อัคคีสวรรค์
เทือกเขาเป่ยหลิง แดนศักสิทธิ์อันเลื่องชื่อของมณฑลเป๋ ยเสงี่ย
นิกายอัคคีสวรรค์ หนึ่งในสามนิกายใหญ่ที่สุดในมณฑล เป่ยเสวี่ย ก่อตั้งฐานที่มั่นอยู่ในส่วนลึกที่สุดของเทือกเขา เป่ยหลิง
“ท่านเจ้าตำหนักแย่แล้วขอรับ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงร้องโหวกเหวกก็ได้ทำลายความสงบ ยามเช้าจนหมดสิ้น ศิษย์คนหนึ่งของตำหนักหยินหยางที่ มีหน้าที่ดูแลป้ายพลังชีวิต ได้วิ่งพรวดพราดเข้ามายังนอก เรือนที่พักของเจ้านําหนัก
“เอะอะวายวายอะไรไร้มารยาทเสียจริง เกิดเรื่องอะไร ขึ้นกันล่ะ?”
ชายในชุดคลุมยาวสีทองเข้ม หยวดเคราขาวโพลน ร่างกายเหยียดตรงคนหนึ่งได้ก้าวเดินออกมา เขาคือโย วเทียนกู่ผู้เป็นเจ้าตำหนักหยินหยาง เขาโอบสตรีรูปร่าง แช่มช้อย ใบหน้ารูปไข่หยาดเยิ้มที่ปรากฏริ้วแดงอ่อนๆ แต่งกายด้วยชุดกระโปรงสั้นผ้าโปร่งบางขับผิวขาวเนียน ละเอียด ก้าวเดินออกมาจากในห้องพร้อมตะโกนก่นด่า
“เจ้าตำหนัก ป้ายพลังชีวิตของผู้อาวุโสโยวหมิงจือแตก สลาย ายไปแล้วขอรับ” ศิษย์ตำหนักหยินหยางกล่าวรายงาน อย่างหวาดหวั่น
“อะไรนะ ป้ายพลังชีวิตของโยวหมิงจือแตกสลาย!” เมื่อ ได้ยินข่าวเรื่องนี้ โยวเทียนกู่ก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน “หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่แดนลับศักดิ์สิทธิ์?”
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ โยวเทียนกู่ก็ไม่รอช้าที่จะ ทอดทิ้งสาวงามรูปร่างอรชรในอ้อมแขน และมุ่งหน้าออก จากตำหนักหยินหยางไปอย่างรีบร้อน มุ่งหน้าตรงไปทาง นําหนักที่พานักของจ้าวนิกายอัคคีสวรรค์
เพียงไม่นาน เรื่องที่ป้ายพลังชีวิตของพวกโยวหมิงจือ แตกสลายก็ได้แพร่กระจายออกไป สร้างความแตกตื่นไป ทั่วนิกายอัคคีสวรรค์
“เจ้าตำหนักกระบี่ เจ้ารีบเรียกตัวฟู่โยวเยวี่ยมา ข้ามีเรื่อง ต้องการจะถามนาง”
จ้าวนิกายอัคคีสวรรค์หั่วเหยียนถ่ายทอดคําสั่งด้วยน้ำ เสียงเย็นชา ดวงตาดำสนิททอประกายเยือกเย็น เขาแต่ง กายด้วยชุดคลุมยาวสีทองเข้ม ใบหน้าคมสันชัดเจนทุก องศาราวกับใช้มีดสลัก เส้นผมสีเงินนุ่มสลวยทิ้งตัวอยู่ กลางแผ่นหลังขอรับ ท่านจ้างนิกาย
เจี้ยนหยวนพยักหน้ารับคำสั่งและรีบไปตามตัวฟู่โยวเยวี่ ยมา
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านคิดว่าความตายของผู้อาวุโสทั่วและ โยวหมิงจือเกี่ยวข้องกับเยี่ยเฉินเฟิงหรือ?” สตรีผู้แต่งกาย ด้วยชุดกระโปรงยาวสีขาว บุคลิกสง่างามองอาจ เส้นผม สีดำยาวม้วนเป็นทรงอยู่กลางศีรษะ ปักยึดด้วยปิ่นหยก เพิ่งโถว ฮวาชิงหงเจ้าตำหนักร้อยบุปผาเอ่ยปากถาม
“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านเจ้าตำหนักกระบี่พูดมา เยี่ยเฉินเฟิง คนนั้นไม่ธรรมดา บางทีเขาอาจได้รับสมบัติบางอย่าง ในแดนลับศักดิ์สิทธิ์ และใช้มันปลิดชีพโยวหมิงจือกับผู้ อาวุโสหัว” หัวเหยียนตอบกลับเสียงกดต่ำ
“แม้จะมีโอกาสเกิดเรื่องเช่นนั้น แต่บางทีผู้อาวุโสทั่วและ โยวหมิงฉืออาจจะถูกสังหารโดยคนจากนิกายหุบเขา เมฆาวายุหรือนิกายบรรพตวิหคอัสนี”
“อย่างไรซะเยี่ยเฉินเฟิงก็เป็นเพียงจอมพลอสูรโลกา เท่านั้น ต่อให้เขาจะเป็นสัตว์ประหลาดแค่ไหนหรือได้รับ โชคลาภมากมายเพียงใด ก็ไม่น่าจะสังหารผู้อาวุโสโยว และผู้อาวุโสหัวพร้อมกันได้ในคราวเดียว”
ข้อสันนิษฐานของฮวาชิงหงได้รับความเห็นชอบจากคน ไม่น้อยทีเดียว
ในขณะที่ทุกคนกำลังโต้เถียงกัน ฟู่โยวเยวี่ยที่แต่งกาย ด้วยชุดกระโปรงยาวสีดำ รูปร่างสูงโปร่งเพรียวบางและ ดูเย็นชาสง่างามก็ได้เดินตามเจ้าตำหนักกระบี่เข้ามา ภายในตำหนักกลางของนิกายอัคคีสวรรค์
“ท่านจ้าวนิกาย ข้าพาตัวฟู่โยวเยวี่ยมาแล้ว” เจี้ยนหยวน กล่าวด้วยความเคารพ
“ศิษย์ฟูโยวเยวี่ยคาราวะท่านจ้าวนิกาย” ฟูโยวเยวี่ยเอง ก็แสดงความเคารพด้วย
“ฟู่โยวเยวี่ยข้ามีบางอย่างจะถามเจ้า เจ้าจะต้องตอบ ข้าตามตรง หากเจ้ากล้าโป้ปดแล้วล่ะก็อย่าหาว่าข้าไม่ ปราณี” ดวงตาของจ้าวนิกายหั่วเหยียนเผยความดุร้าย ออกมาและจ้องมองไปที่ฟู่โยวเยวี่ยอย่างเยือกเย็น
“ศิษย์ฟู่โยวเยวี่ยไม่กล้าที่จะปิดบังซ่อนเร้นท่านจ้าว นิกาย
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่รุนแรงของหั่วเหยียน ฟู่โย วเยวี่ยก็ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที นางเริ่มคาดเดาเกี่ยวกับสิ่ง ที่หั่วเหยียนต้องการถามจากนางในยามนี้
“ฟู่โยวเยวี่ยบอกข้ามา เจ้าเจอเยี่ยเฉินเฟิงครั้งสุดท้าย ที่ไหนในแดนลับศักดิ์สิทธิ์?” หั่วเหยียนกล่าวถามเสียง เรียบ
“เรียนท่านจ้าวนิกาย ข้าเจอเยี่ยเฉินเฟิงครั้งสุดท้าย ในปราสาทหินที่ปรากฏขึ้น เขาได้หายเข้าไปในกระแส น้ำวนสีดำ ส่วนเรื่องที่เขาถูกส่งไปที่ไหนนั้น ข้าไม่อาจ ทราบได้
เมื่อได้ยินคำถามของหั่วเหยียน ฟู่โยวเยวี่ยจึงคาดเดา ได้ว่าเยี่ยเฉินเฟิงจะต้องยังไม่ตายอย่างแน่นอน ทว่า ใบหน้าของนางกลับไม่แสดงอารมณ์ใด เพียงกล่าว อธิบายอย่างละเอียดรอบคอบ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ