ตอน430ไม่สนใจไยดี
ตอนที่ 430 ไม่สนใจใยดี
“หม่ามี้นี่เจ๋งจริงๆ วาดรูปแผนที่ได้ด้วย!” นิเวศน์พูดอย่าง ตื่นเต้น “หม่ามีรีบส่งแผนที่มาให้ผมเร็ว!
“โอเค เดี๋ยวกลับห้องละหม่ามีจะรีบส่งให้
“น่าจะไม่ได้น่ะสิ ตรงนี้เป็นที่ที่เดียวที่ผมจะจับสัญญาณ ของหม่ามิได้
อย่างนี้นี่เอง…
จันวิภาก้มมองนาฬิกาที่ดูภายนอกเหมือนนาฬิกาธรรม ดาๆแบบมึนงงเล็กหน่อย แล้วถามว่า “จะถ่ายยังไงล่ะ แม่ไม่ เห็นว่ามันจะมีกล้องเลย?
“หม่ามีแค่เอาหน้าปัดนาฬิกาชี้ไปที่แผนที่ก็พอแล้ว มันมี กล้องซ่อนอยู่ข้างใน มันจะเห็นทุกอย่าง
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่านาฬิกาที่ดูธรรมดาๆแบบนี้จะ
ฟังก์ชันอะไรแบบนี้ซ่อนอยู่เยอะแยะเลย
ในใจเธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย จันวิภามองซ้ายมองขวา พอ
เห็นว่าไม่มีคนอยู่ เธอก็หยิบแผนที่ออกมาแล้ว ใช้นาฬิกาสแกน
“ได้รึยัง?”
“โอเค เรียบร้อยแล้ว!
นิเวศน์ได้รับแผนที่เรียบร้อย เขารีบปริ้นท์ออกมาทันที พอมองไปที่แผนที่นั่นก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับชัยชนะแล้ว
จันวิภายังคงไม่สบายใจ เพราะว่าเธอยังคงอยู่ในสายตา ของสุพจน์อยู่ แถมยังไม่รู้ว่าท่าทีแปลกๆของเธอเมื่อกี้นี้เขาจะ เห็นรึเปล่า
“นิเวศน์ หม่ามีต้องไปแล้ว สุพจน์คอยจ้องแม่อยู่ กลัวว่า ถ้ายังคุยต่อเดี๋ยวเขาจะสงสัย
“โอเค หม่ามีต้องระวังตัวหน่อยนะ ผมกับปะจะต้องไป ช่วยหม่ามีออกมาให้ได้ แล้วก็ ผมรักหม่ามีนะ
คำพูดจากใจนั้น ทำให้ดวงตาของฉันวิภาแดง เกือบ
กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ลูกรัก หม่ามีก็รักลูกนะ
หลังจากคุยกับนิเวศน์จบแล้ว จันวิภาก็รู้สึกเสียวสันหลัง วาบ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า
ถึงไม่ต้องหันหน้าไปมอง เธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาอันร้อน แรงของสุพจน์
ผู้ชายคนนั้นมองมาทางเธอตลอดเวลา ถึงแม้เธอจะรู้สึก ว่าเธอค่อนข้างเนียนแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะจับได้หรือไม่
ช่างมันเถอะ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ตีเนียนต่อไปแล้วกัน!
จนวิภาหายใจเข้าลึกๆ เธอกกระเป๋าเสื้อของตัวเองแน่น
แล้วก็เดินต่อ
สุพจน์มองแผ่นหลังของจันวิภาที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
ในห้องประชุม
หลังจากจัดแจงกับลูกน้องเสร็จแล้ว สุมิตรก็แยกตัวออก ไป มีแต่ธนภาคที่ยังคงต้องแผนที่อยู่
“ไอ้สุพจน์คนนี้นี่มันเล่ห์เยอะจริงๆ ที่แท้ก็ไปซ่อนอยู่ตรง นั้นนั่นเอง ไม่แปลกหรอกที่พวกเราจะไม่เคยหาเจอ
สุมิตรใจเย็นมาก ตอบอย่างไร้สีหน้าว่า “ไม่ว่ามันจะ เล่ห์เหลี่ยมเยอะแค่ไหน ยังไงครั้งนี้ฉันก็จะต้องพากันวิภากลับ มาอย่างปลอดภัยให้ได้”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”
“แล้วก็ให้ไปเตรียมตัวให้พร้อม
ธนภาคตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้า มิตร แล้วพูดว่า “มิตร ถ้านายทำแบบนี้
สุมิตรตัดบทธนภาคอย่างรำคาญว่า “ถ้าช่วยกันวิภาออก มาไม่ได้ พลังอำนาจที่ฉันสะสมไว้มันจะมีไปเพื่ออะไร?
“ดูเหมือนว่า จะมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวซะแล้ว” ธร ภาคหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจว่านายจะ สื่ออะไร เดี๋ยวจะไปจัดการให้
ความจริงธนภาคก็มีอะไรที่อยากจะพูดอีก แต่เห็นท่าที แน่วแน่ของเขาแล้วนั้น ก็เลยตัดสินใจกลืนคำพูดพวกนั้น ลงท้องไปเหมือนเดิม
สองวันมานี้สุพจน์ยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลามากวนใจฉัน
วิภาเลย
เมื่อไม่เห็นหน้าเขา จันวิภาก็รู้สึกมีความสุข แต่ในความ เงียบสงบแบบนี้นั้นก็ยังทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก รู้สึก ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ
จันวิภานั่งเท้าคางมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ จนไม่ทันสังเกต ด้วยซ้ำว่าใครเข้ามาใกล้บ้าง
“ทำไมยังไม่กินข้าวอีกล่ะ?”
จันวิภาตกใจ รีบหันหน้าไปมอง
พอเห็นสุพจน์ จันวิภาก็ก้มหน้าเพื่อนซ่อนสายตาของเธอ เธอส่ายหน้าพลางตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีอารมณ์กิน
สุพจน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามจนวิภาจ้องหน้าเธอด้วยความโลภ เขายิ้มมุมปากพลางตอบว่า “ฉันรู้ว่า ตราบใดที่คนพวกนั้นยังมี ชีวิตอยู่ เธอก็จะคิดมาก แล้วก็จะทำให้เธอไม่มีความสุข รอฉันจัดการธุระให้เสร็จแล้วจะพาเธอไปพักผ่อนนะ เธอจะได้กลับมา ยิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง
ท่าทีที่ไม่สนใจไยดีของสุพจน์ทำให้ใจของจันวิภาเต้นแรง ด้วยความหวาดกลัว
เธอหลับตาลง ขนตาที่เรียวปกปิดความตื่นตระหนกใน สายตาของเธอ จนวิภาแกล้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วพูดว่า “นาย พูดออกมาง่ายจังเนอะ ถ้าดูจากศักยภาพของนายแล้วเนี่ย ยัง ไงก็ไปแย่งที่ของมิตรไม่ได้หรอก”
“เธอนี่ชักจะซื่อเกินไปแล้ว อ๋อ แต่ก็จริง เพราะตอนนี้เธอ ไม่ได้ดูข่าวอะไรเลยนี่นา เลยไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์มัน ย่ำแย่แค่ไหน”
การที่สุพจน์มั่นใจว่าจะชนะขนาดนั้น ทำให้ในวิภาเลย
หน้าขึ้นมามองเขา
“นายทําอะไรเขา?”
สุพจน์คลี่ยิ้มปีศาจออกมา แล้วตอบว่า “อีกไม่นาน ฉันจะ กลับมาตอบคำถามนี้ แน่นอนว่าจะทำให้เธอช็อคจนพูดไม่ออก เลยล่ะ”
แน่น สุดท้ายก็ทนไม่ไหวที่จะด่าเขาออกมา “สุพจน์ นาย มันไอ้คนชั่ว!”
“ถึงเธอจะพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่สนใจหรอก” สุพจน์ลุกขึ้นยืน เอามือลูบคางตัวเอง มองไปที่จันวิภาด้วยสายตาเหยียดหยันแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงสงสารว่า “โถๆ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ ถ้ามันเย็นแล้วจะไม่อร่อย
พอพูดจบ สุพจน์ก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่สุพจน์ออกจากห้องไป จนวิภาก็ปัดจานอาหารที่อยู่ บนโต๊ะทิ้ง แล้วก็นั่งหอบอยู่ตรงโต๊ะด้วยความโมโหจนถึงขีด สุด สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง
สุพจน์ที่ได้ยินเสียงจานชามแตกกระจาย ในใจก็รู้สึกเจ็บ ปวด
แต่เพียงแป๊ปเดียวเท่านั้น สายตาที่เศร้าโศกของเขาก็ได้ เปลี่ยนมาเป็นสายตาไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเดิม แล้วเขาก็ ค่อยๆเดินจากไป
เพราะว่าเป็นห่วงสุมิตร จันวิภาเลยใช้โอกาสตอนที่คนไม่
ได้สนใจ ไปรับลมที่ระเบียงซะหน่อย
ครั้งนี้ จันวิภามองไปรอบๆ เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมานั่ง อ่านที่ระเบียง หลังจากนั่งลงและเปิดหนังสือ เธอก็เริ่มจะตั้ง สมาธิแล้ว
แต่ว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกถึงนิเวศน์ได้ล่ะ?
จันวิภานึกถึงครั้งก่อนที่เคาะไปที่นาฬิกาแล้วก็ได้ยินเสียง นิเวศน์ เธอก็เลยตัดสินใจจะทำแบบนั้นอีกรอบหนึ่ง เธอตีไปที่ นาฬิกาไม่หยุด
เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอานาฬิกาเคาะไปกับโต๊ะเปลี่ยนมุมไปมา
“หม่า หยุดตีได้แล้ว ถ้าตีอีกมันจะพังเอาได้นะ
วิธีนี้มันได้ผลจริงๆด้วย!
ถึงน้ำเสียงที่เธอได้ยินนั้นจะดูราวกับทั้งดีใจและเสียงใจ แต่แค่จันวิภาได้ยินแค่นี้ก็รู้สึกว่าเป็นเสียงที่ฟ้าประทานมาให้
เธอพยายามเก็บความตื่นเต้นของตัวเองไว้ และเอ่ยปาก ถามนิเวศน์ด้วยเสียงเบา
“นิเวศน์ พักนี้ปะเป็นยังไงบ้าง มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”
นิเวศน์พยายามจะหลีกเลี่ยงคำตอบ “ก็มีเรื่องนิดหน่อย แกละ แต่ปะปีก็จัดการได้หมดแล้ว หม่ามีไม่ต้องห่วงนะ
“แต่ว่า หม่ามีรู้สึกว่าสุพจน์มีแผนการใหญ่อะไรบางอย่าง
ลูกต้องไปบอกให้ปะระวังตัวนะ
“ได้ ผมจะบอกให้
จันวิภาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ได้ หม่ามีรู้สึกไม่ สบายใจ ถ้างั้น หม่ามีไปคุยกับสุพจน์ดีกว่า
ความคิดเห็นของจันวิภาทำให้นิเวศน์ช็อคจนเหงื่อออกไป ทั้งตัว แล้วรีบพูดว่า “หม่ามีอย่าพึ่งทำอะไรโดยไม่คิด ตอนนี้ เจ้านั่นมันบ้าไปแล้ว อยู่ห่างๆมันไว้แหละดีแล้ว
พอได้ยินนิเวศน์พูดด้วยอย่างกระวนกระวายแบบนั้น ฉัน วิภาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบถามว่า “สรุปแล้วพจน์ทำอะไรกันแน่?
นิเวศน์ขยี้หัวตัวเองอย่างแรง ตอนนี้เขารู้สึกปวดหัวมาก
จากนั้นเขาก็ลุกไปพูดไกลๆว่า “ซวยแล้ว สัญญาณเริ่มอ่อนอีก แล้ว หม่าม หม่ามี
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ