ลูกเขยมังกร

บทที่ 845 การยับยั้งของหลี่จื่อเยว่



บทที่ 845 การยับยั้งของหลี่จื่อเยว่

และในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้น ชายคนนั้นก็ดัน หันไปเห็นซึ่งจือเข้าพอดี

เขาจึงหันไปถามเฉินเฟิงทันที “ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของคุณ

หรือว่า? ”

เฉินเฟิงมองตามทิศที่เขามองไป ก็เห็นว่าเป็นชิงจือ ส่วนเยว่เอ๋ อนั่งอยู่ข้างหลังเขาจึงมองไม่เห็น

เงินเฟิงถามกลับ “คุณคิดจะทำอะไร? ”

ชายคนนั้นจึงยิ้มออกมา “ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาไม่เลวนี่ ถ้า หากคุณยอมให้เธอไปนอนกับคุณชายหลัวสักคืนหนึ่ง บางทีหาก คุณชายหลัวมีความสุขอาจยอมปล่อยคุณไปก็ได้”

เฉินเฟิงถึงกับพึมพำอยู่ในใจ “เจ้าหมอนี่มันบ้าตัณหาชัดๆ ถึงได้กล้าเป้าไปยังตัวชิงจือแบบนี้”

เฉินเฟิงไม่ตอบกลับใดๆ ส่วนทางด้านคุณชายหลัวดูเหมือน ว่าจะติดต่อหาคนอื่นไปแล้ว ซึ่งดูจากสีหน้าของเขาแล้วคงจะมี การจัดการหมดแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะมีคนมาจับตัวเฉินเฟิง

ชายคนนั้นพูดจาโน้มน้าวอีกครั้ง : “ถ้าหากตอนนี้คุณยังไม่ คิดให้ดี รอให้คนมาแล้ว ต่อให้คุณอยากจะพูดก็ไม่มีโอกาสแล้ว นะ”
เฉินเฟิงรู้สึกว่าความตื่นเต้นได้สิ้นสุดลงตรงนี้แล้ว เขาเลย เตรียมจะโทรไปยังคนที่เขารู้จัก ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเขาถูกไล่ตาม ที่นี่ ตัวเขาก็จะยิ่งเจอปัญหายุ่งยากมากขึ้นไปอีก

แต่ในขณะที่เขาเตรียมจะโทรเรียกคนมา คุณชายหลัวคนนั้น เหมือนจะสังเกตเห็นคนที่อยู่ในรถของเฉินเฟิง และจากนั้นสีหน้า ของเขาก็กลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นก็ หยุดความคิดของตัวเองทันที

คุณชายหลัวเดินตรงไปยังรถของเฉินเฟิง และหญิงสาวคน สวยที่มากับเขาก็เข้าไปถามว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่เธอ กลับถูกเขาผลักออกมา หญิงสาวกรีดร้องคร่ำครวญออกมาอีก ครั้ง แต่ว่าคุณชายหลัวก็ไม่ได้สนใจเธอ พลางมุ่งหน้าไปยังรถ ของเฉินเฟิงที่จอดอยู่

เมื่อเขาเดินไปถึงหน้ารถก็พยายามมองดูอย่างถี่ถ้วนก่อนจะ อุทานออกมาด้วยตกใจ “เป็นเธอได้ยังไง?

คุณชายหลัวหันไปมองเฉินเฟิงด้วยความสับสนก่อนจะถาม “หลี่จื่อเยวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ทำไมเธอถึงมาอยู่บนรถของแก ได้ แกลักพาตัวเธอมางั้นหรอ ? ”

เฉินเฟิงเองก็ตกใจไม่น้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พอจะเดาได้ว่า หลี่จื่อเยาคนนั้นน่าจะหมายถึงเยว่เอ๋อ แต่ทำไมคุณชายหลัวคนนี้ พอเห็นเยว่เอ๋อแล้วต้องกลัวด้วย

ยังไม่ทันรอคำตอบจากเฉินเฟิง คุณชายหลัวก็เดินไปข้างรถ ของเฉินเฟิง เขาหยุดแล้วมองดูสภาพของตัวเองผ่านกระจกรถพร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูหลังออกอย่าง ระมัดระวัง

ทางด้านหลี่จื่อเยวที่เป็นเพราะอารมณ์กำลังย่ำแย่ ดังนั้น สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเธอเพียงแค่หันไปดูเพียงครู่เดียวก็ไม่ได้ สนใจอีก

แต่จู่ๆ ตอนนี้กลับมีคนมาเปิดประตูข้างๆ ที่เธอกำลังนั่งอยู่จึง ทําให้เธอตกใจไม่น้อย

“คุณหนูหลี่ สวัสดีครับ ดีใจที่ได้เจอคุณที่นี่” คุณชายหลัวพูด กับหลี่จื่อเยวด้วยรอยยิ้มจางๆ

เมื่อเห็นว่าเป็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง หลี่จื่อเยวจึงขยับถอย หลังไปโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะถามอีกฝ่าย

“คุณเป็นใคร? ฉันรู้จักคุณด้วยงั้นหรอ?

“คุณหนูหลี่อาจจะไม่รู้จักผมหรอก แต่ในงานเลี้ยงฉลองวัน เกิดของคุณหนู ผมเคยไปร่วมแสดงคำอวยพรแก่คุณหนู ดังนั้น ทุกวันนี้ก็เลยยังจำได้ เมื่อสักครู่นี้เห็นคุณหนูเข้าเลยแวะเข้ามา ทักทาย”

เขาพูดออกมาด้วยความเกรงใจอย่างมาก ซึ่งแตกต่างกับ ท่าทีที่เขาแสดงต่อเฉินเฟิง โดยสิ้นเชิง

แต่ว่าหลี่จื่อเยว่กลับไม่ได้มีอารมณ์จะมาพูดคุยกับเขา จึงได้ เพียงตอบกลับตามมารยาทเท่านั้น

“ขอโทษนะคะ คุณช่วยปิดประตูหน่อยได้ไหม ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่าฉันอยู่ที่นี่”

คุณชายหลัวได้เพียงตอบกลับด้วยความเคารพเท่านั้น

“ได้ครับ คุณหนูหลี่”

เฉินเฟิงและชายที่ยืนอยู่ข้างเขายืนดูฉากละครนั้นอย่างคาด

ไม่ถึง

“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? ”

“คุณดูไม่ออกงั้นหรอ? คุณชายหลัวคนนั้นก็พูดออกมาแล้ว ไม่ใช่หรือไง? ” เฉินเฟิงตอบกลับอย่างล้อเลียน

“ผมรู้ว่าคุณชายหลัวพูดแล้ว แต่ว่า …….

คุณชายหลัวที่หลังจากปิดประตูลงก็เดินมาตรงหน้าของ เฉินเฟิงพวกเขาสองคน

เขาพูดพร้อมกับจ้องเฉินเฟิง “คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับ

คุณหนูหลี่? ”

เฉินเฟิงที่เห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนก็ตอบ กลับอย่างเรียบง่าย : “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เพื่อนกันก็ เท่านั้น”

“คุณเป็นเพื่อนกับคุณหนูหลี่ อย่างคุณเนี่ยนะ? ” “ทำไม หรือว่าคุณจะลองไปเชิญเธอลงมาพูดล่ะ” เฉินเฟิงพูด

แนะ

แต่คุณชายหลัวกลับสะบัดมือ :“ไม่ต้องๆ ผมเชื่อแล้ว”
เฉินเฟิงจึงถามอีกครั้ง “ถ้างั้นพวกเราไปได้หรือยัง? คงจะ ไม่มีใครมาจับผมแล้วสินะ? ”

คุณชายหลัวพูดอย่างนอบน้อม: “ใช่ๆ ในเมื่อเป็นรถของ คุณหนูหลี่แน่นอนว่าจะทำอะไรก็ได้ เมื่อสักครู่นี้เป็นแค่การหยอก ล้อกันทั้งนั้น จะมีคนมาจับพวกคุณได้ยังไงกัน ฮ่าๆๆ ”

“แล้วที่ผมค่อยคุณไปหนึ่งที่นั่นล่ะ จะให้ผมชดใช้ด้วยหรือ เปล่า ผมคงจะไม่มีเงินมากพอ คงต้องล้มละลายซะแล้ว”

แต่คุณชายหลัวกลับตอบอย่างจริงจังขึ้นมา “หมัดนั้นเป็น เพราะความผิดของผม สมควรจะได้รับโทษอยู่แล้ว จะให้พี่ชาย มาชดใช้ได้ยังไงเล่า ควรจะเป็นผมมากกว่าที่จะต้องชดใช้ด้วย การเชิญพวกพี่ชายไปทานอาหารสักมื้อเป็นการขอโทษ

เฉินเฟิงสะบัดมือปฏิเสธพร้อมกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง : “ทานข้าวคงจะไม่ต้องหรอก แต่คราวหน้าต่อให้จะเกิดเรื่องอะไร ขึ้นก็อย่ามาเล่นพิเรนทร์แบบนี้บนท้องถนน มันอันตราย”

คุณชายหลัวจึงรีบพยักหน้าทันที

เมื่อพูดจบ เฉินเฟิงก็เดินหันหลังกลับทันที เหลือเพียงแต่ชาย อ้วนและคุณชายหลัวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ชายอ้วนที่เห็นอย่างนั้นจึง หันไปถามคุณชายหลัวด้วยความสงสัย : “คุณชายหลัว ผู้หญิง คนนั้นเป็นใครมาจากไหนหรอครับ!

แต่ยังพูดไม่ทันขาดคํา คุณชายหลัวกลับต่อยหน้าเขาที่หนึ่ง อย่างคาดไม่ถึง เขากุมหน้าด้วยความเจ็บปวดพลางมองไปยัง คุณชายหลัว แต่คุณชายหลัวกลับตอบกลับด้วยความเย็นชา
“เรื่องที่นายไม่ควรรู้ก็อย่าได้ถาม

และในตอนนั้นเองเฉินเฟิงที่กำลังนั่งอยู่ในรถก็จ้องมองมาที่

เขาพอดี คุณชายหลัวจึงเปลี่ยนสีหน้าแล้วยิ้มใส่เฉินเฟิงโดย ทันที รอจนกระทั่งเฉินเฟิงขับรถจากไป เขาถึงกลับมาแสดงสีหน้า

เย็นชาอีกครั้ง

และแล้วพระอาทิตย์ก็ใกล้เวลาจะตกดิน แต่ว่าบริเวณโดย รอบพวกเขากลับมีเพียงความว่างเปล่า เมื่อมองไปข้างหน้าก็ไม่ เห็นหมู่บ้านเลยสักแห่ง ซึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเมืองเลย

รถของพวกเขาถูกจอดลงบนพื้นที่โล่งข้างทาง หลี่จื่อเยาดึงตัว ชิงจือวิ่งไปยังพื้นที่ที่มีร่มเงา ส่วนเฉินเฟิงที่เดินตามลงมาก เหลียวหันไปมองอีกทาง

จนกระทั่งเริ่มรู้สึกผ่อนคลายเขาจึงเดินออกมาจากหลังก้อน หินใหญ่ก้อนนั้น โดยตอนนี้หลี่จื่อเยาพวกเธอสองคนก็ยังไม่กลับ มา ในขณะที่พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงัด บนท้องฟ้า อันไร้เขตสิ้นสุดถูกประดับด้วยหมู่ดาวระยิบระยับจนแทบจะไม่ เหลือพื้นที่ว่าง

เฉินเฟิงที่นั่งอยู่บนก้อนหินข้างทางกำลังนึกคิดว่าควรจะถาม

เรื่องเล่าขานของมหาปรมาจารย์กับชิงถือว่าเป็นเรื่องจริงหรือ

เปล่า เพราะทางด้านชิงชิวอาจจะแค่เคยได้ยินคำบอกเล่าเท่านั้น แต่ชิงจือเป็นถึงมหาปรมาจารย์ก็น่าจะรู้เรื่องนี้แน่นอน แต่เมื่อเห็นว่าหลี่จื่อเย่จูงมือชิงจือกลับมา เขาที่ได้เห็นใบหน้าไม่รับแขกของชิงจือนั้น เขาก็คิดได้ทันทีว่าไม่ควรจะไปลองดีด้วย น่าจะดีกว่า

“คืนนี้พักผ่อนที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ต่อให้ตรงไปข้างหน้าก็ยัง ไม่มีเมืองอยู่ดี”

รอจนพวกเธอสองคนเดินเข้ามาใกล้ เฉินเฟิงจึงได้พูดขึ้น

สำหรับชิงจือไม่ได้มีความเห็นใดๆ แต่หลี่จื่อเยว่กลับพูดขึ้น ด้วยความกลัว

“ในป่าแบบนี้หรอคะ? จะไม่เจออันตรายหรอคะ?

เฉินเฟิงที่เห็นท่าทีระมัดระวังตัวเธอ ก็ตอบกลับด้วยความ หยอกล้อ

“ในเมื่อเธอกลัว ก็ลองเดินตรงไปข้างหน้าดูเอง บางทีหาก

เจอหมู่บ้าน เธอก็ไม่ต้องมาค้างคืนที่นี่แล้ว

หลี่จื่อเยวที่นึกสภาพตัวเองเดินบนถนนท่ามกลางความมืดมิด คนเดียว เธอก็นึกหวาดกลัวจนร้องออกมา

“ไม่เอา”

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจออกมา โดยที่เขา ไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของชิงฉือที่กำลังเคร่งขรึม

หลังจากที่ทานอาหารและน้ำหมดแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถ ทำอะไรได้อีกนอกจากนอนค้างคืนภายในรถเพื่อรอให้ฟ้าสาง ของวันรุ่งขึ้นมาถึงเท่านั้น
และในตอนที่เฉินเฟิงกำลังนอนหลับด้วยความสะลึมสะลือ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกของชิงจือข้างๆ เขา

“ตื่นๆ ! #

เฉินเฟิงถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ