Fate Agent เจตอารักษ์

บทที่ 12 งาน (ตอนปลาย)



บทที่ 12 งาน (ตอนปลาย)

เช้าวันใหม่กับอารมณ์บูด ๆ ของจิ้งจอกอสูรที่ทำหน้า ทําตาแบบอยากจะกระโดดถีบขาคู่ใส่ใครสักคนทําให้ บรรยากาศตอนเช้าหาความแจ่มใสไม่เจอ ส่วนตัวต้นเหตุ ที่ทำให้จิ้งจอกหนุ่มอารมณ์บูดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีม่วงอ่อนที่กําลังหัวเราะ อย่างสุขุมอยู่ตรงหน้าขณะนั่งทานอาหารเช้าด้วยกันนี่ล่ะ

หัวเราะนิ่ง ๆ แต่นาน ๆ

“หึ ๆ ขอโทษ ผมไม่ได้คิดจะกัดหางนายจริง ๆ นะเค ไนน์” เด็กหนุ่มตบบ่าปลอบใจจิ้งจอกอสูรที่นั่งซังกะตาย มองเขามาได้พักใหญ่แล้ว

“เออ ใช่สิ ไม่ใช่แค่กัดนะยังทิ้งขนข้าอีก เกือบขนแหว่ง แล้วไหมล่ะ” เคไนน์พูดใส่ เทพินชะงักกึกแล้วหันหน้าหนี

“เปล่าซะหน่อย ก็ใครใช้ให้นายกลับเป็นร่างจิ้งจอก แคระนั่นมานอนขดตัวอยู่ข้าง ๆ กันล่ะ ยังถือว่าดีที่ผมแค่ กัด ถ้าเกิดเผลอกลิ้งทับสงสัยจะตายคาเตียง”

“อย่าพูดเหมือนข้าอ่อนแอแบบนั้นสิเฟ้ย!” เคไนน์เบ้ปาก อย่างแค้นเคืองก่อนจะเริ่มตักอาหารเข้าปาก “ทั้งที่เจ้า เป็นคนผิดแท้ ๆ ยังมีหน้ามาโยนให้ข้าผิดอีก ไปหาวิธีทําให้เลิกนอนดิ้นเลยไป

“จะลองหาวิธีดูแล้วกันครับ” เทพินตอบรับส่ง ๆ

“แล้วนี่เจ้าจะไปสำรวจพื้นที่วันนี้ใช่ไหม ?” เคไนน์ถาม

ขึ้นมาใหม่ เทพินหันมามองเขาเล็กน้อยแล้วโคลงหัวไปมา “ก็คงต้องไปสำรวจดูหน่อยน่ะ จะได้เลือกสถานที่เหมาะ

ๆ ในการซุ่มดูพวกไกราทำงาน เวลาพวกนั้นส่งสัญญาณ

เรียกไปเก็บกวาดจะได้ทําได้ในทันที

“งั้นเราก็จะได้ไปดูงานเทศกาลด้วยสินะ” จิ้งจอกหนุ่ม ยิ้มบาง ๆ อย่างคาดหวังว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะพาเขา เที่ยวบ้าง ซึ่งรอยยิ้มนั้นมีอานุภาพการทำลายล้างแรง สูงเกินไปหน่อย ทำเอาเกิดเสียงกรี๊ดกร๊าดกันสนั่นห้อง อาหารเลยทีเดียว

ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่มานั่งในห้องอาหารนี้ก็มีพนักงาน หญิงและลูกค้าสาว ๆ ทั้งหลายมานั่งด้วยกันอย่าง แน่นขนัดจนแทบจะไม่มีที่ว่าง มีหลายคนที่เดินผ่านไป ผ่านมาโต๊ะที่พวกเขานั่งบ่อย ๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ให้ความ สนใจเพราะมัวแต่สนใจกันเองอยู่ แถมสาว ๆ หลายคน ยังพยายามเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปพ่อจิ้งจอกอสูรเก็บไว้ ด้วย
เทพินยกมือขึ้นกุมขมับหลังจากมองรอยยิ้มนั่นของเค ไนน์ รู้กันอยู่ว่าจิ้งจอกอสูรหน้าตาดีเกินไปแต่มันก็ยังจะ ยิ้มพิมพ์ใจออกมาแบบไม่ระวังอีก ถ้าไม่ติดว่ามีเขานั่งอยู่ ตรงนี้ล่ะก็ป่านนี้พ่อจิ้งจอกโดนฉุดหายไปห้องใดห้องหนึ่ง ในโรงแรมไปแล้ว

เฮ้อ… รู้สึกเห็นใจคนหน้าตาดีจริง ๆ แววโดนฉุดเยอะ

เหลือเกิน

“ผมว่า… เรารีบไปเถอะ ส่วนอื่น ๆ ค่อยไปคุยต่อกันบน รถ” พูดจบเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลิ่วออกจากห้อง อาหารไปอย่างรวดเร็ว

เคไนน์เดินตามหลังของเด็กหนุ่มไปอย่างไม่เข้าใจ แต่ ก่อนออกจากโรงแรมไปเขาเหมือนจะเห็นพนักงานจับ กลุ่มคุยกัน สีหน้าที่หวาดกลัวและซีดเซียว ลิฟต์เปิดออก มาพร้อมกับห่อผ้าสีขาว เขาได้กลิ่นเลือดจาง ๆ จากมัน ดวงตาสีทองหรี่ลงเล็กน้อยอย่างจับผิด

“เคไนน์ทําอะไรอยู่ รีบมาสิครับ !” เสียงเรียกของเทพิน ดึงสติของเขากลับมา

“กำลังจะไปเนี่ย เร่งอยู่นั่นแหละ” เคไนน์ถอนหายใจเบา ๆ มองห่อผ้านั่นอีกครั้งแล้วปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น…
หลังจากขับรถออกมาจากโรงแรมได้สักพักเทพินก็ถอน หายใจเฮือก ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยสนใจใครก็เถอะเพราะ ปกติก็ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวและไม่สะดุดตา แต่พอ มาอยู่กับเคไนน์ในร่างมนุษย์ที่หล่อเกินไป เทพินต้องทน รับสายตาเป็นจำนวนมาก… มากกว่าตอนที่อยู่กับพวกฟรี นและมุลินเสียอีก

ใช่ว่าเขาทนถูกมองไม่ได้ แต่มองเหมือนจะเสียบทะลุ ร่างก็ชวนกระอักกระอ่วนใจอยู่

“ถามหน่อยสิ แถวนี้มีสาขาของสมาคมไกรารึเปล่า ?” เค ไนน์เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบไปนาน

“มันก็มีทุกเขตเมืองนั่นแหละ ถามทำไมครับ ?”

“อ้อ แล้วทำไมพวกงานนี่ถึงได้มีส่งข้ามเมืองด้วยล่ะให้ คนในพื้นที่จัดการก็ได้นี่

“สมาคมสาขาน่ะไม่ได้มีหน้าที่ปล่อยใบงานให้กับไกรา แต่เป็นรับเรื่องเพื่อส่งเข้าไปที่ศูนย์ใหญ่ต่างหาก แล้วงาน ที่พวกสาขาจะปล่อยก็เป็นงานเก็บกวาด หรือไม่ก็ขาย ของให้กับไกราเท่านั้นเอง แล้วก็กระจายงานออกไปด้วย เพราะในบางเขตเมืองนักเก็บกวาดมีน้อย และงานพวกนี้ ส่วนใหญ่ปล่อยไว้นานไม่ได้น่ะ เลยต้องกระจายงานไป หาคนรับงานเร็วขึ้น จะได้ปิดงานเร็วขึ้น” เทพินอธิบายให้ ฟังอย่างคร่าว ๆ ถึงวัตถุประสงค์ในการตั้งสาขาสมาคม

“อ้อ เข้าใจล่ะ” จิ้งจอกอสูรหนุ่มพยักหน้า แต่ดวงตาไม่ ได้มองหน้าคนพูดเลยสักนิด เขามองไปรอบ ๆ ตัวด้วย ความสนอกสนใจในงานรื่นเริงตรงหน้า มันช่างคึกคักเสีย เหลือเกิน

“สนใจงานหน่อย” เทพินเคาะหัวจิ้งจอกตัวสูงเบา ๆ แต่ เคไนน์ก็ไม่ได้หันหลับมาสนใจเลยสักนิด แถมยังทำท่า ทางคล้ายจะดึงเขาเข้าไปในซุ้มอาหารต่าง ๆ อีก เทพิน คิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนจะซัดกำปั้นไปหลังหัวอีกฝ่ายเต็ม แรง “ก็บอกให้สนใจงานยังไงเล่า !”

“โอ๊ย ! ก็สนใจอยู่นี่ไงเล่า ข้ามองสำรวจสองข้างทาง ละเอียดยิบเลยนะจะบอกให้ !”

“เหรอ มีร้านอะไรน่าอร่อยบ้างล่ะ”

“ร้านสองร้านที่เพิ่งเดินผ่าน… เฮ้ย ไม่ใช่นะ ข้าสนใจ สํารวจจริง ๆ”

“หึ ๆ เอาเถอะ ดูไว้ก็ไม่ผิดอะไร ยังไงก็พอมีเวลาก่อน งานจะเริ่มล่ะนะ” เทพินตามใจปล่อยให้เคไนน์ออกไป เดินสำรวจร้านต่าง ๆ ส่วนเขาก็กดโทรศัพท์ดูข้อมูลเกี่ยว กับสถานที่ เทคโนโลยีสมัยนี้สะดวกสบายข้อมูลต่าง ๆ สามารถเปิดหาได้ในระบบเครือข่ายที่ถูกเรียกว่าอินเตอร์เน็ต แม้จะสำรวจไม่ได้ทั่วถึงแต่ก็ยังมีแผนที่เส้น ทางพร้อมระบุตำแหน่งให้ดูก็มีประโยชน์อีกระดับหนึ่ง

เทพินทองและจดจำข้อมูลเหล่านั้นโดยพยายามที่จะ มองตามจิ้งจอกอสูรร่าเริงเดินเข้า ๆ ออก ๆ หลายร้านโดย มีสาว ๆ เชื้อเชิญพร้อมแจกของแถมมากมาย เด็กหนุ่ม หัวเราะหึ ๆ ในลำคออย่างขบขัน ให้เงินติดตัวเคไนน์ไป ไม่ได้เท่าไรแต่ดูท่าอีกฝ่ายจะได้ของติดมือกลับมาเยอะ กว่าเงินที่เขาให้ไปเสียอีก

ความหน้าตาดีนี่มีประโยชน์แบบนี้ด้วยเหมือนกัน คุ้มค่า เหลือเกิน

“ดูสิ ๆ ของกินเต็มเลยล่ะเทน” จิ้งจอกอสูรกลับมาหาเขา เมื่อเงินหมดแล้ว พร้อมกับหิ้วของกินและของแถมมาเต็ม มือ รอยยิ้มสดใสไม่สมวัยนั่นทำเอาเด็กหนุ่มแสบตาไปชั่ว ขณะ

“ซื้อของกินมาเยอะแยะแบบนั้นกินคนเดียวหมดหรือไง”

“ไม่ได้ซื้อมากินคนเดียวสักหน่อย ข้าซื้อมาเผื่อเจ้าด้วย ต่างหาก !”

“ถามผมหรือยังว่าอยากกินไหม”
“เจ้าไม่กินข้ากินคนเดียวก็ได้ เชอะ !”

“ฮึ ! เจ้าจิ้งจอกตะกละ”

“ไอ้ไอ๊อะอะอ่ะ !

“ตะกละก็ยอมรับเถอะ แล้วก็กินให้หมดก่อนพูดด้วย”

“ง่า ๆ” จิ้งจอกหนุ่มกัดของกินในมือไปอย่างขุ่นเคือง ไม่ได้อ้าปากเถียงเทพินอีก เด็กหนุ่มเดินหนีไปอีกทาง เพื่อสํารวจริมฝั่งแม่น้ำ เขาจับกลิ่นอายของปีศาจได้ อย่างชัดเจน แต่ก็แยกไม่ออกว่าตัวไหนมิตรหรือศัตรู เขากวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วถอนหายใจออกมาอย่าง อ่อนใจ

สถานที่ไม่ได้กว้างขวางอย่างที่คิด เพราะจำนวนนักท่อง เที่ยวเยอะมาก ในบรรดานักท่องเที่ยวเหล่านั้นส่วนใหญ่ แล้วเป็นคนธรรมดา การที่ ไกราสายนักล่าจะทำงานได้ อย่างเต็มที่คงต้องพึ่งไกราที่เป็นสายสร้าง อาณาเขต ด้วย เช็คดูจากการจับสัมผัสพลังแล้ว เขาพบไกราสาย อาณาเขตมากถึงสิบคนด้วยกัน

ท่าทางงานครั้งนี้จะใหญ่ไม่ใช่เล่น

เทพินคิดในใจก่อนจะหัวเราะกับตัวเองอย่างสมเพชเล็ก น้อย นึกไม่ถึงว่าจะจับได้งานชิ้นโตเสี่ยงอันตรายขนาดนี้ ไม่น่าเห็นแก่เงินกับเชื่อคำพูดของเจ้าจิ้งจอกอสูร นั่นเลยจริง ๆ

“คิดอะไรอยู่น่ะเทน” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบที่ข้างหูทำให้ เทพินสะดุ้งแล้วหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว

“เคไนน์ !!”

“ก็ข้าน่ะสิ” คนที่เข้ามาประชิดตัวเด็กหนุ่มได้อย่างหน้า ชื่อตาใสเอียงคอมอง ดวงตาสีทองที่จับจ้องอย่างไม่ได้ ซื่อตามหน้าตานั้นทำให้คนถูกจ้องรู้สึกตงิด ๆ

“เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยนะ เกิดผมมือเท้ากระตุกถีบ ลงแม่น้ำไปนี่ไม่ตามไปเก็บขึ้นมาหรอกนะจะบอกให้

“ไม่ตามเก็บข้าก็ขึ้นจากแม่น้ำเองได้เฟ้ย” จิ้งจอกอสูร หน้าหล่อแยกเขี้ยวใส่ “แล้วนี่เหม่ออะไรของเจ้า เข้า ประชิดตัวแค่นี้ถึงกับสะดุ้ง”

“ก็คิดอะไรนิดหน่อยครับ แต่ดูเหมือนงานนี้จะเหนื่อย กว่าที่คิดไว้ล่ะนะ” เทพินยิ้มบาง ๆ แล้วหันไปมองแม่น้ำ ที่ทอประกายล้อแสงอาทิตย์ เที่ยงวันแล้วแดดแรงเป็น พิเศษทีเดียว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกร้อนเท่าไรนัก เคไนน์พิง รั้วเอียงคอมองลงไปบนผิวน้ำ

“เห… งั้นเหรอ”
“แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ใช่หน้าที่เราต้องเข้าไปยุ่งในงานของ ไกรานี่นะ แค่ป้องกันตัวพอเป็นพิธีก็คงใช้ได้แล้วล่ะ”

“ถ้าเจ้าจะเอาอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกไกราให้ มากนักสิ” เคไนน์ไม่เข้าใจว่าเทพินจะสำรวจรายละเอียด เยอะไปทําไม เขาสนใจแม้กระทั่งจำนวนคนและตำแหน่ง ของไกราด้วย นี่ถ้าอีกฝ่ายรู้ไปถึงภารกิจของไกราเลยก็ ไม่น่าแปลกใจ

“ไม่สนใจไม่ได้หรอก ผมต้องรอบคอบไว้หน่อย ความ ประมาทเป็นหนทางสู่ความตายนะ”

“ไอ้พูดน่ะมันก็พูดได้ แต่ถึงเวลาจริง ๆ จะเป็นยังไงก็

ไม่รู้

“เพราะงั้นถึงได้ต้องรอบคอบไงครับ” เด็กหนุ่มมองตา ขุ่น เขาก็บอกอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่ชอบปัญหา ถ้าไม่เก็บราย ละเอียดขนาดนั้นถึงยามคับขันขึ้นมาไม่มีข้อมูลที่ใช้ ประโยชน์ในการแก้ปัญหาได้จะทำยังไง

“นี่ อย่ามัวแต่คิดมากสิเราไปเดินเที่ยวซื้อของกันดีกว่า เจ้าไม่อยากได้ของที่ระลึกไปฝากเพื่อน ๆ สักหน่อยหรือ ไง” จิ้งจอกอสูรเปลี่ยนเรื่องไป ในเรื่องนี้เทพินดูจะสนใจ ขึ้นมานิดหน่อย
“อืม… สักหน่อยก็ได้ล่ะมั้ง” ชื้อไปฝากสักชิ้นสองชั้น เพื่อนเขาจะได้ไม่โกรธที่ไม่ได้ไปจัดฉลองงานวันเกิดร่วม กัน ถึงแม้จะเป็นงานวันเกิดเขาเองก็ตาม

เคไนน์ยิ้มกริ่มลากเด็กหนุ่มเดินไปทันที “ทางนั้นมีร้าน

ขายของที่ระลึกด้วย ไปดูกันเถอะเทน” “นี่ไม่ต้องลาก ผมเดินเองได้น่า” เทพินมองดู ๆ แต่ก็เดิน

ตามไป

ร้านขายของที่ระลึกมีของอยู่มากมาย และจำนวนคนที่ เดินเข้ามาก็ไม่น้อยเช่นกัน เทพินถอนหายใจเบา ๆ มอง หน้าเคไนน์ที่กำลังมองหาช่องว่างแทรกตัวเข้าไปดูสินค้า ภายในร้าน ซึ่งช่องอันน้อยนิดนั่น ขืนเขาเบียดเข้าไปคง ได้ตัวลีบตัวแบนออกมาแน่ ๆ เลย

“เอาไว้มาดูก่อนกลับก็แล้วกันเนอะ นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปหา อะไรกินกันไหม ?” เคไนน์เอ่ยชวนไปที่อื่นแทน ยืนรออยู่ ตรงนี้จนกว่าจะมีที่ให้เดินเข้าไปก็คงอีกนาน

“เพิ่งกินไปนี่นายยังจะกินอีกหรือ” เทพินมองอสูรตะกละ ตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม

“ข้าก็ไม่ได้จะกินสักหน่อย แค่คิดว่าเจ้าอาจจะหิวต่าง หาก มื้อเช้าที่โรงแรมก็กินไปไม่เยอะด้วย ถ้าตอนเที่ยงยัง กินน้อยอีกจะมีแรงไปทำงานไหมล่ะ เป็นมนุษย์ต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่นะถึงจะแข็งแรง”

“มันก็จริง แต่ฟังจากปากอสูรอย่างนายแล้วผมรู้สึก แปลก ๆ”

“เพราะข้าเป็นอสูรที่มีหลักการไงล่ะ !”

“เปล่า ให้ความรู้สึกขนลุกและเอือมระอาสุด ๆ

“นี่เจ้า !”

“งั้นไปร้านนั้นกันเถอะ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ติดริม แม่น้ำน่านั่งดีนะ” เด็กหนุ่มเดินไปทางร้านอาหารทันทีไม่ ได้สนใจสีหน้าจะกินเลือดกินเนื้อของจิ้งจอกอสูรเลยสัก

นิด

“อย่ามาทําเมินกันนะ… ฟะ..” เคไนน์ชะงักกึกแล้วหันไป มองที่ผิวน้ำ ดวงตาสีม่วงหรี่ลงมองตำแหน่งที่เกิดการกระ เพื่อมอย่างผิดธรรมชาตินั่น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองบน ท้องฟ้า ลูกพลังสีประหลาดกำลังร่วงลงมา

ตูม !!

เสียงระเบิดดังขึ้น น้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง เสียงหวีด ร้องอย่างตกใจของมนุษย์ทั่วไปดังตามมาติด ๆ ฝูงชนรีบวิ่งออกห่างจากริมแม่น้ำอย่างสับสนวุ่นวาย เทพิน ยังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ดวงตาสีม่วงที่สะท้อนแสงแดด เป็นประกายนั้นสะท้อนภาพของสิ่งที่อยู่กลางอากาศนั้น อย่างชัดเจน สิ่งที่กระทบกับพลังนั้นไม่ใช่นกหรืออะไรแต่ เป็น…

มนุษย์กำลังบินมา… ด้วยความเร็วสูง !?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ