บทที่ 67 เขาเป็นลูกเขยของฉัน
เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางกับจ้าวหรูเย็นเดินเข้ามา สีหน้าของซูจื้อเฉิงก็ฉายแววลนลาน กลัวจะถูกจับได้ ว่าโกหก แต่เมื่อคิดอีกที ตอนนี้จ้าวต้าไห่กับจ้าวหรูเย็น เข้าใจไปแล้วว่าเขาเป็นคนห้ามเลือดให้ถังปิงหยู่ ดัง นั้นจึงวางใจลงได้บ้าง
ถังปิงหยู่ก็หันไปมองลู่เสี้ยงหยางแวบหนึ่ง ทันใด นั้นจิตวิญญาณในส่วนลึกของเธอก็เกิดความรู้สึก แปลกๆ ถ้าถามว่าทำไม เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ คิดอะไรมาก แค่หันกลับไปพูดกับซูจื้อเฉิงต่อ “ซูจื้อ เฉิน คุณเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ดังนั้นนี่ จึงเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ หวังว่าคุณจะรับมันเอาไว้
นะคะ”
พูดพร้อมกับส่งบัตรเงินสดไปให้ซูจื้อเฉิง
“มันจะดีเหรอครับ?” ซูจื้อเฉิงปฏิเสธ แสร้งทำหน้า ลำบากใจ แต่ความจริงตากลับจ้องมองบัตรเงินสด เป็นประกาย เขารู้ว่าฐานะของครอบครัวถังปิงหยู่ดี มาก เงินในบัตรที่ให้มาต้องมากแน่ๆ
ถังปิงหยู่หน้าเสีย ในความคิดของเธอ เธอคิดว่าซู จื้อเฉิงต้องไม่พอใจที่จำนวนเงินน้อยแน่ๆ ดังนั้นจึงพูด ออกไปอย่างรู้สึกผิดว่า “ถึงเงินในบัตรจะมีอยู่แค่หนึ่ง ล้าน แต่ว่ามันก็เป็นน้ำใจของฉัน ถ้าคุณไม่รับไป ฉัน คงรู้สึกไม่ดีแน่”
หะ?
หนึ่งล้าน?
หัวใจของซูจื้อเฉิงเต้นรัวเร็ว แม้ว่าเขาจะเกิดมา ในครอบครัวชนชั้นกลาง แต่เงินจำนวนหนึ่งล้านก็ เทียบเท่าเงินเดือนของครอบครัวเขาทั้งปีแล้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณถังพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าผม ปฏิเสธ ก็คงดูเป็นการไม่รักษาน้ำใจเท่าไหร่” ซูจื้อเฉิง รับบัตรมาด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่ข้างในกลับลิงโลด
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้ว ซูจื้อเฉิงไม่ใช่หน้าด้าน ธรรมดาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ารับเงินจำนวนนี้มา
ถังปิงหยู่ยิ้มตาหยี พูดกับซูซื้อเฉิงต่อว่า “หมอซู คุณเก่งขนาดนี้ ทำไมยังทำงานอยู่ที่คลินิกเล็กๆอีกล่ะ เสียเวลาเปล่าๆนะ เอาแบบนี้ไหมคะ คุณ ไปทำงานกับ ตระกูลฉัน ฉันรับรองว่าสวัสดิการดีกว่าที่นี่หลายเท่า”
ขณะที่เธอพูด จ้าวต้าไห่ก็หน้าตึง ที่ผู้หญิงคนนี้ มาขอบคุณถึงที่นี่ ที่แท้ก็เพราะจะมาแย่งพนักงาน หรอกเหรอ
ตอนนี้คลินิกของพวกเขาต้องพึ่งทักษะของซูจื้อ เฉิงเป็นหลัก ถ้าเขาลาออก หลังจากนี้คลินิกต้องถูก ปิดแน่ๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จ้าวต้าไห่ก็ก้าวเร็วๆมาหยุดอยู่ ข้างๆจ้าวหรูเย็น แล้วดึงเธอมาพูดกระซิบเสียงเบาว่า “ลูก เราจะทำยังไงดี? ถ้าซูจื้อเฉิงไป แล้วใครจะรักษาคนไข้ให้ล่ะ?”
“เอ่อ….”จ้าวหรูเย็นทำหน้างง บ่งบอกว่าไม่รู้ว่าควร รับมือยังไงดี เพราะเรื่องตอนนั้น พ่อของเธอเลยฝังใจ และไม่ ทำการรักษาอีก ตอนนี้จึงเป็นแค่คนชี้นิ้วสั่ง ส่วนตัว
เธอก็เป็นแค่พยาบาลคนหนึ่ง ไม่สามารถทำการรักษา
ได้อยู่แล้ว ดังนั้นความหวังของคลินิกจึงตกไปอยู่ที่ซู จื้อเฉิงคนเดียว “พ่อคะ งั้นพ่อเพิ่มเงินเดือนให้เขาเป็นไง ลองดู เพื่อรั้งเขาไว้ได้” จ้าวหรูเย็นพูดขึ้นมา
หลังจากเกิดเรื่องที่คลับดีโอรา แม้ว่าเธอจะเก ลียดซูจื้อเฉิงมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางเลือก คลินิกยังต้องพึ่งซูจื้อเฉิงถึงจะสามารถดำเนินกิจการ ต่อไปได้
นี่คือความจริง เธอจำต้องยอมก้มหัวให้กับความ จริง
“อืม ก็คงต้องอย่างนั้น” จ้าวต้าไห่พยักหน้า จาก นั้นก็มองไปทางซูจื้อเฉิงยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “จื้อเฉิง นายก็ทำงานที่คลินิกเรามาสักระยะแล้ว ผลงานช่วงนี้ ก็ทำได้ดีเลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเพิ่มเงินเดือน ให้นายสามพัน ถ้ารวมกัน ทุกๆเดือนก็จะเป็นแปดพัน เป็นไง?”
“คิกๆ” ไม่รอให้ซูจื้อเฉิงตอบ ถังปิงหยู่ก็ขำออกมาเมื่อได้ยินที่จ้าวต้าไห่พูด “แปดพัน? กล้าพูดออกมาได้ ถึงยังไงซูจื้อเฉิงเขาก็เป็นถึงหมอเทวดา แค่แปดพันมัน จะไปพออะไร”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอก็พูดกับซูซื้อเฉิงด้วยรอยยิ้ม เต็มหน้า “ต่อไปถ้าคุณมาทำงานที่โรงพยาบาลของ ตระกูลถัง ทุกเดือนฉันจะให้คุณหนึ่งแสน ต้องราคานี้ เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับฝีมือการรักษาของคุณ”
อะไรนะ?
หนึ่งแสน?
จ้าวต้าไก่ขาอ่อนทันที
หนึ่งแสนนี่เทียบเท่ารายได้ครึ่งปีของคลินิกพวก เขาเลยนะ ถ้าเขาต้องจ่ายให้ซูจื้อเฉิงหนึ่งแสนทุก
เดือน กระเป๋ากางเกงได้ฟีบหมดแน่
“หนึ่งแสนเหรอครับ?”
ซูจื้อเฉิงดีใจมาก ซึ่งความดีใจแบ่งได้เป็นสอง สาเหตุ หนึ่งคือ เรื่องเงินเดือนที่สูงเกินคาด
สองคือ เขามองออกว่า ถังปิงหยู่ให้ความสำคัญ กับเขามาก ตอนที่มองเขา สายตามีแต่ความชื่นชม
ถ้าผู้หญิงชื่นชมผู้ชาย แบบนั้นความเป็นไปได้คง มีนับไม่ถ้วน
พูดกันตามตรง เมื่อก่อนที่เขามัวแต่หดหัวอยู่ที่ คลินิกเล็กๆนี่ ก็เพราะว่าคอยตามจีบจ้าวหรูเย็นไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้มีถังปิงหยู่เข้ามาแทนแล้ว
รูปร่างหน้าตาของถังปิงหยู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าว หรูเย็นเลย แถมยังมีพื้นเพที่ดีกว่าจ้าวหรูเย็นด้วยซ้ำ
ผู้ชายต่างรู้กันดี ว่าควรเลือกคนไหนมาเป็นแฟน
เมื่อคิดมาถึงนี้ ซูจื้อเฉิงก็ตอบตกลงอย่างไม่คิด ลังเล “ได้ครับ คุณถัง ในเมื่อคุณจริงใจขนาดนี้ ถ้าผม ยังปฏิเสธ คงเป็นการมองข้ามน้ำใจคุณเกินไป เพราะ งั้นผมขอตอบรับข้อเสนอครับ”
ตู้ม!
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็มีเสียงสั่นสะเทือน สะท้อนเข้ามาในหัวของจ้าวต้าไห่ เขาเชื่องซึมลงถนัด ตา เดิมทีกิจการคลินิกของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะดีเท่าไหร่ ต้องมีหมอฝีมือดีคอยเตรียมพร้อมอยู่ตลอด ถ้าซูจื้อ เฉิงถูกแย่งตัวไป แล้วต่อไปนี้ต้องทำยังไงดี?
พูดแบบไม่เยินยอ ถ้าอยากได้หมอฝีมือขนาดซูจื้อ จึง เกรงว่าเงินเดือนแค่สองสามหมื่นคงจะไม่พอ
“ไม่ได้ จะให้ซูจื้อเฉิงออกจากคลินิกไม่ได้” สมอง ของจ้าวต้าไห่ เริ่มคิดหาทางเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายอย่าง รวดเร็ว
ต่อมาเขาก็คิดอะไรออก พลันดวงตาก็เป็น ประกาย หันไปพูดกับจ้าวหรูเย็นว่า “หรูเย็น ซูจื้อเฉิง ชอบแกมากไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างแกก็ไม่ได้เกลียด อะไรเขา แกไม่ลองตอบตกลงเขาดูล่ะ แล้วหลังจากนั้นก็คบกับเขา แต่มีข้อแม้คือ เขาต้องทำงานอยู่ที่นี่ ต่อ”
“ห้ะ? พ่อว่าไงนะ?”
จ้าวหรูเย็นสงสัยว่าตัวเองฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า พ่อของเธออยากรั้งซูจื้อเฉิงไว้ ถึงขนาดจะยกเธอให้ เขาเลยเหรอ
อีก
ถึงแม้จ้าวต้าไห่จะรู้ว่าทำแบบนี้มันไม่เหมาะ แต่
เพื่อความอยู่รอดจำเป็นต้องทำอย่างนี้อย่างไร้ทาง เลือก ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาอย่างลำบากใจว่า “ถึงยัง ไงในอนาคตแกก็ต้องแต่งงาน ซูจื้อเฉิงก็ไม่เลวเลย ถ้าแกแต่งกับเขาอาจจะมีความสุขก็ได้”
” จ้าวหรูเย็นพูดอะไรไม่ออก จึงหันไปมอง ทางลู่เสี้ยงหยางโดยอัตโนมัติ ราวกับอยากจะขอ ความช่วยเหลือจากเขา
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะ แล้วพูดกับจ้าวต้าไห่ว่า “คุณ ลุง จริงๆแล้วผมก็พอจะรู้เรื่องการแพทย์บ้าง ถ้าตอน ไหนคลินิกยุ่งๆ ผมมาช่วยได้….”
“ฮ่าๆๆ” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบประโยค ซูจื้อ เฉิงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา พูดถากถางว่า “หมอแมะ อย่างนายยังจะกล้าโม้อีกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ป่านนี้ แม้แต่ไข้หวัดนายก็รักษาไม่หายหรอก กล้าดียังไงจะ มาช่วยงานที่คลินิก?”
“ใช่ แกเป็นแค่หมอแมะ พูดตรงๆก็คือไม่มีฝีมือใน
การรักษา อย่าเออออตามคนอื่น ไสหัวไปเลย” จ้าวต้า ไก่โบกมือไล่ สีหน้าดูรำคาญมากเท่าไหร่ ในใจก็ รำคาญมากเท่านั้น “เหอะๆ” ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร
ออกมาอีก
และในตอนนี้เอง ถังปิงหยู่ก็ไม่มีอารมณ์จะอยูทีนี่ ต่อ จึงยิ้มให้ซูจื้อเฉิงอ่อนๆแล้วพูดว่า “ตอนนี้เราไปกัน เถอะ วันนี้ฉันจะพาคุณไปดูโรงพยาบาลของตระกูล ถัง พอทำความเข้าใจงานคร่าวๆแล้ว ตอนเย็นฉันจะ เลี้ยงข้าวด้วย”
“ครับ ขอบคุณครับคุณถัง” ซูจื้อเฉิงพยักหน้า ตอบรับ ยิ้มจนหน้าบาน ในใจรู้สึกตื่นเต้น เขาต้อง ติดต่อกับถังปิงหยู่ต่อไป หลังจากนั้นเขาต้องคว้าถัง ปิงหยู่มาอยู่ในมือให้ได้
ผู้หญิงที่ทั้งหุ่นดี หน้าดี และครอบครัวฐานะดี อย่างนี้ เหมาะจะเป็นแม่ของลูกที่สุดแล้ว
ถังปิงหยู่กับซูจื้อเฉิงเดินตรงไปยังหน้าประตู ทางออกของคลินิก
เมื่อเห็นดังนี้ จ้าวต้าไห่ก็ตบขากระทืบเท้า แล้วรีบ ตะโกนเรียกซูจื้อเฉิงเอาไว้ “จื้อเฉิง อย่าเพิ่งไป เรามา คุยกันก่อน ถ้านายทำงานอยู่ที่คลินิกต่อ ตั้งแต่นี้ เป็นต้นไปฉันจะยกจ้าวหรูเย็นให้นาย และนายก็จะได้ เป็นลูกเขยของจ้าวต้าไห่คนนี้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ