นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่405เสิ่นอีเวยมีไข้สูง



บทที่405เสิ่นอีเวยมีไข้สูง

บทที่ 405 เสิ่นอีเวยมีไข้สูง

หลังจากทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จ เสิ่นอีเวยก็นั่งลงบน รถของเซิ่งเจ๋อเฉิง

ความจริงแล้วทางไปบริษัทเชิงชื่อกับทางไปที่ทำงานของ เสิ่นอีเวยนั้นไม่ได้ไปทางเดียวกัน เป็นคนละทางกันเลย แต่ ผู้ชายคนนี้ก็ยังดึงดันจะมาส่งหล่อน ไม่รู้ว่ามีแผนอะไร

ดังนั้นหลังจากที่รถออกตัว เสิ่นอีเวยยังคงคิดที่วิธีที่จะได้ ไปทำงานคนเดียว : “คุณเชิง คุณฟังฉันนะ ฉันเคยชินกับการ ไปทำงานคนเดียวลำพัง ตอนนี้มีคนไปส่ง ฉันรู้สึกไม่เป็นตัว ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะนะ”

เสิ่นอีเวยพยายามสังเกตท่าที่เขาอย่างระมัดระวัง เพราะ

ไม่ว่าอย่างไรพวงมาลัยก็อยู่ในเงื้อมมือเขา หล่อนไม่อยาก ทําให้เขาโมโห

ใครจะไปคิดว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงจะยังมีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขับ รถเลี้ยวรถต่อไป: “คุณนี่เสียงดังจริงๆ เงียบสักแป๊บได้มั้ย”

คือ เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมา แบบนี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดที่จะพิจารณาทบทวนปัญหานี้กับ หล่อนแม้แต่น้อย
“จริงๆแล้วฉันไม่ได้เสียงดัง ก็แค่…

“หุบปาก ถ้าขืนคุณยังกล้าพูดต่ออีก ผมจะโทร หาAlexเจ้านายของคุณตอนนี้ให้เลิกจ้างคุณ” เพิ่งเจ๋อเฉิงพูด ทิ้งท้ายอย่างเย็นชา

เสิ่นอีเวยจึงนั่งเงียบๆทันที

แม้ว่าหล่อนจะรู้ว่า ตอนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงอาจจะไม่เหมือนเมื่อ ก่อนที่ชอบตัดสินใจอะไรแทนหล่อนโดยไม่สนใจถึงความรู้สึก ของหล่อนเลย แต่หล่อนก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะอารมณ์และความ คิดของผู้ชายคนนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่เหมือนกับคน ปกติทั่วไปเลย

หล่อนจึงควรจะระวังเอาไว้ก่อน

หลังจากที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนั้น ตลอด ทางเสิ่นอีเวยก็เงียบไม่พูดอะไร

เมื่อรถเข้ามาจอดที่ถนนข้างอาคาร เงินอีเวยก็รีบคว้า กระเป๋าลงจากรถทันที จนกระทั่งวินาทีที่หล่อนปิดประตูรถ หล่อนจึงรู้สึกว่าหล่อนปลอดภัยแล้ว

เสิ่นอีเวยโน้มเอวก้มตัวลงมาพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิง: “แล้ว เจอ

หลังจากพูดจบ หล่อนก็รีบเผ่นไปทันที

หล่อนไม่ได้เห็น รอยยิ้มพออกพอใจของผู้ชายคนนั้นที่นั่ง

อยู่บนเบาะคนขับ

กัน”
อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานดื่มมากไป ดังนั้นเป็นอีเวยจึง รู้สึกไม่ค่อยสบายทั้งวัน ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะแอลกอฮอล์หรือ เพราะว่าประจําเดือนใกล้จะมากันแน่ แต่ก็คือไม่สบายนั่น แหละ

ปกติเงินอีเวยเป็นคนขี้ร้อน เครื่องปรับอากาศในห้อง ทำงานก็เปิดอุณหภูมิต่ำมาก แต่พอใกล้เวลาเลิกงาน หล่อน กลับรู้สึกว่าหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ดูท่าทางจะเป็น หวัดเสียแล้วแบบนี้

หล่อนรีบไปลาAlex แล้วก็เลิกงาน

พอถึงบ้านก็ได้รับสายของหยางอันทรานพอดี เสิ่นอีเวย นอนลงบนโซฟา เสียงเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง “ฮัลโหล ว่ายังไง

หยางอันหรานที่อยู่ปลายสายเหมือนจะฟังออกจึงถาม

ว่า “เธอเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”

“วันนี้เปิดแอร์เย็นมากไปหน่อย เลยเป็นหวัด เป็นไขนิด หน่อย” เสิ่นอีเวยตามพร้อมเอามือคลำหน้าผากตนเอง

“แล้วทำยังไงล่ะ ไม่มีใครดูแลเธอเลย ฉันโทรมาหาเธอ เพื่อที่จะบอกว่าพรุ่งนี้เช้าฉันจะพาเหมียนเหมียนไปร่วม กิจกรรมที่เมืองข้างๆ เริ่มเดินทางเที่ยวบินคืนนี้เลย อาจจะต้อง ไปอยู่ข้างนอกประมาณหนึ่งสัปดาห์”หยางอันหรานพูดจาก ปลายสาย

“ไม่เป็นไร เธอช่วยฉันดูแลเหมียนเหมียนให้ดีก็พอแล้วฉันโตแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก” เสิ่นอีเลยแกล้งพูดให้อีก ฝ่ายสบายใจ เพราะไม่อยากให้หยางอันทรานรู้ว่าตัวเองตอนนี้ นั้นรู้สึกแย่ขนาดไหน เพราะถ้าหยางอันทรานรู้ เหมียนเหมีย นก็ต้องถาม หล่อนไม่อยากให้เด็กน้อยเป็นห่วงตนเอง

“ก็ได้ ถ้าเธอรู้สึกไม่ค่อยดีช่วงสองวันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงาน ก็ได้ พักผ่อนอยู่ที่บ้าน เพราะยังไงท่านประธานเชิงคนนั้นก็ต้อง เลี้ยงดูเธอ แค่ค่าแรงทำงานสองสามวันคงจะไม่เท่าไหร่ “น้ำ เสียงหยางอันหรานไม่เหมือนปกติ เต็มไปด้วยการกระเซ้าเย้า แหย่

เสิ่นอีเวยไม่พอใจรีบตัดบท “เธอรีบหุบปากไปเลย อย่า มาพูดจามั่วซั่ว”

หยางอันหรานหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะวางสาย

พูดกับอีกฝ่ายอย่างมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีทาง เป็นอะไรหรอก แต่เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงว่า คืนวันนั้นเองตนเองก็ เกิดเรื่องเสียแล้ว

ตอนที่หยิบเทอร์โมมิเตอร์ออกจากใต้รักแร้ ก็มีไข้ ถึง 38.9องศาแล้ว เสิ่นอีเวยพยายามตะเกียกตะกายลุกจาก เตียงเพื่อไปร้านยาข้างนอกซื้อยาลดไข้ แต่พบว่าร่างกายของ หล่อนนั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม้แต่เรี่ยวแรงยันตัวเองบุกขึ้นจาก เตียงยังไม่มี

มาถึงตอนนี้ เสิ่นอีเวยถึงรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว หยางอันตรานกับเหมียนเหมียนกำลังขึ้นเครื่อง หลิน โม่เหยียนอยู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ ภายในเมืองนี้หล่อนก็ไม่มีใครที่ เชื่อใจได้อีกแล้ว

จริงๆ แล้วตอนนี้ สมองของเสิ่นอีเวยคิดถึงชื่อหนึ่งขึ้นมา แต่หล่อนไม่กล้ายอมรับ และก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า เมื่อ ตนเองอยู่ในสภาพที่ไร้คนช่วยเหลือกลับคิดจะโทรหาคนๆนั้น

หล่อนเลือกเองในใจ เลือกที่จะผ่านหวัดครั้งนี้ไปด้วย ตนเอง ดังนั้นจึงโยนโทรศัพท์ไปอีกทางเตรียมตัวนอน

แต่หล่อนกลับมองข้ามอีกหนึ่งปัญหาไป คนเราเมื่ออยู่ใน สภาพที่ย่ำแย่ที่สุด มักจะนอนไม่หลับ คืนนั้นหล่อนเป็นไข้ทั้ง คืน จนกระทั่งสุดท้ายแล้วรู้สึกได้ว่าเริ่มไม่ได้สติแล้ว

เสิ่นอีเวยกังวลว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป หล่อนอาจจะช่วย ตายอยู่ในบ้านโดยไม่มีใครรู้ ดังนั้น ในใจยอมลดทิฐิคิดจะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเพิ่งเจ๋อเฉิง

จะปลดล็อคโทรศัพท์ไม่ใช่เรื่องง่าย หล่อนพบว่าตัวเอง กดปุ่มตัวเลขไม่ได้ หล่อนรู้สึกว่าหล่อนไขขึ้นจนไร้เรี่ยวแรง ใน สมองมึนงงภาพข้างหน้าช่างมืดมัว

วินาทีสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะหมดสติไป โทรศัพท์ในมือ หล่อนก็ตกลงบนพื้น

แปดโมงครึ่งเช้าวันต่อมา มีรถคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน ตระกูลเงิน เพิ่งเจ๋อเฉิงออกมาจากรถเพื่อมารับเสิ่นอีเวยไป ทํางาน
ตอนแรกเขาคิดจะรอให้หล่อนเดินออกมาเองแล้วตกใจ รนแปลกๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเงินอีเวย แต่กลับปิดเครื่อง

แต่ว่าเขารอมาสิบนาทีแล้ว ก็ไม่มีใครเดินออกมา ในใจร้อน

ไม่รู้ทำไม ใจของเพิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึง ก้าวข้ามไปที่หน้าประตู ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะเข้าไปอย่างไรดี แต่กลับต้องตกใจเพราะว่าประตูนั้นไม่ได้ล็อค

ในใจเพิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น เปิดประตูแล้วเดิน เข้าไปห้องนอนของเสิ่นอีเวยอยู่ชั้นสอง เขาเคยมาครั้งที่แล้วจึง รู้ทางดีทำให้เจอเธอทันที

ริมฝีปากหล่อนแห้งแตก ดูท่าทางจะขาดน้ำมาก เพิ่งเจอ เฉิงเดินไปข้างเตียงอุ้มเงินอีเวยขึ้นมา และพบว่าร่างกายของ หล่อนร้อนจนน่าตกใจ

สายตาเพิ่งเจ๋อเฉิงเย็นเยือก เอาหลังมือองที่หน้าผากของ เสิ่นอีเวย ขมวดคิ้วแน่น

นี่ผู้หญิงคนนี้ปล่อยให้ตัวเองชมพิษไข้มาทั้งคืน เพิ่งเจือ เฉิงโกรธจนอยากปลุกเสิ่นอีเวยให้ตื่นขึ้นมาตอนนี้เพื่อถาม หล่อน

” สมควรตายจริง” เพิ่งเจ๋อเฉิงสบถออกมาด้วยเสียงต่ำๆ ขณะที่พุ่งตัวออกจากห้องนอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ