Stumble Love รักสะดุดใจ

ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในย่านโรงเรียนดังใน กรุงเทพฯ เจ้าของร้านแต่งเอาใจวัยทีนด้วยสไตล์โมเดิร์น สไตล์สดใส ตกแต่งร้านน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม มุ้งมิ้ง แบบ ชิค ๆ ชิลล์ ๆ แต่ชื่อร้านสุดติ่ง “ร้านคุณบังอร

ที่นี่มีเค้กมะพร้าวอ่อนรสชาติอร่อยมาก ๆ อาหารไทยที่ หากินที่อื่นได้ยาก และขนมไทยหน้าตาแปลก ๆ ชื่อเป็น มงคลมีทั้งที่ทำออกมาใหม่ ๆ สด ๆ และขนมบางอย่างที่ สามารถเก็บไว้กินยาว ๆ มากมายหลากเมนู อีกทั้งอาหาร รสชาติก็ดี ราคาย่อมเยาไม่แพงอย่างที่คิด

“Hi หลิน ยังไม่กลับอีกเหรอ” เสียงใส ๆ ของ แพรวาสาว สวย ตากลมโตหุ่นกะทัดรัดสมวัย ผมดำขลับ และยาว สลวยถึงเอว แพรวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ใจดี และ เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหลิน ที่คอยเป็นห่วงเป็น ใยกันเสมอ

เธอเพิ่งจะกลับมาทำงานวันแรก หลังจากลาพักไปเที่ยว กับแฟนและกลุ่มเพื่อน ของเขาที่จังหวัดภูเก็ต รีบเดินกึ่ง วิ่งเข้ามาในร้านเพื่อแลกเปลี่ยนกะสลับกันกับหลิน

“จะรีบไปไหนได้ล่ะ แฟนก็ไม่มี” หลินพูดปนเสียงหัวเราะเบา ๆ
“ที่ฉันรอนี่นะ ไหนละของฝากจากภูเก็ตคะคุณแพร วา อิจฉาเธอจัง ได้ไปเที่ยวกับแฟน ลงรูปอัปสเตตัส ฉัน นิ…กดไลก์จนมือหงิกแล้ว” หลินแกล้งทำหน้าเง้า แบมือ เพื่อทวงถามของฝาก

“พรุ่งนี้นะคะ หลินคนสวย แพรยังไม่ได้ซื้อกระเป๋าเลย ลงเครื่องปุ๊บก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลยอะ” แพรวายิ้มหวานส่ง มาให้แทน

“แพร เห็นในเฟซบุ๊กของแพรนะ เพื่อนพี่กฤษไปด้วย เหรอ แม้น่าอิจฉาเนอะ ท่าทางน่าสนุกจัง สามคู่สวีตตี” หลินพูดถามไปเพราะความอยากรู้ พลางถอนหายใจ บ่น พึมพำคนเดียว

“เมื่อไรหนอ ฉันจะมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ แบบนี้มั่ง”

“ตื่น ๆ ฝันกลางวันอยู่หรือไง กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเธอ ต้องไปทำงานที่สถานีวิทยุต่ออีกนี่ใช่ไหมจ๊ะ” แพรวาก ระเช้า ตบหลังเพื่อนเบา ๆ พร้อมทั้งเตือนเรื่องที่ต้องไป ทํางานต่ออีกทีหนึ่ง

หลินตกใจรีบวิ่งเข้าไปตอกบัตรหลังเคาน์เตอร์ ปากก็ยัง บ่นไม่เลิก

“อดเมาท์เลย พรุ่งนี้เจอกันนะ คืนนี้เลิกงานแล้วไลน์คุย กันนะจ๊ะ บาย ๆ”
หลินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ก็วิ่งตรงดิ่งขึ้นตึกของสถานี เพื่อไปยังออฟฟิศของคลื่นวิทยุ 99.95 MHz Clean Radio

“ไอ้หลินวิ่งเป็นควายเลยนะมึง มาทำงานสายได้เกือบ จะทุกวัน” เสียงพี่โก้หัวหน้างานในฝ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุม เครื่องเสียง ส่งเสียงแว้ดมาแต่ไกล

“นี่ฉันจะเบาใจให้แกทำคนเดียวได้ยังไง มันเป็นซะยังงี้ ตรู…อดพักร้อนอีกปีนี้ นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีอยู่แล้ว ยังไม่ได้ลา งานเลย”

“เฮีย บ่น บ่น บ่น ระวังนะ! จะได้เมียแก่” หลินเย้าหยอก พร้อมยกมือไหว้ วางกระเป๋าไว้บนชั้น แล้วไปนั่งข้างเฮีย โก้อย่างเอาใจ ปากก็อ้อน

“หลินทำเป็นหมดแล้ว วันนี้เฮียนั่งให้สบายใจเลย จะ เฟซฯ จะไลน์ จะแชทสาว ตามสบาย” ว่าแล้วก็จัดแจง เลือกเพลงตามที่ดีเจส่งลิสต์มาให้ พร้อมกับปรินต์ข่าว และสปอร์ตตัวใหม่ ที่ทางออฟฟิศใหญ่ส่งมาให้ดีเจ ส่งให้ ดีเจทันก่อนออนแอร์ แบบรู้งาน

หลิน ชื่อจริง ศุภมาศ ลิ่มเจริญทรัพย์ อายุเท่ากันกับแพร วา คือ ย่างเข้ายี่สิบสามปี เด็กสาวจากเชียงราย ผิวขาว เนียน รูปร่างดี สูงโปร่ง ผมยาวประบ่า พอรวบได้ ทำสี น้ำตาลปนทองแบบวัยรุ่นทั่วไปเขาฮิตกัน
ส่งผลให้เธอดูเด่น และน่ารัก รับกับใบหน้าที่สวย หน้าตาคล้ายดาราฮ่องกง ซึ่งเพื่อน ๆ จะล้อเลียนเสมอ เพราะว่าเธอได้เชื้อสายจีนจากคุณพ่อนั่นเอง

เธอต้องทำงานพาสไทม์สองที่ เพื่อหาเงินในการส่งเสีย ตัวเองเรียน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ

ตอนเช้า หลินทำงานร้านคุณบังอร และหลังเวลาสิบ เจ็ดนาฬิกา เธอทำที่สถานีวิทยุ คลื่น 99.95 MHz Clean

Radio อยู่ฝ่ายเครื่องเสียง และทำงานทั่วไป

ที่นี่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ดี ๆ นี่แหละ โดยพี่ ๆ ที่สถานีเรียกใช้ ตั้งแต่ซื้อข้าว ขนม น้ำ และจิปาถะ

ที่หลินต้องทํางานสองที่ เพราะไม่ยอมรับความช่วย เหลือจากทางบ้าน อยากวิ่งตามความฝันก่อนที่จะหมด อิสรภาพ รวมถึงเธออยากมาใช้ชีวิตในบางกอกเมือง ศิวิไลซ์ จึงดื้อดึงไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เชียงราย ครอบครัวจึงตัดเงินเดือนที่เคยได้รับทั้งหมด

ครอบครัวตระกูลลิ่มเจริญทรัพย์ที่มีทั้งรีสอร์ตและไร่ชา ที่อำเภอแม่สาย ในจังหวัดเชียงราย เหนือสุดยอดแดน สยาม รวมถึงมีกิจการปั๊มน้ำมันหลายสาขา คุณขจร ลิ่ม เจริญทรัพย์มีลูกสาวสองคน หลินเป็นคนกลาง และเธอ ยังมีน้องสาวคนเล็กอีกคนชื่อ ‘มีมี่’ และลูกชายคนโตที่รับ ช่วงกิจการทั้งหมด ชื่อว่า ‘เฉิน’
เนื่องจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หลินต้องรับฟังคุณ พ่อ และพี่ชายที่ทำตัวเป็นเผด็จการมากที่สุดในบ้าน และ นี่คือการปฏิวัติครั้งแรกของหลิน ที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่คน เดียวลำพังนั่นเอง แต่พี่ชายและคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องถ้า คิดว่าอยู่เองได้ แต่ได้ยื่นคำขาดแล้วว่า หากเรียนจบแล้ว ไม่กลับมาช่วยทำงานที่บ้าน หลินจะไม่ได้รับอะไรเลย แม้แต่สตางค์แดงเดียว

แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่รบกวนใจเธอที่สุดและหนักใจเป็น ที่สุด ก็คือว่าที่เจ้าบ่าวที่ทางครอบครัวจัดเตรียมจัดหา เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนั่นเองโดยที่เธอไม่สามารถที่จะ ปฏิเสธได้จริง ๆ

ติ้ง ๆ เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ

(นอนหรือยัง) แพรวาทักมา

(อาบนํ้าเพิ่งเสร็จ กำลังว่าจะทักไป) หลินตอบ พร้อมส่ง จูบจุ๊บ ๆ ไปให้แพรวา

(เหลืออีกวิชาเดียวแล้วสิ ถ้าส่งวิทยานิพนธ์ สอบ สัมภาษณ์ เธอก็จบเลยใช่ไหม) แพรถาม

(อือ…) หลินส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปด้วย

(อ้าวเธอ ไม่ดีใจ) แพรทักกลับ เมื่อเห็นรูปสติกเกอร์ที่เธอส่งมา

(ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่เราหนักใจมากเลยนะ เรื่องที่ต้องได้ กลับบ้านจริง ๆ เราก็คิดถึงเตี้ยมาก มาอยู่ที่นี่สี่ปี ยังไม่ได้ กลับบ้านเลย) T-T

(เออนะ…เราเข้าใจ) แพรวาปลอบ

(เปลี่ยนเรื่องดีกว่านะ นี่หลินฉันซื้อผ้านุ่งพันตัวชายหาด มาฝากเธอด้วย เธอจะเอาสีไหน) แพรวาถามพร้อมส่งรูป ถ่ายมาให้ดู

(สวย ๆ ทั้งนั้นเลย แพรก็รู้เราชอบสีชมพู งั้นฉันขอ สีชมพูเลยนะ หวานเหมาะกับฉันดี 555 ) หลินตอบ

(จ้าแม่คุณ พรุ่งนี้เจอกันนะ ฉันจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราค่อยเมาท์กัน นอนละนะง่วงจัง) พร้อมส่งสติกเก อร์กู๊ดไนต์

(Good Night) หลินตอบกลับด้วยสติกเกอร์เช่นกัน

หลินหลับไม่ลงคิดถึงคำพูดของเตี่ย ที่ตอกย้ำเสมอมา ตั้งแต่โตเป็นสาว

“อาหลินลูกบ่ต้องยึดนะเรื่องฟงเรื่องแฟน เตี่ยได้สู้กับท่านพินิจเปิ้นไว้แล้ว ตกปากฮับคำท่านไปว่า จะซื้อหลิน ลงเอยกับหลานท่านคนหนึ่ง ฮู้ก่อ… ว่าที่ครอบครัวเฮา อยู่เย็นเป็นสุขมาทุกวันนี้ก็เพราะเป็น”

พินิจ จิรตระการ เจ้าสัวใหญ่ ที่เตี่ยของหลินนับถือ หลิน รู้แค่ว่ามีพระคุณ แต่ไม่รู้ว่ามีกิจการอะไรมากมาย ท่าน ช่วยเหลือเตี๋ยทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่อง ใหญ่

“ครั้งที่เฮาโดนฟ้องเรื่องที่ดินครั้งนู้น ถ้าบ่ได้ท่านช่วย ครอบครัวเฮาก็คงแย่เหมือนกัน และที่ล่าสุดนะ… เตี่ยก็ไป รบกวนเงินท่านมาอีก เอาเป็นว่าเตี่ยขอร้องละนะ ทําเพื่อ เตียและครอบครัวเฮาเรื่องนี้เรื่องเดียว”

หลินในตอนนั้นไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ได้ พยักหน้ารับคําเตียไป

เมื่อหลินจบมัธยมศึกษาปีที่หก ทางท่านพินิจก็ได้ ทวงถามสัญญามา และส่งสินสอดทองหมั้นมาจำนวน หนึ่ง ตอนนั้นในใจหลินไม่ได้รู้สึกว่าอยากรู้จักมักจี่กับทาง ฝ่ายหนุ่มคู่หมั้น อีกทั้งยังตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เลย เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของคู่หมั้น และไม่คิดจะถาม ด้วยซ้ำไป

หลินอยู่ได้ด้วยเงินเก็บสะสมมาตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากมา จากครอบครัวคนจีน เตี่ยและแม่จะสอนเสมอเรื่องการออมเงินก่อนใช้ ซึ่งตัวเลขในบัญชีของหลินก็มาก โขอยู่ แต่หลินมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตแบบกระเบียด กระเสียร

เธอมักจะคุยกับตัวเองเสมอว่า เราไม่รู้อนาคตไม่รู้วัน พรุ่งนี้ เราต้องประหยัด ฉะนั้นหลินจึงได้เช่าห้องพักขนาด เล็ก กว้างสองเมตร ยาวสองจุดห้าเมตร บนตึกติวเตอร์ แถวหน้ามหาวิทยาลัย เป็นหอพักหญิงห้องน้ำรวม ราคา ไม่แพงมากนัก รวมค่าน้ำค่าไฟเรียบร้อย

เด็กบางคนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะพักห้องละ สองคน แต่หลินคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า เพื่อให้มีสมาธิใน การอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมส่วนตัว หลินขออนุญาต หอพักติดเครื่องปรับอากาศ และขอติดมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อ จ่ายเงินค่าไฟฟ้าในการติดแอร์เพิ่ม เธอไม่เคยย้ายหอพัก และไม่สะสมสิ่งของใด ๆ เลย ใช้ชีวิตแบบพอเพียงจริง ๆ

‘ไหนแพรวาว่าจะมาก่อนเวลา ชิ… หลินนั่งมองนาฬิกา ทำหน้าเง้ากึมงำอยู่ในใจ

“แหมมาสายแค่นาทีสองนาที ใจจะขาดหรือไงจ๊ะคน สวย” เสียงแพรวาดังมาแต่ไกล ส่งเสียงเย้าเพื่อนสาว ส่ง ยิ้มหวานมาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง

หลินรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยแพรวาถือของ แต่ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอไม่ได้เดินมาคนเดียว เธอเดินมา พร้อมกับกฤษแฟนหนุ่ม และเพื่อนชายอีกสองคน ซึ่งหลิน เคยเจอสามสี่หนแล้วที่ร้านแห่งนี้ หลินยกมือไหว้ทั้งสาม คนแล้วกล่าวทักทาย

“สวัสดีค่ะ” สามหนุ่มรับไหว้ กฤษยื่นถุงใบหนึ่งให้หลิน

“นี่ของฝากหลินจ้า” หลินยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกล่าว

“ขอบคุณค่ะพี่กฤษ” แล้วส่งยิ้มให้แพรวา

ขณะนั้นมีเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน หลินจึงหยิบ เมนูให้สามหนุ่มแล้วออกตัว

“เดี๋ยวหลินมานะคะ พี่เลือกเมนูไปก่อนค่ะ” เธอเดินไป ทักทายเด็กกลุ่มนั้น

“รับอะไรดีคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ