Stumble Love รักสะดุดใจ

ตอนที่ 2



ตอนที่ 2

กฤษ ธรรมรัตน์ สถาปนิกหนุ่มนิสัยดี หน้าตาคมเข้ม ออกสไตล์ชายไทย สูงโปร่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี ฐานะทางครอบครัวถือว่าดี เพราะมีหอพัก และอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าอยู่หลายโครงการ ครอบครัว ของเขา คุณพ่อดิเรกและคุณแม่สุพรรษาธรรมะธัมโม ทั้งคู่ ทั้งสองเปิดร้านสังฆภัณฑ์ ใต้อะพาร์ตเมนต์ทุกแห่ง และเวลาว่างของทั้งคู่ คือ การไปปฏิบัติธรรมนั่นเอง กฤษ เปิดบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน เพราะเรียนมาด้าน นี้โดยตรง และกำลังไปได้ดี เพราะมีเพื่อนดีทั้งพีคและ ภุชงค์คอยสนับสนุนและแนะนำลูกค้าให้

กฤษกับแพรวาเป็นแฟนกันตั้งแต่แพรวาเข้าปีหนึ่ง กฤษ เป็นพี่ในคณะของแพรวา ซึ่งขณะนั้นกฤษเรียนปีสี่แล้ว กฤษเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยล่วงเกินแพรวาเลย แค่จับมือ และหอมแก้ม เขาบอกกับแพรวาว่า “พี่จะรอจนถึงวันที่เรา แต่งงานกัน” ซึ่งฟังเรื่องนี้จากแพรวาทีไร หลินออกอาการ ฟินทุกที อยากมีความรักแบบนี้บ้าง

เพื่อนสนิทสองคนของกฤษ คือ พีค และ ภุชงค์ สามหนุ่ม อายุเท่ากัน คือ ย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปี

พีค หรือ พีระ สุขประเสริฐ หนุ่มเนื้อหอมหน้าตาดี พูด น้อยแต่ปากหวาน ไม่ต้องส่งตาหวานให้ใคร สาว ๆ ก็วิ่ง ตามกันตรึม รูปหล่อพ่อรวย
จากที่แพรวาเล่า ครอบครัวพีคเปิดร้านจิวเอลรีมีสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต และยังทำ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต และตอนนี้ได้สร้างโรงแรม เสร็จแล้วสองแห่ง ที่กรุงเทพฯ และที่ภูเก็ต ซึ่งที่กรุงเทพฯ จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

ภุชงค์ ศิริพัฒนยางกูร หรือเพื่อนในกลุ่ม จะเรียก คุณชาย เพราะเป็นลูกคนเล็กของตระกูลนักการเมือง อ ดังหลายสมัย ร่ำรวยมาแต่ดั้งเดิม ติดหรู ขี้เล่น อารมณ์ดี รักสนุก เป็นหนุ่มหล่อครบเครื่อง เล่นดนตรีเป็นทั้งกีตาร์ กลอง เปียโน ร้องเพลงเก่ง เสียงเพราะชวนหลงใหล สาว ๆ ก็ติดกันตรึมเหมือนกัน

ทั้งสองหนุ่มไม่คบใครจริงจัง ใช้ชีวิตแบบสนุกไปวัน ๆ และเปลี่ยนผู้หญิงไม่เลือกเป็นว่าเล่น

หลินเคยถามแพรวา ได้ความว่า สองหนุ่มจะให้เวลา ผู้หญิงที่คบด้วย แค่คนละหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ถ้าครบ อาทิตย์ก็จะเลิกทันที จะตกลงกับผู้หญิงที่เข้ามาก่อน ว่ารับเงื่อนไขนี้ได้ไหม ซึ่งสาว ๆ เหล่านั้นก็ยินดี เพราะ ได้ควงกับหนุ่มหล่อพ่อรวย แถมยังจ่ายไม่อั้นเวลาพวก หล่อนอยากได้อะไร ภุชงค์หากถูกใจใครจริง ๆ ก็จะยืด ขยายเวลาได้ แต่พีคไม่เลย เขายึดกฎ หนึ่งอาทิตย์ แบบ ไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยแค่ไหน หรือเป็นใคร

ดูแล้วสามหนุ่มมีกฤษคนเดียวที่แตกต่างจากทั้งสองคน แต่ทั้งสามเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล และไม่เคยแยกกันเลย ถึงสองหนุ่มจะเถลไถล แต่เรียนดีระดับต้น ๆ เชียวแหละแล้วสามคนก็รักกันมาก เวลามาที่ร้านทีไร ก็ หิ้วกันมาทั้งสามคนหลินยังคิดในใจว่า ‘แปลกดี’ และ อย่างไรเธอก็ไม่ควรคิดไปยุ่งกับสองคนนี้

“หลิน โรงแรมของพี่พีค จะเปิด Grand Opening วัน มะรืน เธอจะไปด้วยกันไหม” แพรวาเอ่ยชวน

“ชื่อโรงแรมอะไรเหรอ” หลินถามด้วยสายตาอยากรู้

“PS Grand Suriwong แถวสุริวงค์นี่เอง และวันเสาร์นี้ ก็ จะมีงานเลี้ยง พีคจะขึ้นรับตำแหน่ง MD ด้วยนะ” แพรวา ให้ข้อมูลเพิ่ม

“เฮ้ย… แพร เธอจะบ้าหรือฉันไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขา เหมือนเธอนะ จะไปได้ไง” หลินโต้แย้ง

“หลินก็หยุดไม่ใช่หรือ เสาร์อาทิตย์นี้ ฉันขออนุญาตพี่ พีคแล้ว พี่เขาโอเคนะ บอกไม่มีปัญหา” แพรวาพยักพเยิด

“อย่างน้อยฉันได้มีเพื่อนคุย ในนั้นมีแต่พวกสาว ๆ ไฮโซ ฉันคุยกับเขาไม่เข้าเรื่องกันหรอก” แพรวาพูดพลางทำตา เล็กตาน้อยขอความเห็นใจ

“นะ นะ น้า” แพรวาคะยั้นคะยอ
“อีกอย่างเราไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันนอกรอบเลย เดี๋ยวเธอเรียนจบ ฉันก็คิดถึงเธอแน่ ๆ แล้วถ้าเธอกลับไป เชียงรายอีก” แพรวาทําหน้าเศร้า

“ก็ได้ ๆ ตกลงคอนเฟิร์ม ว่าแต่ว่าพี่พีคกับทุกคนเขาโอเค แน่นะ แล้วฉันต้องเตรียมชุดอะไรยังไงบ้างเนี่ย”

“คืนนี้ไลน์บอกนะ”

“จ้ะ” หลินยิ้มรับ พร้อมหิ้วกระเป๋า ยกมือโบกลา จะไป ทำงานต่อที่สถานี เดินผ่านมายังสามหนุ่ม แล้วยกมือไหว้

“อ้าวจะกลับแล้วหรือ” เสียงกฤษถาม

“ต้องรีบค่ะพี่กฤษ หลินต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง ไว้เจอกัน นะคะ”

หลินยิ้มสดใส บอกลาพี่ ๆ แล้วรีบเดินออกไป แพรวา เดินเข้ามารับรายการสั่งอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่ม ของชายหนุ่ม

“หลินทำไมรีบจัง” กฤษถาม

“อ๋อ… เดี๋ยวตกรถน่ะสิคะ แล้วอีกอย่าง ไปอีกตั้งไกลเวลานี้รถติดด้วยค่ะ” แพรวาตอบ

“ขยันนะ” สามหนุ่มเอ่ยพร้อมกัน มองหน้าแล้วหัวเราะ

“เรื่องมันยาวค่ะ หลินขยันมากนะคะ อยู่ตัวคนเดียว เลี้ยงตัวเอง ส่งเสียตัวเองเรียน เลยต้องทำงานหนักหน่อย ค่ะ” แพรวาเล่าเรื่องหลินให้พวกเขาฟัง

พอดีลูกค้าเริ่มเยอะ แพรวาจึงขอตัว

แพรวา ศุภมิตร ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณสมเกียรติ และคุณวิมล ทั้งคู่ทำงานที่สมาคมเพื่อเด็กและสตรี แถว บางขุนนนท์ เงินเดือนไม่ได้มากมายเท่าไร แต่ก็พออยู่พอ

กิน

คุณสมเกียรติและคุณวิมล เป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้าทั้งคู่ เมื่อได้เจอและรักกัน จึงอยากสร้างครอบครัว ให้อบอุ่น คุยกันว่าจะมีลูกแค่หนึ่งคน และสัญญากันไว้ว่า ทั้งสองคนจะเลี้ยงเธอให้ดีที่สุด ทั้งสองยังเช่าบ้านอยู่ นี่ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่แพรวาต้องทำงานพิเศษช่วงปิดภาค เรียน เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว

แพรวาถูกเลี้ยงมาอย่างดี มองโลกในแง่บวก และมีความ มานะอดทน ทั้งยังเรียนหนังสือเก่งมาก ๆ ซึ่งทำให้คุณสม เกียรติและคุณวิมล เบาใจ และไว้ใจในลูกของตนเสมอ
คุณคิเรกและคุณสุพรรษาพ่อและแม่ของกฤษ คุ้นเคย กันเป็นอย่างดี กับสมเกียรติและวิมล ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ อะไร และทั้งสองครอบครัวได้เจอกันบ่อยเวลาที่คุณ ดิเรกและคุณสุพรรษาทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือบ้าน พักคนชรา คุณสุพรรษาจะโทรมาชักชวนให้ไปด้วยทุก ครั้ง ทั้งสองครอบครัวนี้ก็จะไปด้วยกัน สมเกียรติและวิมล ลงแรงช่วยงานด้วยความจริงใจเสมอ

ติ้ง ๆ เสียงข้อความมือถือของหลินดังขึ้น พร้อมกับแสง ไฟแวบ

(วันเสาร์นี้เป็นงานกาล่าดินเนอร์แต่งชุดราตรีสีฟ้า พรุ่งนี้ พี่กฤษจะพาไปดูชุด เธอจะไปด้วยกันไหม) แพรวาทักมา

(แถวไหน กี่โมงดีคะ ^_^) หลินทักกลับ

(แถวร้านเราน่ะแหละ บ่ายสอง ชื่อร้านโจโจ้ ตรงหัวมุม ถนนไง อีกอย่างพี่กฤษจะมาเจอลูกค้าแถวนั้นด้วย)

(OK) หลินส่งสติกเกอร์

(อิ ๆ ดีจัง เราจะบอกคุณพักตร์ขอแว็บสักสิบนาที) คุณ พักตร์เจ้าของร้านคุณบังอร

(วันนี้เหนื่อยอย่างแรงเลย เจอฝนตอนลงรถเมล์มานิเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย ว่าจะกินยาดักไข้สักหน่อย จะนอนแล้วนะ) หลินบอก

(จ้า Good Night) แพรวาตอบพร้อมส่งสติกเกอร์

(ดูแลตัวนะ) หลินตอบ ด้วยสติกเกอร์เช่นกัน

(Thank You)

เสียงมือถือหลินดังขึ้น

“ฮัลโหล ว่าไงแพร”

(“ออกมาได้เลยจ้ะ แพรจะถึงร้านโจโจ้แล้ว”) แพรวาต อบมาตามสาย

“ได้จ้า เจอกันนะ”

หลินวางโทรศัพท์ รีบเดินไปหาคุณพักตร์ และแจ้งความ จำนง ซึ่งเธอก็เกริ่นไว้ก่อนแล้ว

“ไปสิคะ ไม่ต้องรีบ นาน ๆ ได้สวยกันทีจ้า” คุณพักตร์ อนุญาต หลินยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณ

คุณศิริพักตร์จริง ๆ ยังไม่แก่เพิ่งจะเลยเบญจเพสมาไม่กี่วัน เป็นสาวสวย รูปร่างอวบอั๋น หน้าตาแบบสาวไทย โบราณ ชอบทำอาหารและขนมมาก เรียนจบมาด้าน นี้โดยตรง ทั้งยังเก่งหัวการค้า หัวครีเอทีฟ มีความคิด สร้างสรรค์ จัดโปรโมชัน จัดการทั้งงานในร้านได้เป็น อย่างดี ทั้งยังเป็นกันเองและให้ความสําคัญกับพนักงาน ทุกคน ที่สำคัญใจดีมาก ๆ ที่ให้หลินและแพรวาได้ทำงาน พิเศษที่นี่ทุกปี ตอนปิดภาคเรียน

หลินเดินเข้าร้านมาเจอแพรวาและกฤษนั่งรออยู่แล้ว จึง ยกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่ม

“สวัสดีค่ะพี่กฤษ”

“สวัสดีครับ ตามสบายนะพี่นั่งรอ” กฤษรับไหว้ และพยัก หน้าให้ พร้อมกับผายมือให้กับสองสาวเพื่อไปเลือกชุดที่ จะใส่ไปคืนวันงานได้

คุณโจโจ้เจ้าของร้าน ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง แต่แต่งตัว เป็นผู้ชายแบบโมเดิร์น ๆ มองสองสาวด้วยสายตาชื่นชม จุ๊ๆ ปากไม่ขาด

“สาว ๆ จะใส่ชุดสีอะไรคะ” หล่อนถาม

“ราตรีสีฟ้าค่ะ” เสียงหลินและแพรวาตอบออกมาพร้อม กัน เมื่อรู้สีที่ต้องการ คุณโจโจ้แกก็หยิบออกมาแค่สองชุด ยื่นให้ทั้งสองคนละชุด พร้อมเอ่ยปาก
เจ๊ว่า ต้องนี่เลย ไม่พลาดเป๊ะค่ะ คุณน้อง” คุณโจโจ้พูด พลางจีบปากจีบคอ

“หนูสองคนนี้สวยกันคนละแบบ โอ้ย….หากเจ้เป็นผู้ชาย บอกเลยว่าเลือกไม่ถูกค่ะ” พร้อมกับหัวเราะครื้นเครง ดัน หลังสองสาวให้เข้าห้องแต่งตัวเพื่อลองชุด

“ยังไงเรียกเจ๊นะคะ ถ้ามีปัญหา”

กฤษนั่งจิบกาแฟรออย่างสบายใจ พลางนั่งเซ็กงานต่าง ในไอแพดฆ่าเวลาไปด้วย

“คุณกฤษขา” เสียงพี่โจโจ้เอื้อนเอ่ยมาจากข้างใน เปิด ปากประกาศเสียงดัง

“พร้อมไหมคะ ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ วันนี้ทางร้านโจโจ้ จะขอเปิดตัว ทั้งสองสาวงามจากเวทีประกวดนางงามส่ง ท้ายปีพุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบแปด โดยร้านคุณ โจโจ้ส่งเข้าประกวดค่ะ” พลางชักชวนเด็กในร้านปรบมือ

กฤษเงยหน้าขึ้น พบสองสาวที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำเอา ตะลึงงันกันไปทีเดียว ยิ้มออกมา ปากก็ชมเปาะ

“สวยครับคุณโจโจ้” โจโจ้พูดสวนกลับไปในทันที
“คุณกฤษ ปากหวานนะคะ โจโจ้ยอมรับว่าโจโจ้เป็นคน สวยค่ะ” เสียงเด็กในร้านขานขึ้นพร้อมกัน

“อุต๊ะ… อุต๊ะ… อุต๊ะ…” เรียกเสียงหัวเราะกันลั่นร้าน

แพรวามาในชุดเปิดไหล่ กระโปรงบานทรงสั้นเลยเข่ามา เล็กน้อย รองเท้าส้นแหลมสีเงินสูงประมาณสองนิ้วครึ่ง หวีผมปัดไปทางขวาติดกิ๊บน่ารักสีเดียวกับสีชุด ด้วยผม ยาวปิดหลัง สีดำขลับยาวสลวยถึงเอว ปิดบังหลังไว้จึง ทำให้ดูไม่โป๊เท่าไร

“ดูแล้วสะดุดตาทีเดียวค่ะ” เสียงคุณโจโจ้พรีเซนต์

“อีกอย่าง น้องแพรวาตัวเล็กกะทัดรัดหากใส่ยาวไปกว่า นี้ พี่ว่าจะดูรุ่มร่าม และทำให้ตัวเตี้ยลงค่ะ แต่ถ้าเราเปิดให้ เห็นช่วงขาที่เรียวสวยแบบนี้ จะทำให้ดูดีขึ้นมาเลยทีเดียว ค่ะ” แล้วหันไปถามกฤษ

“คุณกฤษว่าโอเคไหมคะ” กฤษยิ้มมุมปากนิด ๆ

“ครับเห็นด้วยครับ” ชายหนุ่มส่งสายตาหวานให้แพรวา แพรวาสบตาหาเอาเขินไปเลย เพราะปกติเขาไม่เคยมอง เธอด้วยสายตาแบบนี้

ส่วนหลินมาในชุดสายเดี่ยวสีเดียวกับแพรวาด้านหน้า สูงเลยเข่า ผ้าสไลด์เฉียงลงทิ้งชายกระโปรงไว้ด้านหลังเธอปล่อยผมที่ชอบรวบตึงไว้ประจำให้ประบ่า สีของชุด ขับผิวให้ดูขาวและเนียนกว่าเดิมอยู่แล้วมาก ๆ

รองเท้าสีเงินมีประกายวับวับ ส้นไม่สูงเท่าไร ตามคำ แนะนำของคุณโจโจ้ว่า เวลาเดินจะได้ไม่ดูสูงกว่าแพรวา

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ เจ๊ดูไม่ผิดจริง ๆ เริ่ดค่ะ” เสียงคุณโจโจ้ชมไม่ ขาดปาก กฤษมองหลิน แล้วพูดแซว

“ทุกทีเห็นแต่แต่งตัวกะโปโล คุณโจโจ้เก่งมากนะครับ ที่ เปลี่ยนน้องหลินได้ขนาดนี้” แล้วหันไปยิ้มพูดชมคุณโจโจ้

“ตกลงสองสาวได้ชุดแล้วนะ ถูกใจไหมคะ” กฤษถามขึ้น

“ค่ะ” สองสาวตอบออกมาพร้อมกัน

“คุณโจโจ้ครับ คิดเงินเลยครับ” หลินได้ยินรีบโบกมือห้า มกฤษ

“เอ่อ… พี่กฤษค่ะ หลินจัดการเองค่ะในส่วนของหลิน” เธอรีบเอ่ยออก
*ไม่ได้จ้า ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนหลินที่ดูแล แพรวามาตลอด และเป็นเพื่อนที่ดีกันมาตั้งหลายปี ให้ เกียรติพี่นะครับ” กฤษส่งเสียงกลับ หลินหันไปสบตากับ แพรวา แพรวาพยักหน้าให้รับไว้ หลินยกมือไหว้ พร้อม กล่าว”ขอบคุณมากค่ะ”

คุณโจโจ้เรียกหลินเข้าไปรับถุงใส่ของ แพรวาหันมายิ้ม สวย ยกมือไหว้ขอบคุณพี่กฤษเช่นกัน

“ขอบคุณมากค่ะ”

“วันหลังพี่ขอเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นนะ” กฤษ โน้มกายเอาปากเข้ามากระซิบใกล้หูแพรวา กดปลายจมูก ลงบนแก้มสวยเบา ๆ

แพรวาเขิน ทุบเบา ๆ ไปที่ไหล่ของกฤษ

“ยังงั้นพวกเราแยกกันตรงนี้เลยนะ ใกล้ถึงเวลานัดลูกค้า แล้ว” กฤษยกมือบาย ๆ สองสาวยิ้มตอบ พร้อมกับโบกมือ

“บาย ๆ ค่ะ”

“แพรจะไปทํางานพร้อมกับหลินเลยไหม”
“ไม่!ะ เราจะไปหาพ่อกับแม่ที่สมาคม นี้ว่าจะไปช่วย งานสักแป๊บหนึ่ง เย็นนี้เห็นว่ามีเลี้ยงเล็ก ๆ ให้เด็กที่เกิดใน เดือนนี้แหละ เดี๋ยวเราค่อยกลับมา

“งั้นเราไปทํางานก่อนนะ” หลินยกมือบาย ๆ รีบวิ่ง

“จ้า …เย็น ๆ เจอกันอีกทีนะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ