ตอนที่2
คนที่ย่าจะให้เอ็งไปรับในวันพรุ่งนี้ คือคนที่ยาหมายมั่นปั้นมือ จะให้มาเป็นหลานสะใภ้ของย่า อย่าเพิ่งปฏิเสธเพราะย่าขอ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว น้องเป็นคนที่น่าสงสาร นอกจากเพื่อน ย่าที่เพิ่งจากไปน้องก็ไม่มีใครแล้ว เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ดูแล น้องต่อจากย่าของเขาให้ดีที่สุด ให้สมกับที่เพื่อนของย่า ฝากฝังให้เราดูแล อ้อ แล้วผมเผ้าหนวดเคราที่มันรกรุงรังอยู่เนี่ ยก็แวะไปตัดไปโกนให้มันสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลาให้ดูเป็นผู้ เป็นคนก่อนที่จะไปรับน้องด้วย เดี๋ยวน้องจะกลัวเอา เอ็งเข้าใจ ที่ย่าพูดมั้ย….
ถ้อยคำที่ออกจากปากผู้เป็นย่ายังคงดังกึกก้องในหูตั้งแต่ เมื่อวานจนมาถึงวันนี้
เหมันต์นั่งถอนหายใจพลางกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหา คนที่จะมาเป็นเมียในอนาคตของเขา
“อือ”
เอ่อ ใช่เบอร์คุณย่าอรุณรุ่งรึเปล่าคะ
“ใช่”
‘บัวมาถึงแล้วนะคะ
“อยู่ตรงไหน”
ถามพลางกวาดตามองหาเจ้าของเสียงใสที่ดังมาตาม
อยู่ตรงชานชาลาที่สองค่ะ ใส่เสื้อสีขาว
“เห็นแล้ว รออยู่ตรงนั้น
เหมันตกดวางแล้วขับรถเข้าไปใกล้
กลีบบัวมองคนขับรถที่ขับรถมาจอดตรงหน้าเธอ
กลีบบัวใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ย่ารุณให้มารับ ขึ้นรถส
“ค่ะๆ”
กลีบบัวกอดกระเป๋าเดินทางใบเล็กไว้แน่นแล้วรีบเปิด ประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งเมื่อรถทัวร์คันข้างหลับบีบแตรไล่
เอ่อ.. คุณลุง คุณพ่อเป็นลูกชายของย่ารุณหรอคะ”
กลีบบัวเอ่ยถามเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจาก บขส มาได้ซัก พักแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าคนขับรถจะชวนเธอคุยหรือทำความรู้จัก
กันเลยซักนิด
“เป็นหลาน”
“อ๋อ ขอโทษค่ะ เข้าใจผิด ”
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งรถพามาไกล จากตัวเมืองแล้วเลี้ยวเข้าไปในสวนกล้วยแห่งหนึ่ง
กลีบบัวกอดกระชับกระเป๋าไว้แน่นพลางมองสองข้างทาง ที่เต็มไปด้วยต้นกล้วยสลับกับมองหน้าคนขับรถเป็นระยะ
“บ้านคุณย่ารุณไปทางนี้เหรอคะ”
เธอจำได้ว่าย่าเคยพาเธอมาตั้งแต่จำความได้ และบ้าน ย่ารุณก็ไม่ได้มีป่ากล้วยเยอะมากขนาดนี้
“เปล่า”
“อ้าวแล้ว…”
“ขอแวะทำงานแป๊บนึง เสร็จแล้วเดี๋ยวจะพาไปหาย่า บอก
ย่าไว้แล้ว”
“ค่ะ”
เมื่อรู้เหตุผลที่ต้องเข้ามาในป่ากล้วยแห่งนี้แล้วเธอจึง เลือกที่จะเงียบและมองดูสองข้างทางไปเรื่อย
แม้แต่ผู้คนหรือรถที่สวนกันยังไม่มี อะไรจะวังเวงขนาด
“กลัวเหรอ”
กลีบบัวหันขวับเมื่อได้ยินเสียงคนขับรถเอ่ยถามหลังจากที่ นั่งรถมาราวครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ได้ออกจากป่ากล้วย
“กลัวอะไรคะ”
หัวเราะในลำคอแล้วจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดเทียบที่หน้า บ้านหลังเล็กหลังหนึ่งที่อยู่กั้นระหว่างป่ากล้วยกับทุ่งนา
“รออยู่นี่ เดี๋ยวกลับมารับ อยู่ได้มั้ย”
“ได้ค่ะ”
เหมันต์ปรายตามองว่าที่เมียอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่ มอเตอร์ไซค์คันเก่าแล้วจึงขับออกไป
กลีบบัวมองตามไปจนสุดสายตาแล้วหันรีหันขวางอยู่คน
เดียว จากนั้นจึงหอบกระเป๋าแล้วเดินไปนั่งที่แคร่เล็กหน้าบ้าน
“บรรยากาศดีจัง…”
พึมพำคนเดียวพลางสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ จาก นั้นกวาดตามองสำรวจรอบๆบ้านด้วยความสนใจ
ฝั่งนึงเป็นนาข้าวที่กำลังเขียวขจี อีกฝั่งเป็นป่ากล้วยที่ทอด เป็นแนวยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา ลมเย็นๆ พัดกลิ่นไอดินกลิ่น หญ้าที่หอมอ่อนๆมาแตะจมูกทำให้เจ้าตัวยิ้มน้อยๆ นั่งมองอยู่ ซักพักจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปดูต้นข้าวในนา ปลาในนาด้วย ความเพลิดเพลินจนลืมไปว่าแถวนี้มีเธอที่เป็นมนุษย์อยู่แค่คน..
“นั่งราตรีเอ้ย
ย่าอรุณรุ่งตะโกนบอกลูกสาวพร้อมกับชะเง้อคอรอ หลานชายกับว่าหลานสะใภ้อย่างใจจดใจจ่อ
“โทรจนหงิกแล้วแม่ โทรไม่ติดหมอกนั่นแหละ
บ๊ะจะติดได้ยังไง แล้วเบอร์นั่งหนูล่ะโทร
โทรล่ะแม่ เบอร์หนูบัวอยู่ในเครื่องแก่ของแม่ นุ่น เครื่องฉันไม่ได้บันทึกไว้
“เออ งั้นเองวะ”
แม่ยังไม่ว่าเก็บไหน แล้วฉันจะหาเจอได้ยังไง เล่าแม่ ห้องแม่สมบัติเยอะจนหนูเข้าไปทำรังแล้ว”
จริงจังนัก ห้องมารดาข้าวของไป หมดซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่หนังสือเก่าเอกสารเก่าเล่ม โดน ปลวกแทะจนจะหมดเล่มแล้วก็ยังเก็บไว้ จะไปเก็บไม่ ได้ สามวันแปดวันหูยังชาไม่หาย
เอ้อ บ้านนี้มันยังไงกัน ใช้ไม่ได้เรื่องทั้งลูกทั้งหลาน ช้า ไปหาเองก็ได้วะ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวฉันโทรถามตาเล็กให้ ว่ามันอยู่ในสวน เปล่า”
ว่าแล้วก็วางมือจากการทำกับข้าวมื้อค่ำไปหยิบโทรศัพท์ มาโทรหาหัวหน้าคนงานในสวนกล้วยของหลานชายให้
“ตาเล็ก แกเห็นไอ้หมอกรึเปล่า”
เห็น มันก็อยู่นี่ มีอะไร
บอกมันรีบกลับบ้านย่าด่วน ย่ามันกำลังจะโมโหโทโส ความดันขึ้นแล้วเนี่ย”
‘เออๆ’
ราตรีกดวางสายแล้วหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ที่ยืนเท้า
สะเอวรอฟังอยู่
“มันอยู่ในสวน เดี๋ยวมา
“ตายล่ะ แล้วนั่งหนูกลีบบัวของฉันอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย” คุณย่าอรุณรุ่งยกมือขึ้นทาบอกแล้วพึมพำด้วยความกังวล
” นั่งราตรี แกโทรไปใหม่ซินังหนูกลีบบัวอยู่ที่นั่นด้วยเปล่า”
“คงอยู่ด้วยกันนั่นแหละแม่ เดี๋ยวเขาก็มา หม้อจะไหม้แล้ว
ฉันจะรีบทำกับข้าว” แล้วราตรีก็เดินกลับไปทำกับข้าวต่อ ปล่อยให้ผู้เป็นแม่
บนกระปอดกระแปดอยู่บนเรือนคนเดียว
งานนี้มีหูชาแน่ไอ้หมอกเอ้ยยย…..
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ