หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 130 อันตรายที่แท้จริง



บทที่ 130 อันตรายที่แท้จริง

จบประโยค หลินยงและคนอื่นๆจับจ้องลู่เสี้ยงหยางด้วย สายตาไม่ประสงค์ดี ไอ้นี่ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีประสบการณ์อะไร ทั้งนั้น ไม่พกอาหารมาด้วย นำมาเพียงขนมปังและน้ำเปล่า เท่านั้น

ขนมปังหากทานทุกมื้อ จะเลี่ยนเอาได้ง่ายๆ ถึงเวลานั้นแม้ ตัวเขาเองยังยากที่จะเอาตัวรอด เช่นนี้จะเป็นบอดี้การ์ด ปกป้องคนอื่นได้อย่างไร

หลินยงหัวเราะเสียงดังลั่น เสมือนว่าคิดอะไรบางอย่าง ออก “คุณลู่ เราต่างก็เป็นบอดี้การ์ดของคุณหนู เราไม่ให้ คุณ

คุกเข่าแล้วก็ได้ ขอเพียงแค่คุณกล่าวคำขอโทษ ยอมรับ ว่าตัวคุณเองไม่รู้อะไรเลย เป็นคนคุยโม้คนหนึ่ง เราจะให้คุณ ร่วมทีมกับเราก็ได้”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา เขาทำเช่นนี้ เสมือน ว่าเหยียบลู่เสี้ยงหยางอยู่ใต้เท้าได้แล้ว

“ไอ้พวกไร้สมอง” ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้าอย่าไม่แยแสพวก

เขา

“เหอะ อะไรกัน? ฉันจะคอยดูว่าไอ้นี่มันยังจะปากแข็งได้อีกสักกี่น้ำ” เจียงตงเด๋อหัวเราะเยาะด้วยที่ท่าที่โหดร้าย มากกว่าเก่า

หลินยงระเบิดหัวเราะอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม พร้อมจับจ้องไปทางสู่เสียงหยาง “ไอ้กระจอกสักวันแกต้อง คุกเข่าขอร้องพวกเราจงได้”

ช่างกวนหวั่นหวั่นคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นโบว์ ทีแรกเขาคิด ที่จะเรียกลู่เสี้ยงหยางมาร่วมแจมด้วย แต่เมื่อนึกถึง เหตุการณ์รักตัวกลัวตายของเขาเมื่อวัน ไฟโกรธเธอพลอย ปะทุขึ้นมา เบื่อที่จะสนใจเขาว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ช่างกวนหวั่นหวั่นและคนอื่นๆ อิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย พวก เขาเก็บข้าวของเตรียมเดินทางต่อ

ตลอดช่วงบ่ายเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งหัวค่ำ หลินยงและคนอื่นๆตั้งแคมป์ดื่มต่ำกับอาหาร ก่อนเดินทาง

ต่อ

ตกตึก กระทั่งฟ้ามืด ช่างกวนหวั่นหวั่นและคนอื่นๆถึงได้ หยุดพักแรม

ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ออดแอดอย่างที่คิด ภายในป่าลึกแห่งนี้ สัตว์ป่าพิษร้ายสามารถปรากฏขึ้นได้ทุกเมื่อ เขาต้องการให้ อันตรายลดต่ำที่สุด
เขาจึงปืนขึ้นต้นไม้ พิงหลับพักผ่อนกับกิ่งไม้ไหญ่

ยังไงซะนอนในแคมป์ สัญชาตญาณมนุษย์จะผ่อนคลายให้ การป้องกันใดๆ นี่เป็นโอกาสอันดีของเหล่าสัตว์ป่า

เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางที่ปืนขึ้นต้นไม้เจียงตงเก๋อที่นั่งอยู่ใน แคมป์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนเยาะเย้ย “แกไม่ใช่ลิง สักหน่อย ปืนขึ้นต้นไม้ทำไมกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่ว ทุกคนต่างจ้อง มองลู่เสี้ยงหยาง อย่างได้ใจ

หลังเสียงหัวเราะสงบลง หลินยงจับจ้องไปทางลู่เสี้ยง

หยางพร้อมเอ่ยขึ้น “อันที่จริงแล้ว แกอยู่บนกิ่งไม้นั่นเหมือน

ลิงอยู่นะ แกลองแสดงละครลิงให้คุณหนูเราดูสักหน่อย ไหม หากคุณหนูเราอารมณ์ดี ไม่แน่อาจยอมให้แกมานอน ในแคมป์ก็ได้ ยังดีกว่าแกต้องนอนบนกิ่งไม้นั่น”

ได้ยินประโยค ลู่เสี้ยงหยางยังคงหลับตานิ่ง แต่ในใจกลับ เย็นเยียบ

ไอ้พวกนี้คอยจ้องหาเรื่องเขาอยู่บ่อยครั้ง คิดว่าเขาไม่กล้า ลงมือฆ่าทิ้งอย่างนั้นหรือ

ครึ่งแรกของกลางดึก ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ไร้ อุบัติเหตุใดๆ
ผ่านไปสักพัก ลู่เสี้ยงหยางที่หลับสนิทลืมตาตื่นขึ้น ด้วย สีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อสักครู่ เขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา ใกล้ ขึ้นเรื่อยๆ

ชายหนุ่มขนลุกซู่ไปทั้งตัว โดยอัตโนมัติ ลมหนาวเย็นยะ เยือกแผ่ซ่านจากทั่วทุกทิศ

แต่ น่าประหลาด เมื่อเขากวาดสายตาไปทั่วทิศทาง กลับ ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด

ในขณะนี้ ลู่เสี้ยงหยางไม่ทันได้สังเกตเห็น ห่างจากเขา

ร้อยเมตรบนท้องฟ้า ปรากฏไอควันเขม่าด่าทะมึน

“แปลก หรือว่าผมคิดไปเอง?” ลู่เสี้ยงหยางบ่นพีมพ่า พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม

ลู่เสี้ยงหยางหลับตาลงอีกครั้ง เพียงแต่ เขารู้สึกได้ถึง ความผิดปกติของอะไรบางอย่างแรงกว่าเมื่อครู่มาก

เวลาผ่านไป เช้าตรู่ของอีกวัน ในระยะเวลานี้ไร้ซึ่งความ ผิดปกติแต่อย่างใด

ลู่เสี้ยงหยางกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ เตรียมออกเดิน ทางต่อ

เจี่ยงตงเก๋อเอ่ยกับลู่เสี้ยงหยางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เมื่อ คืนต้องคุกเข่าบนต้นไม้ ความรู้สึกนี้ดีมากเลยใช่ไหม?”
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะกับประโยค พร้อมเอ่ยอย่างมีเลคนัย “ในป่าลึกไม่สงบนักหลอก หากแกคุกเข่าต่อหน้าฉันตรงนี้ เมื่อแกมีอันตราย ฉันจะลองพิจารณาช่วยชีวิตที่ไร้ค่าของแก ดู”

ประโยคนี้สำหรับเลี้ยงตงเก้อ เป็นเรื่องที่ตลกที่สุด เขา ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น พร้อมเยาะเย้ย “คำนี้ควร เป็นฉันที่พูดกับแกถึงจะถูก ไอ้โง่ แค่คำท้ารบของอาจารย์ไป ยังไม่กล้ารับเลย แกมีสิทธิ์อะไรที่จะโอ้อวด กินยาลืมเขย่า ขวดสินะ?”

หลินยงและคนอื่นๆไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะได้ พร้อมเพ่ง ไปทางสู่เสี้ยงหยาง ด้วยความนับถือในความขี้โม้ของเขา

ช่างกวนหวั่นหวั่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมสายหน้าสู่

เลี้ยงหยางนับวันยิ่งโอ้อวดขึ้นทุกวัน เธอชักรำคาญขึ้นมา

แล้วสิ หากแต่เธอไม่เอ่ยอะไรทั้งนั้น เพียงส่งสัญญาณให้หลินยง เร่งเดินทางต่อ

วัดชิงหลงอยู่บนหุบเขาลึก ระยะทางไกลแสน วันนี้เป็นอีก หนึ่งวันที่พวกเขาเสียเวลาไปกับการเดินทาง

หัวค่ำ ก่อนฟ้าหม่น ในที่สุดพวกเขาเดินทางมาถึงวัดซิง หลงจงได้
สู่เสี้ยงหยางทอดสายตาเพ่งไปยังข้างหน้า วัดร้างที่มีอายุ เก่าแก่กว้างใหญ่ไพศาล

ประตูบานใหญ่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา พร้อมโอบล้อม ด้วยกำแพงหนา

ทุกอย่างดูทรุตโทรม มองผ่านร่องประตู สามารถเห็นใบ หญ้าที่ขึ้นรกปกปิดหนทาง

ลู่เสี่ยงหยางไม่อยากเชื่อ ในที่แบบนี้จะมีของอะไรหลง เหลืออยู่ใต้อย่างไร ที่คุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างช่างกวนหวั่นหวั่น ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง แถมบิดาของเขายังให้ความ สำคัญมากขนาดนี้

“ฮ่าฮ่า คุณหนู ไม่เสียแรงที่อดทนพยายาม ในที่สุดเราก็ มาถึงวัดชิงหลงจนได้” หลินยงเอ่ยกับช่างกวนหวั่นหวั่นด้วย ความตื่นเต้น

“อืม” ช่างกวนหวั่นหวั่นพยักหน้าเห็นด้วย ความตื่นเต้น และดีใจฉาบบนใบหน้าอย่างปกปิดไม่อยู่ ของที่อยู่ภายใน วัดชิง หลง แห่งนี้มีความสำคัญต่อตระกูลเธอเป็นอย่างมาก ขอเพียงแค่เธอได้สิ่งนั้นมา เธอก็จะสามารถเปลี่ยนแปลง ตระกูลของเธอ

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนู เราเข้าไปกันเถอะ” หลินยงเร่งรัด อย่างอดไม่อยู่ ขอเพียงแค่คุณหนูของพวกเขาบรรลุเป้า หมายที่ตระกูลมอบให้ พวกเขาก็จะได้รับความดีความชอบสถานะของพวกเขาก็จะแตกต่างออกไป

“โอเค หัวหน้าหลิน เราเข้าไปด้วยกัน” ช่างกวนหวั่นหวั่น เอ่ยอย่างตื่นเต้น

หลินยงพยักหน้า พร้อมยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้กับบอดี้ การ์ดข้างหลัง ก่อนที่พวกเขาจะผลักประตูเข้าไปเพื่อสำรวจ สถานการณ์

ช่างกวนหวั่นหวั่นและหลินยง ยกเท้าขึ้น เพื่อก้าวเข้าไปสู่ พุ่มหญ้าข้างหน้า

ไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวเท้า เธอกลับต้องพบกับภาพที่ไม่อาจ

ลืมเลือนไปตลอดชีวิต

หัวของเหล่าบอดี้การ์ด หลุดออกจากคอร่วงหล่นลงบนพื้น อย่างเงียบเชียบ

เลือดสาดกระเซ็นกลางอากาศราวดอกไม้ไฟ สยองเสียยิ่ง กว่าอะไรดี!

เพียงชั่วอึดใจ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณภายใน วัดร้างแห่งนี้

ลู่เสี้ยงหยางตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารับรู้ได้ ถึง อันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ