ตอนที่ 109 การต่อสู้กับจันทร
“ใช่ค่ะ ไม่รับสายด้วย ช่างเถอะค่ะเดี๋ยวฉันไปดูเอง”
ผลินวางสายไป ขับรถมาที่บริษัท ทั่วทั้งตึกมืดมาก เธอไม่ค่อยมาที่นี่ในช่วงเวลานี้ จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับมัน สัก เท่าไร ขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ชั้นเก้า ไปที่ห้องทำงานของ ประธานบริษัท เปิดประตูและตะโกนเรียก คุณยุต คุณอยู่ที่นี่ หรือเปล่า”
ไม่มีใครตอบ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกด โทรศัพท์หาเขา ที่โต๊ะไม่ไกลนั้น จู่ๆ ก็เกิดแสงและเสียง สั่น เธอเดินเข้าไปอย่างนึกสงสัย เมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือ ของปยุตก็ยิ่งสงสัย โทรศัพท์มือถือยังอยู่ในบริษัท แล้ว คน อยู่ที่ไหน
เธอกดปุ่มเปิดไฟห้องทำงาน นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา และรอเขากลับมา ในใจก็คิดว่า หากโทรศัพท์มือถือถูกทิ้ง ไว้ ที่ออฟฟิศ เขาก็น่าจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้
รู้สึกเบื่อจึงเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของเขา แล้วก็ไปเห็น แผ่นกระดาษสีฟ้า เธอดึงออกมาอย่างสงสัยทันใดนั้นสีหน้า ก็หม่นหมองลง
หัวใจเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด กระดาษในมือร่วงหล่น ตกลงสู่พื้น เธอรีบโทรศัพท์ออกหาชนัย
“คุณชนัย คุณจันทรมาหาคุณปยุตเหรอ”
ชนัยปฏิเสธอย่างแปลกใจ ไม่นะครับ มีอะไรเกิดขึ้นเห
รอครับ”
“แล้วคุณปยุตได้รับจดหมายจากใครหรือ
“มันเป็นจดหมายที่เขียนขึ้นจากคุณจันทรเหรอครับ” ชนัยไม่ได้นึกถึงขั้นนี้จริง ๆ
“อืม”
“แย่ล่ะ ผมไม่ได้เปิดมัน แค่ให้มันกับเขาโดยตรง ขอโทษ ครับนายหญิง ผมขอโทษคุณจริง ๆ
ผลินกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไปไม่เป็นไรค่ะ คุณรู้ ไหมว่าที่พวกเขาเรียกกันว่าสถานที่เก่านั่นมันอยู่ที่ไหน
ชนัยครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน“ผมเคยได้ยินคุณยุตพูดแบบนั้น ครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ คุณลองไปดูได้ครับ เป็นร้าน บะหมี่พริกเผ็ดใกล้กับมหาวิทยาลัยปรานต์ครับ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมาก
“นายหญิง…”
ผลินกําลังจะวางสาย ชนัยรีบตะโกนเรียกเอาไว้ ก่อน อย่าบอกท่านประธานนะครับว่าผมให้ข้อมูล ผมเองก็ ไม่ อยากให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาทำร้ายเขาอีกเหมือนกัน
“ฉันเข้าใจค่ะ”
รีบวิ่งออกไป ขับรถด้วยความเร็วไปยังมหาวิทยาลัย ปรานต์ด้วยความเศร้าโศกและความผิดหวัง วนกลับไปยัง ทิศทางของมหาวิทยาลัยปรานต์ รีบขับรถยนต์ไปหาปยุต
เธอหยุดรถลง หายใจเข้าลึก แล้วเดินเข้าไปในร้าน บะหมีพริกเผ็ด
เธอยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองแผ่นหลังของปยุต สายตา ค่อยๆ ขยับไปทางผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เธอ นั่นคือ จันทรงั้นเหรอ เธอ เป็นผู้หญิงที่ทรมานเขามาเกือบสามปีงั้น เหรอ เธอ จนถึงตอนนี้ ปยุตก็ไม่สามารถลืมคนรักครั้ง แรก ได้เลยงั้นเหรอ
หัวใจร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึก คิดไม่ออกเลย ผู้หญิงแบบ ไหนกันแน่ ที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของปยุตขนาด นี้ จนถึงตอนนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจ เป็นผู้หญิงแบบนี้นี่เอง
ถ้าหากบอกว่าเธอเหมือนดวงจันทร์ เธอก็ขาวผ่องยิ่ง กว่าดวงจันทร์ ถ้าหากบอกว่าเธอเหมือนดวงดาว เธอก็เจิด จ้ายิ่งกว่าดวงดาว ถ้าหากบอกว่าเธอเหมือนดอกบัว เธอก็ บริสุทธิ์ยิ่งกว่าดอกบัว ถ้าหากบอกว่าเธอเหมือนดอก โบตั๋น เธอก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าดอกโบตั๋น
เป็นผู้หญิงที่น่ารักและบริสุทธิ์ ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งปยุต กับญาติอย่างธรรศจะผิดใจกันเพียงเพื่อที่จะได้เธอ ผลิน ไม่ได้ดูแย่ไปกว่าเธอ แต่รู้ว่าจิตวิญญาณภายในตัวเองไม่มีอะไรเลยที่เหมือนเธอ
และจิตวิญญาณนี้เอง ก็อาจจะเป็นสถานที่ที่สัมผัสถึงป ยุตอย่างแท้จริง
เธอเดินตามพวกเขาเข้าไป แต่ไม่ได้ไปหาตรงหน้า แค่ ไปนั่งเงียบ ๆ ในที่นั่งที่อยู่ติดกันกับพวกเขา เรียกเถ้าแก่ “ฉันขอบะหมี่เผ็ดหนึ่งชามค่ะ”
ทันใดนั้นปยุตก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในทันทีนั้นสติความ นึกคิดก็ลอยกลับมา เขาเหลือบมองไปทางด้านข้าง วินาที ต่อมา ร่างกายทั้งตัวก็ถูกแช่แข็ง ไม่มีการตอบสนอง ผลิน รู้ว่าป ตกําลังจ้องมองเธออย่างตั้งใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่ สนใจสายตานั้น เธอแค่อยากจะดูว่า ต่อหน้าคนรัก ครั้งแรก เขาจะไม่มีความกล้าพอที่จะเข้ามาคุยกับเธอหรือไม่
ปยุตมองเธอสักพัก แล้วจู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไป หาเธอ”คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ทำไม ฉันมาไม่ได้เหรอ ร้านบะหมี่นี่คุณเป็นคนเปิดมัน หรือยังไง”
ผลินมองเขาอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความ
ท้าทาย
จันทรเดินเข้ามา สอบถามปยุต เธอคือ… ”
โดยที่ปยุตไม่ต้องอธิบาย
ผลินแนะนำตัวเอง“สวัสดีค่ะคุณจันทร ได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว ฉันเป็นภรรยา ของคุณปยุตค่ะ ฉันชื่อผลิน”
เมื่อจันทรได้ยินคำว่าภรรยาของปยุต ในแววตาก็มีบาง อย่างผิดปกติไป หลังจากนั้นก็ยิ้มและยื่นมือออกมา “สวัสดี ค่ะ”
“นั่งร่วมโต๊ะกับพวกคุณด้วยได้ไหมคะ”
ผลินชี้ไปที่ชามของบะหมี่เผ็ดที่เพิ่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“อืม ได้สิคะ”
จันทรพยักหน้า
ผลินไม่เกรงใจ หยิบชามบะหมี่ไปนั่งข้างปยุต แล้วก็ ทานบะหมี่ในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นก็แกล้งถามขึ้นมาว่า “สงสัยจังค่ะว่าที่คุณจันทรกลับมาที่นี่น่ะเพราะมีธุระเหรอ คะ”
“อึมค่ะ”
“ธุระอะไรคะ”
“ขอโทษด้วยค่ะ มันไม่สะดวกที่จะบอกให้นะคะ”
“แล้วที่คุณนัดสามีของฉันออกมาแบบนี้ มีธุระอะไรเหรอ คะ”
จันทรค่อนข้างอึดอัดกับความตรงไปตรงมาของเธอ และ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“อย่าบอกนะว่า แค่การมารื้อฟื้นเรื่องราวเก่า ๆ คุณรู้ดี กว่าใครนะคะ ว่าพวกคุณไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับความ สัมพันธ์เก่า ๆ ได้อีกแล้ว”
“ลิน เลิกพูดเถอะ”
ปยุตขัดจังหวะเธออย่างเย็นชา ไม่ต้องการให้เธอพูดอีก
“คุณผลินอาจจะเข้าใจผิด ฉันไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจาก นัดพี่ยุตออกมา เพียงเพื่ออยากจะบอกว่าขอโทษ เท่านั้น ค่ะ”
“คุณคิดว่ามันเป็นสิ่งจําเป็นงั้นเหรอคะ สามปีที่แล้วตัดสิน ใจที่จะไป สามปีต่อมาจู่ ๆ ก็กลับมาเพียงแค่พูด ขอโทษ กับเขา คุณคิดว่าคำขอโทษมันจะสามารถชดใช้เรื่องราว ทั้งหมดได้อย่างนั้นสินะคะ”
จันทรอาจจะไม่คาดคิดว่าผลินจะฉลาดและมีคารม คมคายเช่นนี้ มองเธอด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่คิด โกรธ”ไม่ใช่ อย่างนั้นหรอกค่ะ มันก็แค่สิ่งที่ฉันอยากจะพูด ได้พูดไปแล้วมันจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
“คุณรู้สึกดีขึ้น?คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วคุณไม่เคยคิดเลยเหรอว่า คนอื่นจะรู้สึกดีขึ้นด้วยหรือเปล่า คุณรู้ว่าสามีของฉันจะ ไม่มี วันลืมคุณ คุณจึงนัดเขาออกมา หัวใจของคุณทำด้วยอะไร
“ลิน หยุดพูดได้แล้ว”
ปยุตหยุดเสียงอีกครั้ง สีหน้าเย็นชาเหมือนดั่งน้ำแข็ง พันปี แต่ไม่รู้ว่ามีจะใครได้รับความหนาวด้วยเหตุนี้บ้าง
“ฉันพูดอะไร ทั้งหมดที่ฉันพูดเป็นความจริงไม่ใช่หรือไง เธอไม่ควรกลับมา เมื่อคุณจากไปแล้วคุณก็ไม่ควรกลับ มา อีก ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมา การที่ตอนนี้โผล่ หน้ามาแบบนี้ มันทำให้ฉันนึกถึงสี่คำนี้ ช่างไร้ยางอาย”
“พอได้แล้ว คุณยังไม่จบอีกเหรอ!”
ปยุตลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งเสียงออกมา ดึงแขนเธอและ จะลากเธอออกไป ผลินสะบัดออกอย่างโกรธเคือง “คุณ ไม่ ให้ฉันพูดฉันก็จะพูด!” เธอมองจันทรอีกครั้ง “คุณฟังฉัน ให้ดีนะ เขาเป็นผู้ชายที่คุณทิ้ง ในช่วงเวลาที่มืดมน ที่สุดใน ชีวิตของเขา ฉันเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่า คุณจะเข้าใกล้เขาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันขึ้น อยู่กับว่าฉัน จะให้อนุญาตหรือไม่ ถ้าฉันไม่อนุญาต คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะ เข้าใกล้เขา วันนี้ชวนเขาออกมา เป็นครั้ง แรก และหวังว่าจะ เป็นครั้งสุดท้าย ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!
“คุณพอได้หรือยัง”
ในร้ายบะหมี่พริกเผ็ดมีฝูงชนมากมายมองอยู่ ปยุต คํารามใส่ผลินด้วยความโกรธ ผลินเหลือบมองเขาอย่าง ไม่ แยแส และเอ่ยถามเขาอย่างเยาะเย้ย ฉันผิดเหรอ คุณ พูดเองว่าจะทานข้าวมื้อเย็นด้วยกัน แต่คุณลืมสัญญาของเรา มาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจําแรกของคุณ ทานบะหมี่กับคนรักครั้งแรกของคุณ สุดท้ายแล้วคุณหา ว่า ฉันผิดงั้นเหรอ คุณปยุต ในสายตาของคุณ ฉัน ผลินคน นี้จะปรากฏตัวได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องการ ถ้าไม่ต้องการก็ ต้อง อดทนอดกลั้นยอมเป็นคนโง่งั้นสิ
เธอตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด โดยไม่รอให้เขาตอบ หัน หลังและวิ่งออกมาจากร้านบะหมี่ไป วิ่งจากไปสุดแรง น้ำตา ร่วงหล่นลงมา ไม่มีความน้อยใจได้ยังไง ผู้หญิงที่ทานข้าว มื้อค่าด้วยควรเป็นเธอ
จะยอมรับได้ยังไง ว่าปยุตเข้าข้างจันทร เขาลืมได้ยัง ไง ตลอดสามปีที่ผ่านมา เพราะผู้หญิงคนนั้น เขาถึงได้รับ ความเดือดร้อนเสียยิ่งกว่าความตายมากแค่ไหน
ทางด้านบรรยากาศในร้านบะหมี่พริกเผ็ด ปยุตเหลือบ มองจันทรที่ก้มหน้านิ่งเงียบ พูดด้วยลำคอแห้งผากว่า “ผม ต้องไปแล้ว”
“อืม” 11
จันทรไม่เงยหน้า แพขนตายาวกะพริบเบา ๆ
เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์และจ่ายบิล แล้วจึงเดินตามผลิน ออกไป หันมองไปทางแผ่นหลังของเขาที่รีบจากไป น้ำตา ในดวงตาของจันทร ในที่สุดก็ไหลลงมา
เธอสูดลมหายใจ เอาสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าเขียนด้วยน้ำตา”ดีใจจัง ที่ได้รู้ว่าคุณสบายดี ถึงแม้ว่าจะไม่ ได้อยู่กับฉัน…”
ไปที่ผนังด้านขวาของร้านบะหมี่ ในมุมที่เธอชื่นชอบ แล้วติดมันลงไปบนนั้น
จากนั้น จึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งลง และทานส่วนที่เหลือของ บะหมี่เผ็ดในชาม
ผลินวิ่งเข้าไปในรถของตัวเอง นอนซบหน้าบนพวง มาลัยและร้องไห้อย่างขมขื่น คิดว่าถ้าหากขอเพียงพยายาม ถึง แม้โลกจะแตกสลายก็ไม่มีวันแยกจากกันได้ ตอนนี้รู้ แล้วว่าถึงแม้โลกจะยังไม่แตกสลายมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ อยู่ดี…
ตึงตึง! มีเสียงดังขึ้นที่หน้าต่างที่ถูกปิดอยู่ เธอเงยหน้า ขึ้นมาพร้อมม่านน้ำตา เห็นว่าเป็นปยุตก็ยิ่งร้องไห้หนัก
“ลิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ปยุตยืนอยู่ข้างหน้าต่างรถของเธอและตะโกนเรียก เธอจมอยู่กับความเศร้าโศกของตัวเองอย่างไม่มีสติ เมื่อ เขา ทุบกระจกแรงขึ้นทำให้เธอรู้สึกรำคัญ เธอจึงสตาร์ต เครื่องยนต์ แล้วขับรถออกไป
ปยุตรีบไปยังรถของตัวเองทันที และตามเธอไปด้วย ความเร็ว หัวใจของเขาถูกบีบ กลัวว่าเธอจะตกอยู่ใน อันตราย พยายามโทรหาเธอ แต่ก็ต้องเสียใจเมื่อพบว่าโทรศัพท์มือถือถูกทิ้งไว้ในห้องทำงาน ทำได้แค่เพียงเพิ่ม ความเร็ว ขึ้นเพื่อพยายามสกัดกั้นเธอเอาไว้
ขับรถไปที่ชายหาดอย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดเมื่อมาถึงก็ หยุดรถ หัวใจของปยุตเหมือนถูกแขวนไว้กลางอากาศและ ร่วงลงมาฉับพลัน เขารีบเปิดประตูรถ เดินเข้าไปหาเธอที่ยืน อยู่ริมทะเล พูดขึ้นเสียงเบาว่า “ลิน คุณต้องเป็นแบบ นี้ด้วย เหรอ”
“งั้นคุณบอกฉันสิ ว่าฉันควรเป็นยังไง”
ผลินหันกลับไป เกือบที่จะตะโกนออกมา เธออารมณ์เสีย มาก ไม่สามารถลบภาพที่เห็นสามีของเธอจ้องมองผู้หญิง คนอื่นทานบะหมี่อย่างใส่ใจได้
“ยังไงก็ได้ อย่าทำอะไรที่ทำให้ผมต้องห่วงเหมือนอย่าง ที่ทำเมื่อครู่นี้ ความเร็วแบบนั้น คุณอยากตายเหรอ”
“ถูกต้อง ฉันอยากฆ่าตัวตาย แต่คุณเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ ตอนที่ทุกคนกําลังจ้องมองอยู่ คุณทำอะไรกับฉัน”
“ผมกับจันทรไม่มีอะไรระหว่างกัน ผมแค่ไม่อยากให้คุณ ทําให้เธอขายหน้าในที่สาธารณะ”
“ดังนั้นคุณจึงทำให้ฉันขายหน้าในที่สาธรณะแทนงั้นเหรอ ต่อหน้าคนที่คุณรัก ฉันไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยใช่ไหม” “เรื่อง บางเรื่องพวกเราสามารถกลับมาคุยกันที่บ้านได้ ไม่ต้อง เผชิญหน้ากับคนตั้งมากมายขนาดนั้น”
“พูดง่าย ๆ ก็คือ คุณแค่อยากปกป้องเธอ คุณกลัวว่าคนอื่น จะเข้าใจเธอผิด คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ทำให้คุณขาย หน้า คุณยิ่งรู้สึกแย่กับทัศนคติของฉัน ฉันเป็นคนที่ผิด อุตส่าห์ เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่เธอทำไว้กับคุณ แต่ ท้ายที่สุด ก็มีเพียงฉันที่โกรธไปเองฝ่ายเดียว”
“ลิน ผมดีใจที่คุณโกรธแทนผม แต่เรื่องของผมเองคุณก็ ควรจะให้ผมแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ”
“คุณจะแก้ปัญหาด้วยตัวคุณเองงั้นเหรอ ฉันเชื่อว่า ก่อน ที่คุณจะแก้ไขมัน คุณก็ลงไปติดอยู่ในโคลนตมของความ รัก ครั้งแรกของคุณอีกครั้งแน่นอน”
“คุณไม่มั่นใจในตัวผมเลยเหรอ คุณคิดว่าสัญญาที่ผมให้ ไว้กับคุณมันไม่ได้ออกมาจากใจหรือยังไง”
“แล้วมันไม่ใช่เหรอ คุณกล้าพูดไหมล่ะว่า จันทรกลับมา อย่างกะทันหัน หัวใจของคุณไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย”
ปยุตลบเส้นผมสีดำอย่างหงุดหงิด ต้องพูดยังไงคุณถึง จะเชื่อ ผมกับจันทรมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ผมรู้ดีว่า ตอนนี้ ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ผมเป็นใคร ใครคือผู้หญิงที่ผมต้องรับผิด ชอบ การนัดกันคืนนี้ไม่ได้มีความหมายอะไร ถึง แม้ว่าจันทร บอกว่าเธอจะกลับมาหาผม ผมก็ไม่หวั่นไหว เพราะคุณป็น คนที่ผมรักมากที่สุด
ผลินนั่งลงช้า ๆ มือทั้งสองข้างกอดเข่าและร้องไห้ ป ยุตเห็นเธอร้องไห้อย่างขมขื่น ก็รู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขานั่ง ลงตรงหน้าเธอ โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เอาล่ะ หยุด ร้องไห้ได้แล้ว ไม่มีใครสามารถเอาสิ่งที่เป็นของคุณไป ได้ หรอก ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณ ในวันที่มืดมนที่สุดก็จะไม่ทิ้ง คุณ อยู่เคียงข้างผมตลอดมาและพาผมเดินไปสู่เส้น ทางแห่ง แสงสว่าง”
คำสัญญาเป็นคำสาบานที่งดงามที่สุดในโลก แต่บาง ครั้ง มันก็ไม่ได้ทำให้คนสบายใจ เหตุผลที่ทำให้ผลินเกิด ความไม่สบายใจ นั่นเป็นพราะว่าเธอรู้ดีกว่าตัวปยุตเอง ว่า จันทรเป็นสิ่งที่มีอิทธิผลต่อใจของเขา
“ไม่ทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่าหัวใจจะอยู่ที่นี่
ผลินเช็ดน้ำตาออกจากหางตาและถอนหายใจ”ตอบด้วย หัวใจของคุณ ว่าคุณไม่รักจันทรอีกแล้วหรือเปล่า หรือว่า เมื่อเธอเสนอที่จะพบกัน คุณก็ไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้น ที่จะเจอเธอได้เลยกันแน่”
ปยุตนิ่งไป เขาไม่ปฏิเสธว่าผลินได้แทงถูกจุดที่เจ็บปวด ของเขา เขาเองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่เธอสามารถมอง ทะลุผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาได้
ความเงียบของเขาคือคำตอบที่แท้จริง ผลินลุกขึ้นมา ไม่ ต้องถามอะไรอีกต่อไปแล้ว
เธอหันหลังและเดินจากไป เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุด ทิ้งประโยคเศร้าโศกเอาไว้”อกหักนั้นไม่น่ากลัว สิ่งที่น่า กลัวคือ คุณหยุดอยู่ที่เดิมนับตั้งแต่วันนั้นมาตลอด…
เวลานี้ ปยุตไม่ไล่ตามเธออีก เพียงแต่คนคนหนึ่ง ยืน อยู่บนชายฝั่งท่ามกลางลมพัดเย็น ไตร่ตรองคำพูดของเธอ คุณไม่มีความรักต่อจันทรอีกแล้วหรือ
เขาใช้เวลาทั้งคืนในรถ หลังจากรุ่งสางก็ขับรถตรงไปยัง บริษัท เห็นเศษกระดาษสีฟ้ากระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น จึง ได้ รู้ว่าผลินมาหาเขาที่นี่เมื่อคืน
จู่ ๆ ก็รู้สึกผิด เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนโต๊ะ ตั้งแต่เมื่อคืน กดเบอร์ของเธอ ขึ้นเสียงเตือน “ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา ติดต่อใหม่ภายหลัง…”
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเขาก็กดโทรไปที่บ้าน เป็นน้อง สาวที่รับสาย“ฮัลโหล คฤหาสน์นภาค่ะ นั่นใครคะ”
“ยายณี พี่เองนะ พี่สะไภ้ของเธอตื่นหรือยัง”
“ไม่รู้สิคะ เมื่อคืนพี่ไปทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่กลับบ้านทั้ง คืน”
“พี่ไปทำธุระ แกไปบอกให้เธอเปิดเครื่องหน่อย พี่มีบาง อย่างจะพูดกับเธอ
“ได้ค่ะ…”
ปาณีวางสายโทรศัพท์ แล้วก็ไปยังห้องของพี่สะใภ้ เคาะที่ประตูเป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีใครตอบ จึงผลักประตูเข้าไปข้างใน เห็นผ้าห่มบนเตียงพับเรียบร้อย เธอตะโกน เรียกอีกสองสามครั้งก็ยังไม่มีใครตอบ ในขณะที่กำลัง สงสัย ก็เหลือบไปเห็นกระดาษข้อความบนโต๊ะน้ำชาข้าง ๆ โซฟา ด้วยความสงสัยจึงหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ส่ง เสียง ออกมาอย่างตกใจ รีบวิ่งลงไปข้างล่าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วตะโกนอย่างเร่งด่วน “พี่คะ แย่แล้ว พี่สะใภ้ ของฉัน หนีออกจากบ้านไปแล้ว…”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ