ตอนที่ 75 ไม่อยากให้พี่สาวโดนรังแก
เมื่อได้ฟังที่สะใภ้เหล่าหลี่พูด สีหน้าของหลินซีนเยียนก็ เริ่มไม่สู้ดี เธอจึงยิ้มให้อย่างเก้อเขิน “ขอบคุณในความหวัง ดีของสะใภ้หลี่ แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าได้จากโลกนี้ไปแล้ว ข้าได้ไว้ทุกข์อยู่ 3 ปี ดังนั้นจึงไม่สามารถเอ่ยถึงงานมงคลได้
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร รอเจ้าไว้ทุกข์เสร็จ ก่อน แล้วค่อยเอ่ยถึงก็ยังทัน” หลังจากที่สะใภ้เหล่าหลี่เอ่ย ประโยคนี้ก็ได้ขอลากลับก่อน
เมื่อหลินซีนเยียนเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก็ไปส่งทั้งสองคน
ประตูหน้าบ้านปิดลง หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะถอน หายใจออกมา สะใภ้เหล่าหลี่นี่ช่างกระตือรือร้นเสียจริง
“คุณหนู แล้วขนมเทียน….. ” เอ้อร์ยาลังเลที่จะถาม
หลินซีนเยียนยิ้ม “พวกเจ้ากินเถอะ”
เมื่อได้รับอนุญาต เอ้อร์ยาก็รีบหยิบขนมที่ห้ออยู่ในถุง ออกมากิน นางอยากจะเรียกอี้เซ็งมากินด้วยกัน แต่เห็นอี้เซ็ง ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าไม่พอใจ
“พี่ หากไม่มีคนผู้นั้น พี่ก็สามารถแต่งกับคนดีๆได้” อี้เซิง รู้สึกเสียใจแทนเธอ หลินซีนเยียนยกมือขึ้นมาแล้วจิ้มไปบนกลางนะหว่างคิ้ว ของเขา “อี้เซ็ง เจ้าเพิ่งจะ 6 ขวบ ทำไมถึงเหมือนผู้ใหญ่ใน ร่างเด็กนัก จะว่าไป ข้าไม่คิดที่จะออกเรือน รอเจ้าอายุครบ 18 ป เมื่อเจ้าได้เติบใหญ่แล้ว ข้าก็จะออกบวชเป็นภิกษุณี”
อี้เชิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ พูดเล่น เขาจึงจับมือของหลินซีนเยียน “พี่ ทำไมต้องเป็น ภิกษุณีด้วย พี่ ท่านต้องออกเรือนนะ ต้องมีคนยอมแต่งกับพี่ แน่”
“อี้เชิง ทำไมสตรีต้องออกเรือนด้วย?” หลินซีนเยียนเห็น ว่าเขาร้อนรน ก็เริ่มรู้สึกสงสัยทันที
ใบหน้าของอี้เซิงซีดขาว ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเศร้า โศก “ท่านแม่ของข้า เพราะว่าแต่งออกเรือนไม่ได้จึงโดน คนในหมู่บ้านรังแก ข้าไม่อยากให้พี่ต้องโดนรังแกเพราะไม่มี คนพึ่งพา…
หลินซืนเยียนถอนหายใจ แล้วดึงเขามาสู่อ้อมอก ตบ หลังของเชาเบาๆ “เรื่องนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ท่านแม่ของเจ้า โดนรังแกก็ไม่ใช่ความผิดของนาง แต่เป็นความผิดของคนที่ รังแกท่านแม่ของเจ้า พวกเราต้องไม่ใช่ความผิดของคนอื่นมา ลงโทษตัวเอง แบบนี้มันจะไม่ยุติธรรมสำหรับเรา รู้หรือไม่?”
อี้เซิงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาเหมือนจะเข้าใจหรือไม่ เข้าใจ แต่ก็เชื่อว่าในสิ่งที่หลินซีนเยียนพูดล้วนถูกต้อง ทั้งหมด เอ้อร์ยากินขนมเทียนไป มองไปยังทั้งสองคน จู่ๆก็ร้อง อย่างตกใจขึ้นมา “ท่านแม่ของอี้เชิงไม่ใช่ท่านแม่ของคุณหนู หรอกหรือ? พวกท่าน….ไม่ใช่พี่น้องกันหรือ?”
สีหน้าที่ดูตกใจมากเกินไปของนางทำให้หลินซีนเยียน หัวเราะออกมา “ถูกต้อง อี้เชิงไม่ใช่น้องชายแท้ๆของข้า แต่ เขาก็เหมือนน้องชายแท้ๆของข้า ก็เช่นเดียวกับเจ้า เพียงแค่ เจ้าเต็มใจ เจ้าก็เรียกข้าว่าพี่สาวได้เหมือนกัน ข้าก็จะเป็นพี่ สาวแท้ๆให้กับเจ้า”
“พี่สาว… ” จู่ๆเอ้อร์ยาก็ปล่อยโฮออกมาทันที เพียงแต่ใน ชั่วขณะหนึ่งนางก็ตั้งสติแล้วส่ายหน้า “ไม่ได้เจ้าคะ ข้าเป็น บ่าว ไม่สามารถให้คุณหนูเป็นพี่สาวของข้าได้
หลังจากที่กล่าวจบ เอ้อร์ยาก็หอบถุงขนมเทียนแล้วหัน หลังวิ่งจากไป
หลินซีนเยียนมองแผ่นหลังของนางที่วิ่งจากไปก็ขมวด คิ้วอย่างไม่รู้ตัว เอ้อร์ยาคนนี้ถึงอายุจะไม่มาก แต่กลับให้ ความรู้สึกว่านางโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางเป็นสาวน้อยที่โตมา จากในชนบทจริงๆหรือ?
เช้าวันรุ่งขึ้น ที่ประตูหน้าบ้านก็มีเสียงเคาะดังขึ้น หลัง จากที่เอ้อ ยาจัดโต๊ะเสร็จแล้วก็เดินไปเปิดประตู เห็นเด็ก ชายที่น่าเอ็นดูวิ่งพรวดเข้ามา เด็กคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็น ลูกชายของสะใภ้เหล่าหลี่ที่เป็นเพื่อนบ้าน
หลินซีนเยียนพาอี้เซิงมานั่งลงนั่งเตรียมจะทานข้าว ก็มี เด็กผู้ชายวิ่งพรวดเข้ามาหา เขาเจาะจงวิ่งไปตรงหน้าของ เชิง หยิบลูกอมมาจากกระเป๋าแล้ววางลงตรงหน้าของอี้เซ็ง “ข้าชื่อว่าหูเอ๋อร์ เจ้าอยากไปดูการแข่งเรือมังกรด้วยกันกับ ข้าหรือไม่? หากเจ้าจะไปกับข้า ข้าจะให้เจ้ากินลูกอมนี่ ”
อี้เชิงมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหน้าหนีไป
ท่าทางของอี้เซ็งทำให้หูเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจจึงเดินจากไป อย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อหลินซีนเยียนเห็นก็เอ่ยขึ้น “อี้เซิง พวก เราไปดูการแข่งเรือกันเถอะ ข้าไม่เคยดูการแข่งเรือมาก่อน มี คนไปเยอะก็ยิ่งสนุกดีออก เอ้อร์ยา เจ้าอยากไปหรือไม่?
พอเอ้อร์ยาได้ยินก็รับพยักหน้าทันที “อยากไปเจ้าคะ! ”
ตาของหูเอ๋อร์ก็เบิกโพลงจ้องไปที่หลินซีนเยียน รอย ยิ้มนั้นดูจริงใจมากกว่าท่านแม่ของตนเสียอีก
อี้เซิงก็พยักหน้า
หลินซีนเยียนหัวเราะ หลังจากชวนหูเอ๋อร์มาทานข้าว เข้าด้วยกันก็พาเด็กทั้งสามคนออกจากบ้าน พอเดินไปสัก ระยะหนึ่ง จู่ๆเธอก็เรียกสติคืนมา อายุของตัวเองในตอนนี้ ไม่ใช่ 16-17 ปีเหรอ เอ้อร์ยาอายุก็ 13-14 ปี หูเอ่อร์กับอี้เซ็งก็ 6 ขวบกว่า เมื่อพวกเธอเดินออกจากบ้าน ทำไมถึงดูเหมือน เป็นแก๊งหมีน้อยจอมซนที่ชวนกันออกเดินเที่ยวยังไงยังงั้น
เมืองเพิ่งซีมีแม่น้ำอยู่ 1 สายชื่อว่าแม่น้ำหลี สืบเนื่องมา จากตั้งแต่ยุคแรกของสถาปนาแคว้นหนานเยว่ องค์ปฐม จักรพรรดิทรงล่องเรือในแม่น้ำและได้พบกับสตรีที่เขารักมาก ที่สุดในชีวิต แต่น่าเสียดาย สตรีนางนั้นเพิ่งจะได้รับความ โปรดปราน ป่วยตายทันที องค์ปฐมจักรพรรดิทรงเสีย พระทัยมากจึงไปตัดพ้ออยู่ริมที่แม่น้ำสายนี้ทุกวัน แต่หญิง งามได้จากไปแล้วไม่อาจหวนคืนกลับมา ดังนั้นองค์ปฐม จักรพรรดิจึงตั้งชื่อแม่น้ำสายนี้ว่าแม่น้ำหลีที่แปลว่าลาจาก
ตรงริมแม่น้ำหลีมีโรงน้ำชาตั้งอยู่มากมาย หลินซีนเยียน พาเด็กทั้ง 3 เข้าไปหนึ่งในโรงน้ำชาเหล่านั้น เลือกที่นั่งชั้น สองอยู่ติดกับหน้าต่าง เมื่อมองจากมุมนี้แล้วสามารถมองเห็น เรือแข่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำได้พอดิบพอดี
นักเล่านิทานของโรงน้ำชาเพิ่งจะเล่าตำนานขององค์ ปฐมจักรพรรดิอยู่พอดี เมื่อหลินซีนเยียนได้ฟังก็อดไม่ได้ที่ แค่นหัวเราะ หญิงสาว “ถูกส่งเข้าวัง ชีวิตดั่งจมสู่ก้น ทะเล”สตรีที่มีฐานะธรรมดาเช่นนั้นเมื่อเข้าวังแล้ว ยังจะมีชีวิต อย่างสงบสุขหรือ? มันก็เพียงแต่ทัศนียภาพภายนอกเท่านั้น
“เจ้าของร้าน ขอโต๊ะชั้นสองติดหน้าต่างด้วยโต๊ะหนึ่ง”มี เสียงแข็งกระด้างดังขึ้นมาจากหน้าประตูของโรงน้ำชา
เจ้าของร้านที่กำลังดีดลูกคิดเงยหน้าขึ้นมามอง เห็น เป็นคุณชายสวมชุดผ้าแพร 2 คน จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ทันที“เอ่อ แขกทั้งสองท่าน ต้องขอโทษจริงๆ ที่นั่งติดข้าง หน้าต่างตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว หากท่านไม่ถือสาอะไร เอาที่นั่ง ในห้องโถงใหญ่จะดีหรือไม่?”
“พวกเรามีเงิน! “ชายผู้นั้นก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ทำให้ เจ้าของร้านเริ่มมีสีหน้าลำบาก
ในขณะที่เจ้าของร้านไม่รู้ว่าเอาใจแขกทั้ง 2 ท่านนี้ อย่างไร ก็ได้ยินเสียงคุณชายอีกคนเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องแล้ว ข้ามี เพื่อนอยู่ที่นี่ พวกเราไปขอร่วมโต๊ะก็ได้ “พอเอ่ยขึ้นเขาก็เดิน ขึ้นไปชั้นสองทันที
หลินซีนเยียนที่กำลังถือถ้วยซาอยู่ก็เห็นอินฉีกับจิ้น เดินขึ้นบันไดมา เธอก็ลุกขึ้นแล้วย่อตัวทำความเคารพ
“แม่นางหลินก็มาชมการแข่งเรือหรือ?”ไม่ใช่อินฉีเอ่ยทัก ขึ้นก่อน กลับเป็นจิ้นฉู่ที่ดูกระตือรือร้น
หลินซีนเยียนพยักหน้า และรู้สึกชื่นชมคนอย่างจิ้นฉู่ที่มี นิสัยตรงไปตรงมาเช่นนี้
“แม่นางหลิน โต๊ะที่นั่งติดหน้าต่างเต็มหมดแล้ว จะเป็นไป ได้หรือไม่ หากว่าพวกเราสองคนขอร่วมโต๊ะด้วย?”อินฉี ประสานมือคํานับแล้วเอ่ยถาม
“ใต้เท้าอินเป็นผู้มีพระคุณของซีนเยียน ไหนเลยจะต้อง เกรงใจขนาดนี้ เพียงแค่ใต้เท้าอินไม่ถือสาก็พอแล้ว ”
หลินซีนเยียนผายมือเชื้อเชิญ อินฉีได้นั่งลงฝั่งตรงข้าม เธออย่างสง่าผ่าเผยแล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ขอบคุณแม่นาง
หลิน”
“จริงด้วย ทำไมใต้เท้าอินถึงมีอารมณ์สุนทรีย์มาชมการ แข่งด้วยหรือ?”หลินซีนเยียนรินชาให้อินดีพรางเอ่ยถามไป ด้วย
ตั้งแต่เห็นหลินซีนเยียน รอยยิ้มบนใบหน้าของอินฉีก็ไม่ หุบลงเลย “ไม่ปกปิดแล้วกัน เรือที่แข่งในวันนี้ก็มีเรือจากจวน มหาเสนาบดีของข้าด้วย ดังนั้นจึงต้องมาชมสักหน่อย “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ