามองดูหญิงนางนั้นด้วยอย่างร้อนใจ

“นายหญิงเจ้าคะ มีหญิงผู้หนึ่ง…” นางกัดฟันก่อนจะหัน หลังตะโกนเข้าไปในบ้าน ขณะที่กำลังจะอธิบายอาการบาดเจ็บ ของนาง ท่านชายผู้นั้นก็หัวเราะขึ้นมา

“เสี่ยวลิ่ว มีคนตาย พวกเจ้ารีบหามไปหาขุนนาง ให้หมอ

ผ่าศพ… เสียงพูดของเขาดังก้อง

ยังไม่ทันพูดจบ หญิงที่นอนอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นอย่าง ทุลักทุเลแล้ววิ่งหนีไปทั้งที่ยังไม่ได้เก็บของบนพื้น

เพียงพริบตาเดียวก็หายไปไร้เงาคน

ท่านชายหนุ่มน้อยกับคนติดตามสองคนหัวเราะเสียงดัง ปั้นฉันอึ้งไปสักครู่แล้วก็หัวเราะตาม อดไม่ได้ที่จะเดินออกมาดู ของที่อยู่บนพื้น

“นั่นมันกระดานเหล็กนี่ ที่ออกจากปากหญิงผู้นั้นคงจะเป็นเลือดไก่” ท่านชายหนุ่มน้อยกล่าว

ปั้นฉันเห็นท่านชายหนุ่มน้อยก็รีบก้มหัวทำความเคารพ

“ขอบคุณท่านชายที่ช่วยเจ้าค่ะ” นางกล่าว

“ไม่ต้องมากพิธี นี่เป็นหน้าบ้านท่านป้าของข้า ข้าไม่ยอม ให้อันธพาลไร้หัวนอนปลายเท้าพวกนี้มารังควาญ มาทำเสีย หน้าหรอก” ท่านชายหนุ่มน้อยพูดจบ เขาไม่ได้หันมาหาปั้นฉัน แต่กลับควบม้าจากไป

“ปั้นฉิน”

เสียงเรียกของเฉิงเจียวเหนียงลอยมาจากในบ้าน ปั้นฉันรีบหันไป ยังไม่ทันกลับตัว ประโยคถัดไปก็ดังตาม “ถามชื่อแซ่ของเขา วันหน้าจะได้ทดแทนบุญคุณ ปั้นฉันไม่หันกลับ แต่รีบตามท่านชายที่ควบม้าออกไป

น่าจะเป็นครั้งแรกที่เสียงของเฉิงเจียวเหนียงดังเช่นนี้ ดัง จนกระทั่งท่านชายผู้นั้นยังได้ยิน เขายิ้มพลางมองดู

ฉินที่วิ่งตามมา

“เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ผู้ใดก็ทำได้ ไม่นับเป็นบุญคุณ อะไร” เขายิ้มกล่าว พูดเสร็จก็ควบม้ามุ่งหน้าไปไม่หยุด

คนติดตามวิ่งตามมา ปั้นฉันเร่งฝีเท้าตามไปไม่กี่ก้าว ก็ เห็นว่าท่านชายเข้าไปในบ้านตระกูลจาง
ปั้นฉันเป็นห่วงนายหญิงจึงรีบกลับไป

เฉิงเจียวเหนียงยังคงนั่งอยู่หลังฉากกั้นลม หน้าตาเหมือ ลอยอีกทั้งยังหอบเล็กน้อย

“นายหญิง” ปั้นฉันตกใจสุดขีด นางคุกเข่านั่งลง

เฉิงเจียวเหนียงมองดูนาง สายตาบ่งบอกว่าข้าไม่เป็นไร ปั้นฉินใจเริ่มสงบ นายหญิงไม่ได้เสียสติ

ผ่านไปเพียงครู่เฉิงเจียวเหนียงเริ่มพูดออกมาช้าๆ “เมื่อครู่ ตะโกนคำนั้นไป เหนื่อย” นางกล่าว

นี่เป็นการอธิบายว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ปั้นดินทั้งดีใจทั้ง

เสียใจ

“ข้าทำนายหญิงตกใจ” นางก้มหัวปาดน้ำตากล่าว “ไม่ได้ตกใจ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว “เป็นเรื่องเข้าใจได้

มีคนร้ายมาถึงบ้านเป็นเรื่องเข้าใจได้อย่างไรเล่า ปั้นดิน

ไม่เข้าใจ

เฉิงเจียวเหนียงไม่ได้พูดต่อ เดิมทีนางอยากอธิบาย แต่ ทว่าพูดจายากลำบากเหลือเกิน จึงไม่พูดเลยเสียดีกว่า

ปั้นฉันก็ปล่อยทิ้งไปไม่คิดต่อ แค่นายหญิงไม่กลัวก็วางใจ

แล้ว

“ท่านชายผู้นั้นเดินเข้าประตูบ้านตระกูลจางไป ทั้งยังเรียก ที่นี่ว่าบ้านของท่านป้า น่าจะอายุราวสิบเจ็ด
สิบแปดได้” นางกล่าว

เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้าเล็กน้อย หากแต่การพยักหน้านี้ คนนอกคงดูไม่ออก

“จางเหล่าฮูหยินอายุปูนนี้แล้ว ไม่น่าจะมีหลานอายุน้อย เพียงนี้ น่าจะเป็นหลานฝั่งมารดาของฮูหยินน้อยสกุลหัน” นาง กล่าว มองดูปั้นฉัน “การช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยบนโลกนี้มี มากนัก แต่กลับไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนยินยอมทำ ปั้นฉัน

ข้าความจำไม่ดี เจ้าช่วยข้าจดไว้”

ปั้นฉันรับค่ คลานเข่าเข้าไปหน้าโต๊ะเตี้ยข้างๆ บนโต๊ะมี พู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก นางเขียนตัวหนังสือสอง สามตัวบนกระดาษอย่างตั้งใจ

“นายหญิง เราไปกันเลยไหมเจ้าคะ” นางเหมือนนึกอะไร

ได้จึงกล่าวถาม

“ไม่รีบ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว

ในเมื่อนายหญิงบอกไม่รีบ ปั้นฉันก็ไม่รีบ นางหันกลับมา เขียนต่ออย่างยากลำบาก

ในเวลาเดียวกัน ณ เรือนแถวตลาดตะวันออกกลางเมือง ชายฉกรรจ์สองคนกับหญิงหนึ่งนางก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้น

“แต่ก็โทษพวกเจ้าไม่ได้” ชายชุดดำหน้าตาคร่ำเครียด นั่งพูดอยู่บนแคร่เถาวัลย์ในเรือน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สามคนที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านก็โล่งอก ค่านับขอบคุณ

“ท่านพ่อ” ชายผู้หนึ่งรีบร้อนเข้ามา “ท่านชายผู้นั้นมาจาก สกุลหันแห่งเมืองซูโจว วันนี้มาเพื่อร่วมพิธีศพ ไม่ได้มีความ สัมพันธ์กับแม่นางเฉิงมาก่อน”

ได้ยินเขาพูดดังนั้น ชายชุดดำจึงพยักหน้าอย่างโล่งอก

เช่นกัน

ขอเพียงไม่มีบ้านตระกูลจางหรือตระกูลหันหนุนหลังเป็น

พอ

“ข้าเองที่ผลีผลาม พิธีศพสะใภ้สกุลหันของบ้านตระกูล จาง ต้องมีคนเข้าออกมากมาย ข้าไม่ควรรีบร้อนเข้าไปตอนนี้ เขากล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ค่อยๆ วางแผนแล้วกัน”

สามคนนั้นตอบรับ แล้วถอยออกไป

“ท่านพ่อ แม่นางเฉิงผู้นั้นฝีมือในการรักษาเหนือคนจริง หรือ ถ้าอย่างนั้นนางน่าจะเป็นศิษย์มีอาจารย์ หากเราคาดคั้น ตำรับยาจากนางได้ ก็คงจะ…” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างกังวลใจ เล็กน้อย

“นางมิใช่ยอดฝีมือหรอก คนไข้รายก่อนๆ ที่นางรักษา หายนั้น ไม่มีคนไหนอาการเหมือนกันเลยสักคน แต่กลับหาม เข้าไปไม่นานก็หายทั้งสิ้น ขนาดใบสั่งยาหลังรักษาก็ไม่เคยให้ ไม่เป็นไปธรรมเนียมของหมอทั่วไป ดังนั้นจะต้องมีวิชา ที่ทำให้ คนตายฟื้นคืนได้อยู่ในมือเป็นแน่” ชายชุดดำกล่าวหน้าตายิ้ม แย้ม
ชายหนุ่มได้ยินแล้วครุ่นคิดพลางพยักหน้า

“หากโรงยาตระกูลเฉาของเราได้วิธีรักษานี้มา ก็ถือเป็น เรื่องโชคดีอย่างมาก” เขาเอ่ยสีหน้าตื่นเต้น ราวกับว่าได้วิธีการ รักษาไว้ในกำมือแล้ว

“ในบ้านนั้นมีแค่นายบ่าวเพียงสองคนหรือ” ชายชุดดำ ถามอีกครั้ง

ชายหนุ่มพยักหน้า

“มีแค่นายบ่าวสองคนนี้ แต่เห็นเพียงตอนคนไข้ของแม่ นางเฉิงนอนสลบ คนที่อนุญาตให้เข้าไปได้ ก็ให้อยู่นอกห้อง แม่นางเฉิงก็แทบไม่ได้พูดจา จึงไม่รู้จักหน้าตาและอายุของแม่ นางเฉิง แต่ดูจากเงาแล้วน่าจะหญิงอายุราวยี่สิบสามสิบ” เขา กล่าว

“ไม่เป็นไร อีกสองสามวัน เราก็จะได้เจอตัวเป็นๆ แล้ว ชายชุดดำกล่าวพลางยิ้ม

ชายหนุ่มถอดเปี๊ยะไม้ เขาสวมถุงเท้าผ้าก้าวเข้าไปในห้อง ก่อนจะนั่งบนเบาะรองนั่ง

“ท่านพ่อ หากถึงเวลานั้น คนบ้านตระกูลจางหรือตระกูล หันมาออกหน้าขัดขวางอีกเล่า” เขาถามขึ้น

ตระกูลจางหรือตระกูลหัน ล้วนแต่ไม่ใช่คนที่พ่อค้าตัว เล็กๆ อย่างพวกเขาจะมีเรื่องด้วยได้

“คนเมืองอื่น ไร้ญาติขาดมิตร เขาจะขัดขวางเพราะเหตุใด” ชายชุดด่าขมวดคิ้วกล่าว “อย่างไรเสียนางก็อยู่หน้าบ้าน ตระกูลจาง แต่ไหนแต่ไรมาตระกูลจางถือตัวสูงศักดิ์ไม่ยุ่งเกี่ยว โลกภายนอก ครั้งหน้าพวกเจ้าระวังหน่อยเป็นพอ

ชายหนุ่มหมดความกังวล และตอบรับด้วยความดีใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ