นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่193การถกเถียงกันระหว่างคนสองคน



บทที่193การถกเถียงกันระหว่างคนสองคน

บทที่ 193 การถกเถียงกันระหว่างคนสองคน

เดิมที่เพิ่งเจ๋อเฉิงต้องการให้เงินอีเวยนอนต่ออีกสักครู่ แต่ ในเวลานี้พยาบาลกลับผลักประตูเข้ามา ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งใน พยาบาลสาวสองคนเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้

ทันทีที่หญิงสาวเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิงฟื้นแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะ สะดุ้งตกใจ เท้าที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วหยุดกึกทันที เพิ่ง เจ๋อเฉิงกับพยาบาลสาวมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความ ร้อนเมื่อคืนทำให้เลอะเลือนหรือเปล่า สายตาของเขาชัดเจน แต่ใบหน้าที่หล่อเหลากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

นางพยาบาลสาวไม่พูดจา เพิ่งเจ๋อเฉิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร เช่นกัน ทั้งสองต่างมองหน้ากันเงียบๆ อยู่อย่างนั้น สุดท้าย ใบหน้าของพยาบาลสาวแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ มัน คือหน้าที่ เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่มรูปหล่อที่นอนอยู่บนเตียงผู้ ป่วยทีละก้าว

สวัสดีค่ะ ฉันขอวัดอุณหภูมิหน่อยนะคะ” สายตาของ พยาบาลสาวเลื่อนลอยขึ้นมาและตกลงบนใบหน้าของเพิ่งเจอ เฉิง ฝ่ายหลังไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เลย การ แสดงออกบนใบหน้าค่อนข้างเรียบเฉย”ครับ” เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบเบาๆ

พยาบาลสาวยื่นปรอทวัดไข้ในมือของตนให้กับเพิ่งเจอ เฉิง ในที่สุดก็มีความกล้ามองตรงไปที่เขาได้ อยู่มายี่สิบกว่าปี เพิ่งจะได้พบกับชายหนุ่มรูปงามเป็นครั้งแรก ไม่อยากมองก็ ต้องมอง!

พยาบาลสาวอยากจะพูดในใจ

เชิงเจ๋อเฉิงถนัดมือซ้าย ตอนแรกเขาจะใช้มือซ้ายหยิบ ปรอทวัดไข้ไปสอดไว้ใต้รักแร้ข้างขวา โดยสัญชาตญาณ แต่ แขนซ้ายนั้นถูกเสิ่นอีเวยกดทับเอาไว้ตลอดเวลา คนที่กำลัง หลับสนิทจนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววที่จะตื่นขึ้นมาเลย ช่วยไม่ได้ เพิ่งเจ๋อเฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วใช้มือขวาหยิบปรอทวัดไข้เพื่อ สอดเข้าข้างซ้าย

ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้คอเสื้อผู้ป่วยที่เพิ่งเจ๋อเฉิงใส่อยู่เปิด ขึ้นมาเผยให้เห็นไหปลาร้าเล็กน้อย พยาบาลสาวที่อยู่ข้างๆ ลืมตาโตมองจนพอใจ

เมื่อครู่ตอนที่ถือปรอทวัดไข้เข้ามารู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป หน่อย ความสนใจของพยาบาลสาวจับจ้องอยู่ที่ตัวเพิ่งเจ๋อเฉิง ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนนอนอยู่ข้างเตียงเลย พยาบาลสาวมองดูเพิ่งเจ๋อเฉิงวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างยาก ลำบากก็เตือนด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่ปลุกเธอก่อนเหรอ คะ?”

เซ็งเจ๋อเฉิงหลิ่วตาลงมองเสิ่นอีเวยก่อนจะตอบว่า “ให้เธอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ

ใบหน้าของพยาบาลสาวปรากฏอารมณ์ผิดหวังเล็กน้อย น้ำเสียงตามใจและอ่อนโยนเช่นนี้ดูท่าความสัมพันธ์ของทั้ง สองนั้นมีความพิเศษจริงๆ

ในเวลานี้ศีรษะที่หนุนอยู่บนแขนซ้ายของเพิ่งเจ๋อเฉิง ขยับเขยื้อนเล็กน้อย เพิ่งเจ๋อเฉิงสังเกตเห็น เป็นอีเวยเงยหน้า ขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วเอื้อมมือมาขยี้ตาท่าทางงัวเงีย สีหน้าบ่ง บอกถึงการนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มสักเท่าไร

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองดูเสิ่นอีเวยที่ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยไม่พูด ไม่จาใดๆ

หลังจากที่เสิ่นอีเวยลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือใบหน้า ของเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอสะดุ้งตกใจ ลุกขึ้นนั่งลืมตาโตมองเชิงเจ๋อเฉิ งก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไร?”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเพิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยขมวด คิ้วเล็กน้อย หรือว่าคนคนนี้เมื่อคืนเป็นไข้รุนแรงเกินไปจน ทำให้สมองเลอะเลือนเสียแล้ว แต่ก็คงไม่ถึงขนาดเปลี่ยนไป เป็นคนละคนล่ะมั้ง ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาถามเธอว่านอนหลับ สบายดีหรือไม่ เสิ่นอีเวยเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ แต่มัน แปลกตรงไหนเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน และตอนนี้ก็ไม่มี เวลาให้เธอสำรวจปัญหานี้โดยเฉพาะ

เธอมองหน้าเซ็งเจ๋อเฉิงแวบหนึ่ง ลดสายตาลงแล้วตอบว่า “ก็ไม่ได้นอนหลับสบายอะไร ปวดกระดูกเหมือนกำลังจะแตกสลาย”

ที่เสิ่นอีเวยพูดมันคือความจริง เมื่อคืนกว่าจะได้พักผ่อน ดึกเกินไป แถมยังต้องนอนฟุบอยู่ข้างเตียงหลายชั่วโมง ไม่รู้ ลึกแย่ แปลก

เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้วมองรอยคล้ำใต้ตาเป็นวงของเสี นอีเวย ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “วันนี้ไม่ ต้องไปบริษัทแล้ว คุณกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”

เสิ่นอีเวยนิ่งเงียบไม่พูดจา ไม่ใช่ไม่อยากพูดแต่ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ ชายคนนี้ที่นอนอยู่ตรงหน้าตนเองยัง เป็นเชิงเจ๋อเฉิงที่เธอรู้จักหรือไม่?

ทำไมเขาถึงไม่พูดเย็นชากับตนเหมือนที่เคยเป็นมา? แถม ยังบอกให้ตนกลับบ้านไปพักผ่อนอีก โชคดีที่คุณยังมีมโนธรรม รู้ว่าฉันพาคุณมาส่งโรงพยาบาลและยังอยู่ดูแลคุณทั้งคืนด้วย เสิ่นอีเวยคิดในใจเช่นนี้

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองดูสีหน้าแปลกใจของเสิ่นอีเวยอย่างเงียบๆ เพราะยังติดที่มีพยาบาลสาวคนหนึ่งอยู่ตรงนี้ จึงไม่ได้พูดอะไร

มาก

น่าจะได้เวลาแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงจึงเอื้อมมือขวาหยิบปรอทวัด ใช้ออกจากด้านในเสื้อผ้าแล้วส่งต่อให้พยาบาลสาวข้ามหัว ของเส็นอีเวยไป

เงินอีเวยรู้สึกอึดอัด พอหันกลับมาก็พบว่ายังมีคนคนหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลังเธอ เป็นพยาบาลสาวผมสั้นที่เคยพบเมื่อวานนี้ทั้งสองสบตากันและไม่มีการสื่อสารใดๆ ระหว่างกัน

พยาบาลตัวน้อยก้าวไปข้างหน้าเพื่อเอาเทอร์โมมิเตอร์ จากมือของ Sheng Zecheng กระโดดด้วยหัวใจมองไปที่มัน แล้วพูดว่า “โอเคไข้ได้ลดลงแล้วไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่

พยาบาลสาวก้าวเข้าไปข้างหน้าเพื่อรับปรอทวัดไข้จากมือ ของเพิ่งเจ๋อเฉิง หัวใจเต้นตึกตัก ชำเลืองมองแล้วพูดว่า “โอเค ค่ะ ไข้ลดลงแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไร

เพิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้ากับเธอแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ

พยาบาลสาวกำลังก้มหน้าจดอะไรบางอย่างลงในสมุด

บันทึก พอได้ยินหนุ่มหล่อพูดขอบคุณตัวเองก็รู้สึกหลงใหลจน สับสนไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบพยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้น จึงรีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยพร้อมกับสมุดบันทึก ในอ้อมอก เสิ่นอีเวยที่ตื่นขึ้นมาเอาข้อศอกกันไว้ที่ขอบเตียงและเฝ้าดู ทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ แม้ว่าเธอจะแค่ปุ๋ยปากเงียบๆ

แต่ความจริงในใจได้กลอกตาใส่ไปหลายครั้งแล้ว

ก็แค่ผู้ชายคนเดียวไม่ใช่เหรอ? หญิงสาวสมัยนี้ทำไมถึงดู ไม่มีอนาคตเลย ปล่อยให้หลงใหลในตัวเชิงเจ๋อเฉิงจนเป็นแบบ นี้ เธอนึกตำหนิอยู่ในใจ ลืมไปหมดว่าเธอหลงรักเพิ่งเจ๋อเฉิง เมื่อตอนอายุ 18 ปีได้อย่างไร

เงาเบื้องหลังของพยาบาลสาวหายวับไปตรงประตู เสี่ นอีเวยหันกลับมาก็พบว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงยังคงมองตนเองอยู่ไม่ขยับ ไปไหนทันใดนั้นจิตใจของเธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที เพิ่งเจอเฉิงไม่เคยมองตัวเองด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน

มันแฝงไว้ด้วยความหมายของการสอบสวน แต่กลับมี ความอ่อนโยนเล็กน้อย เสิ่นอีเลยไม่รู้ว่าการตัดสินของตัวเธอ นั้นแม่นย่าหรือไม่

เสิ่นอีเวยทนสบตาเพิ่งเจ๋อเฉิงเฉยๆ ไม่ได้ เพื่อเป็นการ คลี่คลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดลง เธอจึงถามเพิ่งเจ๋อเฉิงว่า “เอ สาวพยาบาลคนเมื่อครู่เหมือนจะสนใจในตัวคุณมากนะ

ทันทีที่ประโยคนี้กล่าวออกไป ไม่เพียงแต่สีหน้าของเพิ่ง เจ๋อเฉิงจะวิ่งตึงทันที แม้แต่เสิ่นอีเวยเองก็รู้สึกเสียใจ

สิ่งที่ตัวเองถาม มันเป็นคำถามบ้าบออะไรกัน! ถ้าหาก ความรู้สึกของเสิ่นอีเวยไม่ผิดพลาดล่ะก็ ตอนนี้บรรยากาศ ระหว่างทั้งคู่น่าจะน่าอึดอัดใจมากกว่าเดิมเป็นหมื่นเท่า

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเธออย่างเย็นชา สายตาของเขาเหมือนจะ กลืนกิน เงินอีเวยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอได้ยินเพิ่งเจ๋อเฉิง ถามอย่างเรียบเฉย เธอรู้สึกเบื่อทั้งวันเลยเหรอ?”

น้ำเสียงของเขาเย็นชา แต่ก็ไม่น่ารังเกียจเหมือนเมื่อก่อน เสิ่นอีเวยไม่ได้คิดจะตอบคำถามนี้ของเขา เธอรู้สึกว่าคนคนนี้ ร้ายกาจมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีหลายด้านเช่นนี้

ในเวลานี้เป็นอีเวยเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิงคลำหาอะไรบางอย่าง ออกมาจากผ้าห่ม มันคือหมวกสีชมพูใบนั้นที่เธอใส่ให้เขาตอน ที่พาเขามาส่งที่โรงพยาบาลในตอนรุ่งเช้า เสิ่นอีเวยพูดไม่ออก อยู่ครู่หนึ่ง เธอสงสัยว่าเขาถอดมันออกตั้งแต่เมื่อไร
เพิ่งเจ๋อเฉิงพิจารณาหมวก ในมือแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า

“นี่เป็นของคุณเหรอ?”

เงินอีเวยพยักหน้าเล็กน้อย

ทำไมต้องให้ผมใส่มันด้วย?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ