ตอนที่ 224 ในฝันมีเพียงคุณเท่านั้น
หลังจากวางสาย ผลินได้แต่นั่งรอปยุตอยู่ที่หลุมศพ ของคุณแม่
ไม่เกิน20นาที ปยุตบึงรถมาถึงที่ เมื่อเห็นผลิน เขา กอดเธอไว้ในอ้อมแขน ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณ ไม่เป็นอะไรนะ?”
ผลินส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ” ตอนนี้เธอถึงกล้ากวาด สายตามองไปรอบๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“ทำเอาตกใจ แทบแย่”
“ผมก็เหมือนกัน”
ปยุตลูบผมของเธอที่ข้างหู”คราวหลังอย่าออกมาคน เดียวแบบนี้อีกนะครับ เมื่อกี้พอผมรับโทรศัพท์คุณ ผม เป็นห่วงคุณแทบแย่
ทั้งสองเดินเคียงกันลงมาจากภูเขา ปยุตให้คนขับรถ ที่พามาด้วยขับรถผลินกลับไป ขณะที่ผลินนั่งอยู่ในรถ ข้างๆปยุตนั้น เธอกัดริมฝีปากพลางกล่าว“บางทีอาจเป็น เพราะฉันรู้สึกผิดก็ได้ค่ะ เพราะเรื่องของทาตถุนั้นทำให้ ฉันหวาดกลัวไปเลย
ปยุตมองเธออย่างสงสัย ไม่ว่าคุณจะรู้สึกผิดหรือไม่ ก็ตาม ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปผมจะให้คนสองคนคอยติดตามคุณเพื่อป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ นอกจากที่บริษัทกับบ้านแล้ว ฉันก็ ไม่ได้ไปไหนอีก วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ครั้งหน้าถ้า จะมาที่สสานคุณแม่อีก ฉันจะมากับคุณคะ”
“ไม่ได้หรอก เพื่อความปลอดภัยของลูกในท้องของ เรา ครั้งนี้คุณต้องฟังผมนะครับ”
ท่าทีของปยุตยืนยันหนักแน่น ผลินไม่อยากขัดใจเขา จึงตอบไปว่า “แล้วแต่คุณเลยค่ะ คุณอยากจะให้มาก็ไม่มี ปัญหาค่ะ”
ทีแรกผลินคิดว่าปยุตแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิด ว่าเขาจะจริงจังขนาดนี้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าผลิน จะไปไหน ก็จะมีผู้ชายสองคนติดตามไปอยู่เสมอ ใน ตอนแรกเธอไม่ยังค่อยชิน แต่สองสามวันต่อมาเธอก็ ค่อยๆปรับตัวค่อยๆคุ้นเคยกับมัน
ขอเพียงให้ลูกในท้องปลอดภัย เธอยินดีลิ้มลองทุก อย่างที่เธอไม่เคยอยากจะลอง
ตอนบ่ายของวันอังคารใกล้จะเลิกงานแล้ว เธอมาที่ ห้องทำงานของปยุต เสนอไอเดียอะไรบางอย่าง คุณ คะ เดี๋ยวเราไปทานบะหมี่ที่สะพานกันเถอะค่ะ?”
“อีกแล้วหรือ?”
ปยุตขมวดคิ้ว ครึ่งเดือนมานี้เขาพาเธอไปทาน มา10กว่ารอบแล้ว
“ก็ฉันอยากกินนี่คะ ขอร้องล่ะ ไปเถอะน้า……..
เธอดึงแขนของเขาไปมา ตั้งแต่เธอตั้งท้องเธอชอบ ทานบะหมี่มาก โดยเฉพาะร้านบะหมี่ข้างสะพานแถว ตอนเหนือของเมือง เธอเคยไปทานกับชื่นใจครั้งหนึ่ง โดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นมาได้แต่หวนนึกถึงรสชาติ บะหมี่ร้านนั้นมาตลอด
ปยุตถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณทาน คุณทาน อาหารแบบนั้นบ่อยๆมันไม่ได้สารอาหารที่เหมาะสมกับ เด็กในท้องคุณรู้บ้างไหมครับ?”
“ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ?” เธอยกนิ้วชูขึ้น
“จริงหรือ?”
“ค่ะ!”
“ได้ ถ้าคุณกล้ามาขอผมอีกละก็ น่าดู”
ปยุตปิดโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะลง จัดเรียงเอกสารให้เข้าที่ แล้วหยิบกุญแจรถ”ไปกันเถอะ”
ทั้งสองมาถึงร้านบะหมี่ยูนนาน เลือกนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ผลินเห็นเถ้าแก่ส่งบะหมี่ชามใหญ่มาให้ อดใจ รอไม่ไหวรีบคว้าตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปาก “โอ้ย ร้อนจัง”
“ก็เพิ่งออกจากหม้อร้อนๆเลย รอให้เย็นหน่อยค่อยๆ ทานดีกว่า ไม่มีใครแย่งคุณหรอกน่า
ปยุตถลึงตาจ้องมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ พลางเอา น้ำเย็นที่ข้างโต๊ะยื่นให้เธออย่างเป็นห่วง
“ถ้าคุณชอบทานขนาดนี้ครั้งหน้าผมจะบอกให้คนรับ ใช้ที่บ้านทำให้คุณทานดีกว่า จะได้ไม่ต้องขับรถมาไกล ถึงที่นี่”
“อย่าเลยค่ะ รสมือของเขาถ่ายทอดต่อกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ คนรับใช้ในบ้านจะทำได้รสชาติเหมือนแบบนี้ ได้ที่ไหนกันคะ”
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?” ปยุตพูดออกมาด้วยท่าทีที่ ไม่ได้คิดแบบนั้น
“ใช่ค่ะ อร่อยมากเลย คุณไม่ชอบทานหรือคะ?”
เขาพูดจากใจจริง ไม่ชอบครับ”
ผลินเหล่ตามอง แสร้งทำเป็นโกรธบอกว่า”คุณนี่ไม่ ตามน้ำเอาซะเลย”
“ผมไม่ตามน้ำยังไงล่ะ?”
“ตามน้ำก็คือแม้ว่าคุณจะไม่ชอบทานอะไร แต่ว่าคน ที่คุณรักชอบทานสิ่งนั้น คุณก็ควรจะแสดงออกว่าชอบ เหมือนกันคะ”
“ผมก็กำลังทานอยู่นี่ไงครับ?”
ปยุตตอบตรงๆอย่างไม่ค่อยพอใจ ผลินเบ้ปาก“อืม ก็ ทานไปสิคะ อย่าพูดมากเลย”
เธอทานช้าๆ ค่อยๆเคี้ยวค่อยๆกลืน ปยุตเดิมทีก็ไม่ ชอบทานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงทานได้น้อย เขาทานไปแค่ นิดหน่อยก็วางตะเกียบลง รอผลินทานเสร็จแล้วจะได้ กลับบ้าน
ณ ตอนนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาก้มลง มองเบอร์โทรที่หน้าจอ พูดเสียงเบา “ผมขอออกไปรับ สายแป๊บนึงนะครับ”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
ปยุตลุกขึ้น เดินไปพลางกดรับสาย ครู่ต่อมาเขาวาง สายแล้วกลับเข้ามาด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ? เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ผลินเป็นคนรักที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด เธอจึงสังเกตได้ ในทันทีจากสีหน้าของเขา
เขาเงียบอยู่สักพักหนึ่ง จึงค่อยๆเอ่ยปากพูด“ธนวันถูก ปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว”
“ปล่อยตัว? ออกมาได้อย่างไรกัน?” ผลินอุทานอย่าง แปลกใจ
“มีคนช่วยประกันตัวเขาออกมา”
“ใครคะ?”
เธอคิดไม่ออกว่าใครเป็นคนช่วยประกันตัวพ่อของเธอ ออกมา ในบรรดาคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี ก็ไม่เห็นจะมี ใครมีอำนาจพอที่จะช่วยเหลือได้
“ชุดา”
ผลินเบิกตาโพรงยิ่งกว่าไข่ห่าน ตกตะลึงอ้าปากค้าง พลางกล่าวว่า “คุณคิดว่าเป็นชุดาไหม?”
“ครับ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ชุดาจะไปมีปัญญาอะไร?”
ผลินแทบไม่อยากเชื่อ
“ตัวเธอเองไม่มีปัญญา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอ จะไปหาคนอื่นให้ช่วยไม่ได้นี่
“คุณหมายความว่า?”
“เมื่อครู่นี้ชนัยแจ้งข่าวผมว่า เมื่อ6เดือนก่อน ดา แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ได้ทั้งฝ่ายดำและขาวซึ่ง รู้จักกันได้ไม่นาน ผู้ชายคนนี้ใช้นามแฝงว่าท่านนภันต์ ไม่มีใครรู้ชื่อจริงนามสกุลจริงของเขา”
“เขาร้ายกาจมากไหมคะ?”
“สามารถปล่อยคุณพ่อคุณออกจากคุกได้ คุณว่ายังไง ล่ะ?”
“นังชุดาคนนี้ มันตายยากจริงๆ!!”
ผลินโกรธแค้นจึงเอามือตบโต๊ะ รู้สึกว่าตัวเองนั้นคิด ผิดจริงๆที่ตอนนั้นใจอ่อนปล่อยนังสองพ่อลูกนั่นให้มี ชีวิตอยู่!
ปยุตไม่พูดไม่จา ราวกับตกอยู่ในภวังค์ เธอขมวดคิ้ว ถามขึ้น”ปยุตคะ คุณกังวลอยู่หรือคะ”
ปยุตพยักหน้า“ครับ ที่ผมกำลังกังวลในตอนนี้ไม่ใช่ เรื่องคุณพ่อของคุณถูกปล่อยตัวออกมา ตัวธนวันเอง เดิมทีก็ไม่ได้มีฤทธิ์เดชอะไรมากมาย แต่ที่ต้องระวังไว้คือถ้าท่านนภันต์คนนี้ร่วมมือกับทัตดาขึ้นมาละก็ เรา ต้องลำบากแน่ๆงานนี้
“ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ”
ผลินลุกขึ้นพลางพูดอย่างหนักแน่น
“นั่งลงก่อน คุณจะไปหาเขาทำไม?”
“ฉันจะให้เขาช่วยยับยั้งชุดาไม่ให้ทำเรื่องโง่ๆนะสิ”
“เขาจะฟังคุณหรือ? แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็น คุณเป็นลูกสาวเลย เขาจะไปฟังคุณได้อย่างไรกัน?”
ผลินรู้สึกสิ้นหวัง ใช่สิ เธอเองเป็นคนส่งธนวันเข้าคุก ไปกับมือ เขาไม่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำก็ดีเท่าไหร่ แล้ว เขาจะมาฟังเธอได้อย่างไรกัน
เห็นสีหน้าเธอหม่นหมอง ปยุตปลอบใจเธอว่า “อย่า เพิ่งกังวลไป คงไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คุณคิดหรอก ถึง แม้พวกเขาจะร่วมมือกันก็ช่วยไม่ได้ ผม คนอย่างปยุต ไม่มีทางล้มได้ง่ายๆหรอก!”
“แต่ว่าถ้าท่านนภันต์อะไรนั่นร้ายกาจจริงๆอย่างคุณว่า คุณจะรับมือกับเขายังไงคะ?”
“ที่จริงคนคนนี้มีทั้งดีและร้าย จากการประเมินเขาภายนอก เขาไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่ออก การที่ จะต่อกรกับคนแบบนี้วิธีที่ดีที่สุดคือให้เขามายืนอยู่ข้าง เดียวกับเรา”
“คุณทำเป็นพูดเป็นเล่นไปได้ ตอนนี้เขาเป็นสามีของชุ ดา จะมายืนอยู่ข้างเดียวกับคุณได้อย่างไรคะ?”
“พวกเราต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน บางทีชุดากลับมา คราวนี้อาจจะแค่คิดเอาพ่อของเธอออกจากคุกเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำสงครามกับเราก็ได้
ผลินส่ายหน้า ปยุตคะ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดี ในสายตาเธอไม่มีทางปล่อยวางได้ หรอก”
“ถึงชุดาจะมองว่าเราเป็นศัตรูจริงๆก็ไม่เป็นไรค่ะ ท่าน นภันต์คงไม่บ้าจี้ฟังผู้หญิงเพียงคนเดียว ฉันจะพยายาม ติดต่อเขาให้ได้ก่อนที่ทัตดาจะเจอเขา แย่งชิงเขาให้มา เป็นพวกเราให้ได้ ถ้าเขาไม่ยอมร่วมมือจริงๆ ขอเพียง เขาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในความขัดแย้งระหว่างเราก็พอ”
สองสามวันต่อมา ในใจผลินวิตกกังวลอยู่ตลอด เป็น ห่วงว่าชุดาจะเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ ปยุตจะมีเรื่อง เดือดร้อนใจไหม แต่หลังจากนั้นสองสามวันก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้น ในใจเธอจึงค่อยๆปล่อยวางลงได้บ้าง บางทีอาจ จะเป็นอย่างปยุตว่าจริงๆ ชุดาอาจจะกลับตัวกลับใจแล้ว
วันหยุดสุดสัปดาห์ ปยุตออกไปทริปที่ดูไบ ผลินอยู่ บ้านรู้สึกเบื่อจึงคิดว่าจะออกไปช็อปปิ้งสักหน่อย ทุกวัน นี้ปาณีกับชนัยกำลังตกหลุมรักกันอย่างดูดดื่ม จึงไม่เคย เห็นหน้าเธอเลย ทันทีที่ออกจากบ้าน ก็มีบอดี้การ์ดสอง คนคอยติดตามเธอ คนหนึ่งคอยเปิดประตูให้เธอ อีกคน คอยขับรถให้
เธอมาถึงห้างสรรพสินค้าที่ใจกลางเมือง เตรียมจะซื้อ เสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงที่สบายๆหน่อย บอดี้การ์ด ทั้งสองติดตามเธอใกล้ชิดเกินไป จนเธอรู้สึกอึดอัด จึง หันกลับไปบอกว่า “พวกคุณไม่ต้องตามติดฉันขนาดนี้ได้ ไหม ทิ้งระยะหน่อยอย่าให้เป็นที่สังเกตจะดีกว่านะ”
ที่ชั้นสองแผนกเสื้อผ้าสภาพสตรี เธอเลือกชุด กระโปรงยาวสีเนื้อมาชุดหนึ่ง ทาบมันลงบนตัวแล้วมอง ซ้ายมองขวาส่องกระจกดู พนักงานขายรีบเดินมาบอก ว่า “คุณผู้หญิงคะ ถ้าชอบชุดนี้ เข้าไปลองในห้องได้นะ คะ”
เธอพยักหน้า”ได้ค่ะ”
ขณะที่กำลังเข้าไปในห้องลองชุด กลับมองเห็นเงาที่ คุ้นเคยร่างหนึ่งสะท้อนออกมาจากกระจกในห้องลอง ชุด นั่นคือคนที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเธอนี่ ชุดาที่ แต่งหน้าจัดยืนอยู่ที่มุมเคาน์เตอร์ไม่ไกลจากเธอ จ้อง มองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ