การประกาศความรัก

ตอนที5



ตอนที5

“อะ แจ่ม!”

กลีบบัวที่กำลังซื้อเก็บมะยมบนต้นสะดุ้งโหยง ก่อนจะหัน กลับไปมองตามเสียงที่อยู่ด้านหลังเธอ

“คุณ…”

“คุณหญิงย่าอรุณรุ่งบอกให้เรียกว่าอะไร

“พี่หมอกค่ะ… ”

“ก็เรียกซะสิ แล้วนี่ทำอะไรอยู่

ถามแก้เก้อแล้วหันหนีเมื่อเห็นเธอมองจ้องหน้า

“เก็บมะยมค่ะ จะเอาไปทำมะยมเชื่อมให้คุณย่า”

“เอาถึงเหรอ ขามีแค่นั้น

กระตุกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปเก็บให้

“อ้าว มาเอาเก็บให้ อยู่ในป่านานๆเดี๋ยวยุงได้หาม เหมือนเมื่อวานหรอก”

” ค่ะๆ”

กลีบบัวรีบเอาตะกร้าเข้าไปรับมะยมจากมือเขาถึงแม้ว่าจะงงๆกับพฤติกรรมของเขาก็เถอะ

ต่างคนต่างเงียบไปซักพักแต่มะยมก็ยังมีมาใส่ตะกร้า เรื่อยๆ จนกระทั่งคนเก็บหยุดมือและหันมามองหน้าเธอ

ไปเก็บต้นนั้นดีกว่า ลูกใหญ่ว่าต้นนี้อีกเยอะ

ค่ะ”

กลีบบัวเดินตามเขาเข้าไปในสวนด้านในที่มีแต่ต้นผลไม้ เล็กใหญ่หลากหลายชนิดที่กำลังออกดอกออกผลแตกต่างกัน ออกไป ซึ่งก็มีหลายต้นที่เธอรู้จักและมีอีกหลายต้นที่ไม่รู้จัก

ตุ๊บ!

“ขอโทษค่ะๆ”

กลีบบัวรีบยกมือไหว้ขอโทษเมื่อเขาหยุดเดินแล้วไม่บอก ทำให้เธอที่กำลังมองดูต้นไม้รอบตัวอยู่เดินชนเข้ากับแผ่นหลัง เขาเต็มๆ

“นอกจากขาจะสั้นแล้วยังซุ่มซ่ามได้อีก”

บ่นพึมพำอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะยื้อแขนขึ้นไปเก็บมะยม ลูกใหญ่ที่อยู่บนต้นให้เธอ

ค่ะ พ่อคนขายาว…

กลีบบัวบ่นในใจ คำก็ขาสั้นสองคำก็ขาสั้น ใครจะไปขา ยาวเหมือนคุณพ่อล่ะคะ!
“บ่นอะไร”

กลีบบัวสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นมองตาเขาปริบๆ

อะ อะไรนะคะ”

“ถามว่าบ่นอะไร นินทาในใจเหรอ”

“เปล่าค่ะ”

เลี้ยงกุมารทองรึเปล่าเนี่ย…

เก็บมะยมกันไปได้ซักพักฝนก็เริ่มลงเม็ด กลีบบัวหันซ้าย หันขวามองหาที่หลบฝน

“ทางนี้”

มือสากคว้าหมับเข้าที่แขนเธอจากนั้นพาเดินเร็วๆไปตาม ทางข้างหน้าจนมาหยุดอยู่ที่ศาลาไม้หลังเก่าที่อยู่ติดกับรั้วบ้าน

นั่งราตรี เอ็งมาช่วยข้าดูซิว่านั่งหนูทั่วไปเก็บมะยมถึง ไหนกัน ฝนตกแรงขนาดนี้ยังไม่เห็นกลับมาบ้าน

ย่ารุณบอกลูกสาวพลางชะเง้อมองลงไปที่สวนข้างบ้าน

“ไอ้หมอกก็อยู่ด้วยจะห่วงอะไรเล่าแม่ เขาคงพากันไป

หลบฝนอยู่ศาลาปูนล่ะมั้ง ฝนหยุดเดี๋ยวก็พากันกลับมาเองนั่น แหละนะ”

“ให้อยู่สองต่อสองมันจะดีเหรอวะ”
“แม่คิดไปถึงไหนเนี่ย ไอ้หมอกหลานชายเรามันเป็น สุภาพบุรุษจะตาย ถึงหน้ามันจะเหมือนโจรก็เถอะ มันไม่ทำ อะไรนั่งหนูของแม่หรอกน่า

“ไม่รู้ล่ะยังไงมันก็ผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้ แถวนั้นยิ่งลับตาคน นั่งหนูบัวก็ยิ่งสวยอยู่ด้วย

แล้วจะให้ทำยังไง ฝนตกแรงขนาดนี้จะให้ฉันไปตามฉัน

ไม่ไปหรอกนะแม่ มานั่งนี่เร็วฝนสาดแล้วเดี๋ยวลื่นล้ม

กวักมือเรียกมารดาที่เดินวนไปวนมาให้เข้ามานั่งด้านใน ตัวบ้าน

“เอ็งไม่น่าบอกให้ไอ้หมอกมันตามนังหนูไปเลย

* อ้าว โทษฉันอีก แบบนี้แหละดีแล้วฟ้าฝนเป็นใจเขาจะ ได้มีเวลาทำความรู้จักกันมากขึ้น ไม่ดีตรงไหนแม่

ไม่ดีตรงที่ข้าไม่ไว้ใจไอ้หมอกหลานชายเอ็งนี่แหละ ใจ ข้าน่ะอยากให้ค่อยเป็นค่อยไป แต่กลัวมันจะกระโดดไปทางลัด น่ะสิ”

“ก็ดีไงแม่ แม่อยากอุ้มเหลนไม่ใช่รึไง”

” เอ๊ะนั่งนี่หนิ ยิ่งพูดก็ยิ่งจะไปกันใหญ่ ข้าไม่คุยกะเอ็ง

แล้ว”

ดุลูกสาวแล้วก็หันไปชะเง้อคอมองไปทางสวนหลังบ้าน ด้วยความร้อนรนใจ
อะไรของคนแก่เนี่ย เดี๋ยวก็อยากให้เขาได้กันไม่อยาก ให้คนอื่นมาแทรก พอเขาอยู่ด้วยกันก็กลัวเขาจะทำอะไรข้าม หัวข้ามหางตัวเองซะงั้น ”

ราตรีบนมแล้วส่ายหัวก่อนจะก้มลงแกะส้มโอไว้ทำยา ในตอนเที่ยงนี้…

ทางด้านของคนที่ติดฝนกันอยู่สองต่อสองก็ต่างคนต่างนิ่ง เงียบ และมองดูเม็ดฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก

เหมันต์ปรายตามองคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ทรงโบราณตัวยาว ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้โดยที่มีแค่ตะกร้ามะยมคั่นกลางไว้ เท่านั้น

“มาอยู่นี่แค่วันเดียวก็มีคนมาจีบซะแล้ว เสน่ห์แรงจริงเลย

กลีบบัวหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่พูดลอยๆ

“คุยกับเจ้าที่เหรอคะ”

เหมันต์หันขวับ ไม่คิดว่าเธอจะถามคำถามแบบนี้

“คุยกับเธอนั่นแหละ!”

“น้องบัวค่ะ คุณย่าคุณบอกให้เรียกหนูว่าน้องบัว

“เธอย้อนฉันเหรอ”
“เปล่าย้อนค่ะ แค่พูดตามคุณย่า ที่พี่หมอกยังพูดได้เลย

“หึ ฉันไม่เรียก”

“แล้วแต่ค่ะ”

“แล้วจะมาอยู่ที่นี่กี่วันละ

“ก็กะว่าจะมาซักสองสามวันค่ะ ต้องรีบกลับไปทำงานที่

ลูกค้าสั่งไว้

“ทํางานอะไร”

“ก็เย็บปักถักร้อยพวกงานฝีมือ แล้วแต่ลูกค้าจะจ้างค่ะ”

‘ท่าอยู่บ้านเหรอ” ”

* อยู่ห้องเช่าค่ะ ไม่มีบ้าน

” ไม่มาอยู่นี่กับย่าล่ะ ได้ยินย่าบอกจะชวนมาอยู่ด้วย

” ค่ะ คุณย่าชวนแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบหรอกนะคะ

ทำไม กลัวว่าจะอยู่ไม่ได้รึไง ใช่ที่นี่มันบ้านนอกคอก

นา อะไรๆก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในเมืองกรุง

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ อยู่ที่นั่นก็ลำบากเหมือนกัน ลำบากคนละอย่าง

ถ้าอยู่นั้นลำบาก ก็มาอยู่ที่นี่สิ อย่างน้อยก็มีย่า ดีกว่า อยู่คนเดียวให้น่าเป็นห่วง
ก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะ ถ้ามาอยู่ที่นี่งานที่ทำอยู่อาจจะไม่ ได้รับเพราะที่นี่คงหาดอกไม้สดยาก ไหนจะเรื่องขนส่งอีก แต่ ถ้าเป็นพวกเย็บปักก็คงพอทำได้ ว่าแต่แถวนี้มีงานอะไรให้ทำ เหรอคะ คุณย่าบอกมีงานให้ทำ

ทนากับทำงานในสวนกล้วย มีอยู่สองอย่าง เคยทำ เปล่าล่ะ”

“ไม่เคยค่ะ แต่ถ้ามีคนสอนก็คิดว่าทำได้ ถ้ามีคนกล้าจ้าง

นะคะ”

พูดกลั้วเสียงหัวเราะแล้วหันไปยิ้มให้คนข้างๆอย่างขบขัน เหมันต์มองใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแบบไม่เสแสร้งก่อนจะ เบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าใจเต้นตึกตักแรงกว่าปกติ

” ก็มาสฉันจะจ้างเอง ทดลองงานฉันให้วันละร้อยห้าสิบ ร้อยห้าสิบนี่ต้องทำอะไรบ้างคะ”

กลีบบัวถามยิ้มๆ

แบกเครือกล้วย ตัดหน่อกล้วย แพ็คหน่อกล้วยขายตา มออเดอร์ ถางหญ้า ตัดแต่งใบเสีย หลายอย่างแล้วแต่หัวหน้า คนงานจะให้ทำอะไร สวนฉันมีข้าวให้กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง ฟรีด้วยนะ สนใจมั้ย”

นี่พี่หมอกกำลังชวนหนูไปทำงานด้วย? ”

“เปล่า แค่เสนอทางเลือก เพื่อเธออยากมาอยู่นี่แต่กลัวไม่มีงานทําไง”

” ขอบคุณนะคะ ไว้จะเก็บไปคิดดู

อืม”

กลีบบัวยิ้มให้เขาอย่างผ่อนคลายไม่ได้เกร็งเหมือนก่อน หน้านี้ คุยๆไปเขาก็ไม่ได้มีอะไร แต่ที่เธอรู้สึกเกร็งในตอนแรก เห็นจะเป็นหน้าตาท่าทางและบุคลิกอันน่ากลัวของเขามากกว่า

” ฝนเริ่มซาแล้ว จะกลับบ้านได้รึยังคะ”

ซาบ้าบออะไรล่ะ ออกไปตอนนี้กว่าจะเดินถึงบ้านก็ เปียกพอดี ”

แต่หนูหายมานานแล้วนะคะ กลัวคุณย่าจะเป็นห่วงเอา

“ห่วงอะไร อยู่ในบริเวณบ้านใครจะมาทำอะไรเธอได้

“ไม่รู้สิคะ”

“หรือว่าเธอกลัวฉัน”

“ใช่ค่ะ พี่หมอกน่ากลัว ”

” ใช่สิ ก็ไม่ได้รูปหล่อแต่งตัวสะอาดสะอ้านเหมือนนาย ตำรวจหนุ่มลูกชายกำนัน

” เกี่ยวอะไรกับพี่เข้มคะ”

เรียกเขาว่าพี่ไปสนิทสนมกันตั้งแต่ตอนไหน

ก็พี่เขาเกิดก่อนก็ต้องให้เกียรติเรียกพี่สิคะ ทีพี่หมอกหนูก็ยังเรียกพี่ได้เลย หรือจะให้เรียกว่ายังไงคะ

” เป็นเด็กเป็นเล็กเถียงคำไม่ตกฟาก

ทำเล็งดุแล้วลุกขึ้นยืนหันหลังให้

จะกลับมั้ยบ้านน่ะ”

เอ้า ที่เมื่อกี้ชวนกลับยังบอกฝนซาบ้าบอ

กลีบบัวบ่นในใจแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะกร้ามะยม

ในมือ

* รออยู่นี่แป๊บนึง”

สั่งเสร็จก็เดินไปตัดใบกล้วยที่มีขนาดใหญ่พอที่จะใช้เป็น

ร่มกันฝนได้มายื่นให้เธอ

อะไรคะ”

“ใบกล้วยไง อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก”

“รู้จักค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเอามาให้ทำไม

“ใช้แทนร่มกันฝน เดี๋ยวหัวเปียก

ยัดก้านกล้วยใส่มือเธอแล้วเอาตะกร้ามะยมมาถือไว้เอง

“แล้วร่มของพี่หมอกล่ะคะ”

“ฝนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ชินแล้ว เดินนำไปส

กลีบบัวมองหน้าพ่อคนเอาแต่สั่งก่อนจะเดินนำหน้าเขาไปแต่โดยดี

แม่ๆ เขามากันแล้ว

ย่ารุณชะเง้อคอมองดูพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เอ็งไปกระตุ้นความรู้สึกไอ้หมอกมันยังไงมันถึงได้เดิน ห่างกันกับหนูบัวเป็นโยชน์ขนาดนั้นวะนังราตรี แล้วดูมันทำ หน้าสิ ”

ถามลูกสาวด้วยความสงสัยเมื่อเห็นหลานชายเดินหน้าทิ้ง อยู่ไกลๆ ในขณะที่กลีบบัวเดินมาจะถึงตัวบ้านแล้ว

ก็หลานเราเป็นสุภาพบุรุษไงแม่ มันถึงไม่เข้าใกล้เดี่ยว หนูบัวจะเสียหายเอา

“เฮ้อ… หายไปด้วยกันเกือบครึ่งชั่วโมงเองว่ามันจะคุยกับ

หนูบัวถึงสามคำมั้ยวะนังราตรี

” เขาก็คงจะคุยกันอยู่นั่นแหละแม่

ราตรียิ้มพอใจเมื่อเด็กสาวเดินมาถึงบันไดทางขึ้นบ้าน แล้วหยุดยืนรอหลานชายของตนที่เดินตามมา

” ไม่ขึ้นไปบนบ้านก่อนเหรอคะ”

กลีบบัวถามเมื่อเขายื่นตะกร้ามะยมให้เธอ

” จะไปทํางาน”
ตอบเสียงเรียบแล้วมองขึ้นไปข้างบนก็เห็นผู้เป็นป้านั่งยิ้ม

น้อยยิ้มใหญ่อยู่

วกสายตากลับมามองหน้าเธออีกครั้งก่อนจะเดินไปที่รถ มอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป

กลีบบัวมองตามแล้วหันไปตักน้ำล้างเท้าที่เปื้อนดิน จาก

นั้นจึงเดินขึ้นบันไดไป

“มาแล้วหรือลูก ติดฝนอยู่ล่ะสิ”

“ใช่ค่ะคุณย่า ได้มาไม่เยอะเท่าไหร่”

“อืม…มีแต่ลูกใหญ่ๆทั้งนั้น คงอยู่สูงล่ะเนี่ยหนูเอา ตะกร้อสอยไปด้วยล่ะสิ”

“เปล่าค่ะ พี่หมอกเก็บให้

ได้ยินแบบนั้นป้าราตรีถึงกับหันหน้าหนีไปยิ้มหน้าบานคน

เดียว

“พี่เขาไปด้วยเหรอลูก

ค่ะ พี่หมอกบังเอิญเดินไปเห็นหนูเก็บพอดีนะค่ะก็เลย เก็บให้ มันอยู่สูงหนูเก็บไม่ถึง

” แล้วพี่เขาพูดไม่ดีกับหนูรึเปล่า”

” ไม่นะคะคุณย่า”

” ออ จ่ะ”
ยิ้มให้ว่าที่หลานสะใภ้ด้วยความเอ็นดูจากนั้นจึงลงไปทำ มะยมเชื่อมกันที่ครัวด้านล่าง

ความหวังของฉันยังพอมีอยู่ใช่ไหม

มีค่ะคุณย่า มีแน่นอนค่ะหมอไรท์ฟันธง!!

จะอยู่เร้ออออ ไรท์กำลังรีไรท์เรื่อง มนต์รักภูตะวัน อยู่ เพื่อความฟินมากกว่าเดิม กลับไปอ่านทีไรก็ขัดๆยังไงไม่รู้ ก็ เลยจะแก้ใหม่ พี่หมอกมาวันละตอนก็พอแล้วม้างงงงง??


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ