บทที่ 8 กล้าดียังไงมารังแกคู่หมั้นผม
“แค่คุณนึกถึงฉัน ฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ ถ้าได้ ร่วมงานวิจัยกับคุณบ่อยๆ ฉันคงจะโดนพวกแพทย์ในโรง พยาบาลพากันด่าตายแต่ๆ”
หลินจื้อหัวเราะ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตัวให้ไม่ต้อง เด่นมากหน่อย คุณกลับไปทำงานเถอะ ถ้ามีตรงไหนไม่ เข้าใจก็ถามผมได้เลย
“ค่ะ”
เฉียวเมิ่งเยว่กลับไปถึงห้องทำงาน เอานิตยสารที่ไม่ได้ เปิดอ่านวางไว้บนโต๊ะ
โจวจื่อหยางกับเย่ชิงก็เป็นแพทย์ด้านหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง การประชุมงานวิจัยครั้งนี้ต้องได้เจอ พวกเขาแน่
แต่แล้วยังไงหละ
เธอต้องการจะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางนี้อย่างแท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าร่วมในการวิจัยนี้เพราะเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างง่ายดายแน่
**
เวลาดำเนินไปถึงวันพุธอย่างรวดเร็ว
เฉียวเมิ่งเยว่ก็ขับรถไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะ ต้องพูดในครั้งนี้กล้องถ่ายรูป และDV กับหลินจื้อแล้วถึงจะ ออกเดินทางไปที่งาน
มีเฉียวเมิ่งเยวขับรถของหลินจื้อ
รถโปโลของเธอนั้นถูกเกินไป ไม่เหมาะที่จะขับไปสถานที่ ที่มีแต่รถยนต์หรูหราราคาหลักล้าน
ถ้าปกติขับโปโลคันเล็กไปไหนมาไหนนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้า ในสถานที่แบบนี้ระวังสักหน่อยจะดีกว่า
เมื่อมาถึงสถานที่จัดงานในเขตชานเมือง เฉียวเมิ่งเยว่ก็ ปล่อยให้หลินจื้อไปพักในห้องวีไอพีก่อน สวนตัวเองก็ไป ทำหน้าที่เตรียมการต่าง ๆ และติดต่อกับผู้จัดสถานที่และ ติดตามความคืบหน้าของการประชุม
ถึงแม้ว่าจะเคยติดต่อแล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติ ที่การประชุมใหญ่แบบนี้จะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงกำหนดการ
พอพนักงานดูแลสถานที่เห็นว่าเฉียวเมิ่งเยว่กำลังเดินมา ก็พูดขึ้น: “หมอเฉียว คุณมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องที่ต้องการคุย กับคุณค่ะ”
“ค่ะ เชิญพูดได้เลย
“ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าพอศาสตราจารย์หลินบรรยายครบสองชั่วโมงก็สามารถพักได้เลย ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงนิด หน่อย มีการเพิ่มเวลาเข้ามาคุณคิดว่าจะได้ไหมคะ?”
“หัวข้อที่จะเพิ่มคืออะไรคะ ตารางเวลาของศาสตราจารย์ หลินนั้นกะทัดรัดมาก การบรรยายหลักสูตรในครั้งนี้เป็น ภาษาอังกฤษทั้งหมด หลักสูตรสองชั่วโมงก็ถือว่ายืดเยื้อ มากแล้วนะคะ ฉันคิดว่าศาสตราจารย์หลินต้องการการพัก ผ่อนในเวลานั้นค่ะ”
“ค่ะ ดิฉันทราบค่ะ” พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ “ฉันได้รับ แจ้งมากะทันหัน ว่ามีแขกคนสำคัญจะเดินทางมา หลังจบ การบรรยายจะมีการจัดสัมมนาขึ้น ในฐานะที่ศาสตราจารย์ หลินเป็นวิทยากรคนสำคัญหากไม่มีการเข้าร่วมทางเราก็ไม่ สามารถแก้ไขได้เหมือนกันค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ”
ทางพนักงานเคยร่วมงานกับเฉียวเมิ่งเยวมาแล้วหลาย ครั้ง เห็นการทำงานของเฉียวเมิ่งเยวมาตลอด
ในบางกรณีเธอนั้นสามารถตัดสินใจได้โดยตรง เมื่อเทียบ กับแพทย์และผู้ช่วยรอบ ๆ ศาสตราจารย์คนอื่น
“ฉันคงต้องคุยกับศาสตราจารย์หลินก่อน จะให้คำตอบคุณ ครึ่งชั่วโมงก่อนจบการบรรยายนะ”
“ค่ะ” เมื่อพนักงานได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่ง อก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปแจ้งคนอื่นๆก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
เฉียวเมิ่งเยว่หยิบตารางเวลาและแผนภูมิเดินไปนั่งที่ โซฟาด้านข้าง หอประชุมแล้วเปิดดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วจำลองสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในหัว
ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา “ไอหยา นี่ไม่ใช่เพิ่งเพิ่ง หรอกเหรอ?”
ดวงตาเฉียวเมิ่งเยว่ขยับเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นก็เห็นเชิง กับโจวจื่อหยางเดินมาทางเธอ
เย่ชิงสวมชุดกระโปรงยาวสีแดง กับผ้าคลุมหนังสัตว์ตัว ใหญ่
เส้นผมถูกดึงขึ้นไปมัดรวมกัน ประดับด้วยปิ่นปักผมประดับ
เพชร
ทั้งมีเสน่ห์และมีราคาแพง
โจวจื่อหยางที่ยืนข้างๆเธออยู่ในชุดสูทสีดำมือหนึ่งข้าง ถูกกุมไว้ด้วยมือของเย่ชิง และอีกข้างก็กระเป๋าใบเล็กของผู้ หญิง ดูเหมือนจะเป็นมาตรฐานเดียวกับแฟน
“สวัสดี เย่ชิง โจวจื่อหยาง” เฉียวเมิ่งเยวขมวดคิ้วเล็ก น้อย จากนั้นก็รวมอารมณ์ทั้งหมดแล้วกล่าวทักทายอย่าง อัธยาศัยดี
เย่ชิงนั่งลงข้างๆ เฉียวเมิ่งเยว่ มองดูเอกสารที่อยู่ในมือ ของเธอ แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ทำไมไม่ให้ผู้ช่วยของเธอดูหละ? โรงพยาบาลของเธอคงไม่แย่ถึงขั้นนี้หรอกจริงไหม เธอมาฟังการบรรยาย แม่แต่ผู้ช่วยสักคนก็ไม่ให้มาด้วย หรอ?”
“ฉันมากับเพื่อนที่ทำงานด้วย จริงๆงานพวกนี้ก็เป็นส่วน หนึ่งในหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ” เฉียวเมิ่งเยว่ขี้เกียจเกินจะ ใส่ใจกับถ้อยคำของเย่ชิงและพูดอย่างถ่อมตน
พวกเย่ชิงคิดว่าเฉียวเมิ่งเยว่จะอาย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะ ไม่ตอบกลับอะไรเลย พูดขึ้นอีก: “ได้ยินว่าเธอไม่ได้เรียน ปริญญาเอก ถ้าอย่างนั้นเธอคงจะทำงานมานานหลายปีแล้ว สินะ ทำไมถึงให้เธอมาทำหน้าที่ที่แม้แต่นักเรียนวิยาลัยยัง ทำได้หละ?”
“แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบกับพวกเธอสองคนได้ หรอก” เฉียวเมิ่งเยว่พูดไปด้วยดูนาฬิกาไปด้วย ไม่ต้องการ เสียเวลากับเย่ชิงและโจวจื่อหยาง “ใกล้เวลาแล้ว ฉันขอตัว ไปคุยกับศาสตราจารย์ของโรงพยาบาลฉันเรื่องการบรรยาย ก่อนนะ แล้วเจอกัน”
พูดจบ เฉียวเมิ่งเยว่ก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
จนกระทั่งเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน เฉียวเมิ่งเยว่ก็เนื้อตัวสั่น เท่าอย่างเสียการควบคุม
เธอยังคงประเมินอิทธิพลของโจวจื่อหยางกับเย่ชิงที่มีต่อ เธอตี๋าไป
เย่ชิงมองดูแผ่นหลังของเฉียวเมิ่งเยวที่เดินหายไป แววตา เต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชัง
หลังจากที่เธอรู้ว่าเฉียวเมิ่งเยว่ก็มาร่วมการบรรยายในครั้ง นี้ด้วย เธอก็คิดอยากจะเหยียบหยามเฉียวเมิ่งเยวต่อหน้า เธอ
เมื่อก่อนตอนอยู่ในโรงเรียน เฉียวเมิ่งเยว่ก็ดีกว่าเธอทุก อย่าง
เมื่อผู้คนพูดถึงมหาวิทยาลัยหนานเฟิง สิ่งแรกที่นึกถึงคือ เฉียวเมิ่งเยวและอย่างที่สองก็คือเธอ
ตอนนี้ เมื่อเธอกลับมาจากต่างประเทศ ก็ได้เป็นถึงรองผู้ อำนวยการแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังแล้ว
แต่เฉียวเมิ่งเยว่เป็นแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาล ธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ถ้าอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้ อ่านวยการแพทย์ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกห้าปี
ตั้งแต่เธอแย่งโจวจื่อหยางเธอจากไป เฉียวเมิ่งเยว่ก็ไม่ แคยคิดจะมองหน้าเธอกับโจวจื่อหยางอีกเลย
เรื่องนี้ทำให้เย่ชิงไม่พอใจมาก มองดูการแต่งตัวที่ละเอียด อ่อนแล้วรู้สึกบิดเบือน
ในสายตาของโจวจื่อหยางมีแต่หน้าของเฉียวเมิ่งเยวมา ตั้งแต่ไหนแต่ไร มองแต่เฉียวเมิ่งเยวตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัวจนกระทั่งเธอจากไป ไม่มองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ความผิด หวังเพิ่มขึ้นในใจอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้
**
การกระทำของพวกเขาทั้งสามคนอยู่ในสายตาของเห็ ออี้ลั่วที่ยืนอยู่ริมหน้าหน้าต่างจากชั้นสามทั้งหมด
เห้ออี้ลัวมองไปที่โจวจื่อหยาง ในดวงตาเปล่งประกายแสง ความชั่วร้ายออกมา
ข่งซิวชิงที่ยืนอยู่ข้างเห้ออี้ลัวยิ้มออกมา: “ใครไปทำให้ นายไม่พอใจหรอ?”
“ถ้าเกิดว่ามีคนมารังแกภรรยานาย นายจะทำยังไง?” เห้ ออี้ลั่วค่อยๆถามขึ้น
“ฉันไม่มีภรรยาสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง? เห้ออี้ถั่วเบื่อที่จะสนใจเขา
เมื่อข่งซิวชิงเห็นว่าเห้ออี้ลั่วนั้นจริงจัง เขาจึงตอบกลับ: “ถ้าเกิดว่ามีคนมารังแกภรรยาฉันละก็ ฉันก็จะฆ่ามันทิ้งซะ!”
“ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
จู่ๆข่งซิวชิงก็เรียกสติคืนมา “พี่รอง พี่ไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อ ไหร่? ฉันยังไม่ได้รับการ์ดเชิญเลย? ”
“ในอนาคต” เห้ออี้ลั่วทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินจากไป
**
การบรรยายของหลินจื้อจบลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเฉียว เมิ่งเยวจะมีประสบการณ์ในด้านของหลอดเลือดหัวใจและ หลอดเลือดสมองมาไม่น้อย แต่พื้นฐานทางทฤษฎีนั้นก็ มั่นคง
ฟังหลินจื้อบรรยายแล้วก็ไม่รู้สึกยากอะไร กลับได้ ประโยชน์มากมาย
หลังจากจบการบรรยาย ด้านทางผู้จัดงานก็ได้เตรียมการ พักดื่มชาให้
ผู้เข้าร่วมการฟังบรรยายต่างก็ไปที่ห้องโถงเล็กใกล้ๆเพื่อ ดื่มชาหรือลงไปเดินเล่นในสวนกันหมด
เฉียวเมิ่งเยว่ก็ใช่เวลาในช่วงนี้จากเรียงเอกสารที่หลินจื้อ เพิ่งบรรยายไปเมื่อกี้ และเรื่องที่ทุกคนได้คุยกันกับรูปภาพที่ เธอได้ถ่ายเก็บไว้ในระหว่างการบรรยาย
สถานที่จัดการบรรยายเป็นห้องประชุมขนาดกลาง ผนัง ห้องประชุมทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรด เพดานขนาดใหญ่ บรรยากาศดีมาก
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดหน้าต่างฝรั่งเศส
ลมกระโชกพัดมาทำให้เอกสารจำนวนมากกระจัดกระจาย ไปทั่วห้อง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ