บทที่ 53 การเปลี่ยนแปลงการปกครองของตระกูลเย่
ถึงแม้น้ำเสียงของหวังหยุนที่พูดเมื่อกี้จะไม่ดัง แต่ก็พอ จะทำให้ทุกคนในตระกูลเย่ได้ยิน
อะไรนะ?
หวังหยุนจะออกเงินพันสองร้อยล้านเพื่อซื้อหุ้นตระกูลเย่
กรุ๊ป51%?
ถ้างั้น คนที่จะมาเป็นผู้นำคนต่อไป จะกลายเป็นหวังหยุ
น?
ตอนแรก คนในตระกูลเย่ทุกคนก็ต่อต้าน พวกเขาไม่ ยอมที่จะมอบอำนาจให้
แต่แรงดึงดูดของเงินพันสองร้อยล้านสำหรับคนใน ตระกูลนั้น มันช่างมีมากเหลือเกิน
เนื่องจากคนในตระกูลเย่หลายคนไม่เก่งธุรกิจ ทั้งตระ กูลเยกรุ๊ปและบริษัทในเครือรวมกัน ประมาณห้าร้อยล้าน ทุกๆ ปีก็จะได้รายได้
เงินพันสองร้อยล้านเพียงพอที่จะให้พวกเขาดิ้นรน
ไป20กว่าปี
แน่นอน ว่านี่เป็นแค่ในสถานการณ์ที่เขาคิด ถ้าหากเกิด ข้อผิดพลาด ตระกูลเย่ก็ต้องควักเงินในส่วนนั้นออกไปอุด ช่องโหว่
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ คนในตระกูลเย่ทั้งหมดก็ใจเต้น จน อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
“ให้ตายเถอะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? ” จางยูนเหาด่าอยู่ ในใจ รับไม่ได้มากๆ ที่จริงเขาคิดว่าจะใช้เงินหกร้อยล้าน ซื้อหุ้น60%ของชิงสุยกรุ๊ปเอามาไว้ในมือ จากนั้นก็จะค่อยๆ กลืนตระกูลเย่กรุ๊ปเอาไว้ทั้งหมด แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกหวัง หยุนยื่นมือมาสอด
หวังหยุนไม่ใช่คนที่เขาจะแย้งได้ ถึงแม้พ่อของเขาจะอยู่ ที่นี่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ที่เขาคาดการณ์ไว้ก็ พังหมด
เมื่อเห็นว่าคนตระกูลเย่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร หวังหยุนก็ พูดขึ้นต่อ: “พวกคุณมีเวลาคิดแค่หนึ่งนาที ยอมยื่น หุ้น51%ออกมา ต่อไปก็จะเป็นพันธมิตรกับเทคโนโลยี มังกรกรุ๊ป แต่ถ้าหากปฏิเสธ ก็จะใช้อิทธิพลทั้งหมดที่มีของ เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ป ต้อนพวกคุณไว้”
เมื่อพูดออกมา คนในตระกูลเย่ทั้งหมดก็หน้าแดงก่ำ หวัง หยุนไม่ได้ข่มขู่พวกเขา แต่เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปมีความสามารถที่จะบีบพวกเขาจน ตายได้จริงๆ
เย่หยุนเท่าป๊อดคนแรก เขารีบพูดกับท่านย่า : “คุณย่า รีบตอบรับประธานหวังเถอะ นี่เป็นโอกาสของตระกูลเย่ ของพวกเราแล้ว”
คนฉลาดเขารู้ ถ้ายอมตามที่หวังหยุนบอกก็จะได้เงินพัน สองร้อยล้าน แต่ถ้าไม่ ก็บริษัทก็จะต้องปิดตัวลง และต้องเจอกับเรื่องลำบาก
ต่อมาคนตระกูลอยู่ก็ตอบอย่างเห็นด้วยตามๆ กัน
“ใช่แล้ว คุณแม่ ประธานหวังเขาสนใจพวกเรา นี่ก็เป็น โอกาสตระกูลเย่ของพวกเราที่จะได้พัฒนา จะปฏิเสธได้ ยังไง? ”
“คุณย่า ตระกูลเย่ของพวกเราต้องการพัฒนานะ ก็ทำได้ แค่ร่วมมือกับเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ป”
เมื่อฟังความคิดเห็นของคนในตระกูลเย่ ท่านย่าก็รู้ว่านี้ เป็นเสียงส่วนมาก เพราะงั้นจึงกัดฟันพยักหน้ารับ
หวังหยุนเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว แค่ปัดมือ เงินพันสอง ร้อยล้านก็โอนเข้าบัญชีของตระกูลเย่กรุ๊ป จากนั้นตระกูล เย่ก็เตรียมเอกสารสัญญาการโอนหุ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายลง นามเสร็จ หุ้น51%ก็กลายเป็นของหวังหยุนทั้งหมด
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตระกูลเย่กรุ๊ปไม่ได้อยู่ใต้คำสั่งของ ท่านย่าแล้ว แต่อยู่ใต้คำสั่งของหวังหยุน
หวังหยุนกวาดสายตามองคนในตระกูลเย่ ไม่นานก็เห็น เย่สวน ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปหาอย่างเร็ว พูดพลางยิ้ม: “คุณเย่ ต่อจากนี้คุณช่วยจัดการหุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ป แทนผมด้วยนะ ในช่วงนี้ คุณมีสิทธิ์ในการตัดสินใจทุก อย่าง แม้แต่การตัดสินใจการสำคัญ ก็ไม่จำเป็นต้องถาม ผมคุณตัดสินใจได้เลย”
อะไรนะ? !
เมื่อเขาพูด คนในตระกูลเย่ทุกคนก็ช็อก
หวังหยุนให้เย่สวนจัดการหุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ป แถมยังให้อำนาจในการตัดสินใจด้วย? !
แบบนี้มันไม่ได้หมายความชัดๆแล้วเหรอ ว่าต่อไปทุก คนในตระกูลเย่ของพวกเขาต้องฟังเย่สวน
สีหน้าของท่านย่าดูแย่มากๆ คิดไม่ถึงว่าหวังหยุนจะให้ ความสำคัญเย่สวน ยกหุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ปให้เย่สวน ดูแล
เย่หยุนเทาเหมือนกับแมวที่โดนเหยียบหาง จู่ๆ ก็กระโดด ขึ้นมา ในใจก็รู้สึกขยะแขยง ราวกับเพิ่งกินขี้หมาเข้าไป
เมื่อก่อน เขาอยู่ในตระกูลก็เอาใจแต่ท่านย่า และรังแกเย่ สวน แต่ว่าตอนนี้บทบาทเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเย่สวนไม่แฮปปี้ ก็สามารถถีบส่งเขาออกจากบริษัทได้
สีหน้าของเย่ซวงซีดจนหาที่เปรียบไม่ได้ ต่อไปเธอยังจะ
กล้าตีกับเย่สวนมั้ย? คงไม่กล้าแน่ๆ
เย่สวนยังคงช็อกอยู่ สติยังไม่กลับมา ทำไมหวังหยุนถึง ได้มอบเรื่องดีๆ อย่างนี้ให้เธอ จู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ สายตามองไปที่ร่างของลู่เสี้ยง
หยาง เมื่อกี้ลู่เสี้ยงหยางเป็นคนพาหวังหยุนเข้ามา
เธอยังจำได้ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนบริษัทของเธอขาดเงิน หมุนอยู่หนึ่งร้อยล้าน สุดท้ายก็เป็นลู่เสี้ยงหยางที่หาเงิน ก้อนนั้นมาอุดช่องโหว่ให้เธอได้
และวันนี้ตอนที่เธอถูกคนในตระกูลขายออกไปเหมือน เป็นสิ่งของ ก็เป็นลู่เสี้ยงหยางที่ช่วยพาหวังหยุนมาช่วยเธออีก
เธอยิ่งดูยิ่งมองผู้ชายคนนี้ไม่ออก สรุปว่าเป็นฮีโร่ที่ช่วย ได้ทุกอย่าง หรือว่าเป็นแค่ขยะในสายตาคนอื่น
หลิวจิ้งดีใจจนยิ้มไม่หุบ ไม่รอให้เย่สวนตอบตกลงหวัง หยุน เธอก็เอ่ยปากก่อน “ขอบคุณประธานหวังที่ไว้ใจ เย่ สวนของพวกเราต้องช่วยคุณแบ่งเบาภาระ และทำได้อย่าง ดีแน่นอน”
“ดี ผมเชื่อในความสามารถของคุณเย่ เรื่องนี้ก็เอาแบบนี้ แล้วกัน ผมมีธุระขอตัวก่อน” หวังหยุนหันหลังและเดินออก จากห้องประชุมไป ขณะที่เดินผ่านลู่เสี้ยงหยาง ก็พูดพลาง ยิ้มเล็กน้อย “พี่เลี้ยงหยาง เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณพี่ด้วย มี เวลาผมเลี้ยงข้าวพี่เอง”
ห้ะ? !
คนในตระกูลเยไม่น้อยเกือบจะทรุดลงกับพื้น หวังหยุนเรียกลู่เสี้ยงหยางว่า พี่เลี้ยงหยาง? !
“โอเค มีเวลาไว้นัดกัน นายรีบไปทำธุระเถอะ” ลู่เสี้ยง หยางพูดพลางยิ้ม
สายตาของคนตระกูลเย่ ส่งหวังหยุนออกจากห้อง ประชุมไป
หลังจากนั้น สายตามอง จางยูนเหาก็ยึดตัวตรงอีกครั้ง ไปที่ลู่เสี้ยงหยาง ด้วยสายตามุ่งร้าย
เรื่องดีๆ ในวันนี้ของเขาโดนไอ้ลูสเซอรนี้ทำพังหมด
“ไอ้น้อง อย่าคิดว่านายรู้จักคนมีเงินไม่กี่คน ก็จะมาอวด ได้นะ คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองอยู่ในสังคมชั้นสูงน่ะ?” จางยู นเหามองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง ด้วยใบหน้าติดตลก
คู่เสี้ยงหยางทำสีหน้านิ่ง เตรียมฟังจางยูนเหา ว่ามีอะไร จะบ่นอีกมั้ย
แต่ จางยูนเหาหัวเราะอย่างเย็นชา และพูดต่อ: “ไม่ว่า แกจะทำอะไร หรือว่าแกจะรู้จักกับใคร แต่มันก็ลบล้าง ความสกปรกโสมมที่ฝังอยู่ในกระดูกแกไปไม่ได้ แกกับเย่ สวนไม่ใช่แต่งงานกันแล้วเหรอ? ทำไมยังไปหาผู้หญิงคน อื่นในที่แบบนั้นอีกล่ะ?”
ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าจางยูนเหาหาจังหวะได้ดีจริงๆ คำพูดคำ สองคำก็สามารถทำให้สิ่งที่คนตระกูลเย่สงสัยในตัวลู่เสี้ยง หยางเมื่อกี้ หายวับไปกับตา
ใช่แล้ว! ไม่ว่าลู่เสี้ยงหยางจะเก่งยังไง แต่ก็ยังไปในที่ แบบนั้นหาผู้หญิงสำส่อน
เยสวนสับสนมาก อารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อครู่ก็กลายเป็นแย่ลง ไปอีก
หลิวจิ้งหืออกมา แล้วพูดกับเย่สวน: “ลูกยังไงวันนี้ลูกก็ ต้องหย่ากับไอ้ขยะนี่ แม่ทนมันต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“เหอะ น่าขำ ฉันคิดว่านายจะมาแบบไหน เห็นทีก็แค่นี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อมาก็ถึงตาฉันแล้ว” ที่ผิดปกติก็คือ จู่ๆ ลู่ เสี้ยงหยางก็หัวเราะออกมา ต่อมาก็ดีดนิ้วเบาๆ ประตูของ ห้องประชุมถูกเปิดออก ชายรูปร่างกำยำสองคนนิ้วปีกชายคนนึงเข้ามา
ปัง!
ร่างของจางยูนเหาสั่นเทา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกใจจนหา ที่เปรียบไม่ได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ