ตอนที่5 ชดใช้บุญคุณสิบห้าปี
เขาจะให้เธอแต่งไปได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็นคุณชายสาม หรือคุณชายรอง คนที่จะแต่งไปคือพิมมี่
นารามองพ่อที่เหนื่อยล้าหันมา “เพราะอะไรกันแน่คะ คุณพ่อ ไม่ใช่พี่พิมมี่จะแต่งงานกับคุณชายสามไม่ใช่เห รอคะ ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนเป็นคุณชายสามล่ะคะ”
บุรินททร์ทร์หันมามองลูกสาว แล้วถอนหายใจ “ตอน แรกเป็นงานแต่งของคุณชายรองกับพี่พิมมี่ แต่ว่า ตระกูลปัญญาพนต์กลับให้เปลี่ยนเป็นคุณชายสามแทน พี่แกไม่ยอม วันนี้ขู่แม่หนูว่าจะฆ่าตัวตาย แม่ถึงให้ลูก แต่งงานแทน”
“ลูกสบายใจได้เลยนะ พ่อไม่ยอมให้ลูกแต่งไปแน่ๆ ลูกตั้งใจเรียนหนังสือเถอะ” บุรินททร์ทร์ยืนขึ้นแล้วเดิน ขึ้นบันไดไป
นารามองหลังพ่อเห็นถึงความเจ็บปวดและหดหู่ใจ ของพ่อ เธออยากจะร้องไห้ ถ้าจะบอกว่าใครรักเธอมาก ที่สุดในโลกนี้ นอกจากเคนโด้ที่เธอรู้จักเมื่อครึ่งปีก่อน ก็ มีพ่อนี่แหละที่คอยเป็นเสาร์หลักของกำลังใจให้เธอ
ในชีวิตนี้จะทำให้ใครผิดหวังก็ได้ มีเพียงพ่อเท่านั้นที่ เธอจะไม่ยอมทำให้ผิดหวังและหนักใจ เธอนั่งบนโซฟา อย่างเงียบๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอได้ยินเสียงพ่อกับ แม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง
เสียงเขวี้ยงปาสิ่งของยิ่งอยู่ยิ่งดัง นารานังบนโซฟา หันมองประตูห้องข้างบนอย่างไม่เปลี่ยนสายตา
เพียงสักครู่บุรินททร์ทร์เดินออกจากห้อง “ปัง” เสียง ปิดประตูเสียงดัง
เห็นนารานั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆลดอารมณ์ลง แล้วรีบ เดินเข้าไปหาลูกสาว “นารา ทำไมยังไม่นอนล่ะลูก”
เขาค่อยๆนั่งลงตรงข้ามของนารา สองมือกุมขมับ ท่าทางที่ดูหมดหนทาง
นาราหยุดสิ่งที่จะพูด ลุกขึ้นแล้วบอกค่ะ “ค่ะ หนูจะไป นอนตอนนี้แหละ”
วันนั้นพ่อก็ไม่ได้ขึ้นห้องอีกเลย
หลายวันผ่านไป นาราตื่นจากฝันร้าย เธอลืมตาขึ้น แล้วเห็นเขมินท์ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“นารา แม่ขอร้องล่ะ แกแต่งงานแทนพี่แกหน่อยนะ พี่ แกหนีไปแล้ว ตระกูลปัญญาพนต์กำลังจะมารับแล้ว ถ้า รู้ว่าพี่แกหนีไป พวกเขาอาจจะฆ่าล้างครอบครัวเราหมด ก็ได้นะ”
“นารา ลูกจะยอมให้ทุกอย่างที่พ่อสร้างมาต้องมา จบลงเพราะเรื่องนี้เหรอ ลูกแต่งออกไปถึงจะช่วย รักษาตระกูลวรชัยลภัสไว้ได้ แม่ขอร้องล่ะ ถือซะว่าลูก ตอบแทนบุญคุณที่แม่เลี้ยงดูลูกมาแล้วกันนะ”
เขมินท์นั่งร้องไห้ฟูมฟายบนเตียงนารา
นาราก้มหน้าลง “แต่ว่าแม่คะ คนที่พวกเขาจะแต่งงาน ด้วยคือพี่พิมมี่นะคะ ถ้าเขารู้ว่าเราหลอกพวกเขา แบบนี้ จะยิ่งทําให้พวกเขาโกรธนะคะ”
เขมินท์กุมมือนาราไว้แน่น “คุณชายสามนั่นน่ะ พิการ ขาไม่ออกมาสิบกว่าปี ลูกแต่งานไปก็แค่ดูแลเขาอย่าง ดี พอสักครึ่งปีหากไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น ลูกค่อยออก จากบ้านนั้นก็ได้นะนารา มีแค่ลูกเท่านั้นที่จะช่วยพ่อ ช่วยตระกูลวรชัยลภัส หรือว่าลูกจะยอมให้บั้นปลาย ชีวิตของพ่ออยู่ไม่มีความสุข”
นารามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว เธอาจะทำยังไงดี ถ้าเป็น ไปจริงตามที่ไม่พูด ครึ่งปีเธอก็ออกจากที่นั่นได้แล้ว เพื่อพ่อ เธอจะยอมไปดูแลคนพิการแทนพี่สาวได้
แต่ว่า เคนโด้จะทำยังไง และเธอยังต้องเรียนหนังสือ อีก เธอแต่งงานออกไปก็ไม่ได้เรียนอีกแล้ว สถานะของ เธอคือพี่สาว
เขมินท์เห็นเธอยังไม่พูดอะไร ก็ร้องไห้แล้วพูดอีกครั้ง “นารา ถ้าลูกไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร ในเมื่อฉันและพ่อแกก็ แก่แล้ว ตระกูลวรชัยลภัสก็พึ่งลูกกับพี่พิมมี่แล้วล่ะ ฉัน กับพ่อแกจะไปอยู่ข้างถนนที่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก ขอ แค่พวกเธอมีความสุขก็พอ” พูดจบเขมินท์ปาดน้ำตา พร้อมเดินออกจากห้องไป นารานึกถึงตอนที่พ่อพาเธอ มาที่นี่ตอนห้าขวบ เธออยู่ในอ้อมกอดของพ่อ “นาราลูกนี่แม่ นี่พี่สาวนะ ต่อไปเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้ว”
บางทีเธออาจไม่มีสิทธิ์กำหนดอนาคตของเธอก็ได้ แต่เธอก็จะไม่ยอมให้พ่อเสียใจเด็ดขาด ในโลกนี้มี เพียงพ่อเท่านั้นที่เธอรู้สึกอยากปกป้อง
“ได้ค่ะ หนูรับปาก” เธอพูดกับเขมินท์ด้วยเสียงที่เบา
เขมินท์อึ้งแล้วหันหลังด้วยความดีใจ “นารา ลูกยอม จริงๆใช่มั้ย”
“ค่ะ” ถ้าหากเป็นไปตามที่เขมินท์พูด คุณชายสาม ผู้พิการที่อยู่บนเกาะฟ้า เธอแต่งงานไปก็แค่ไปดูแล เขาไม่ได้มีอะไรมาก แบบนี้พ่อจะได้ไม่ต้องเสียใจและ หนักใจอีก และตระกูลวรชัยลภัสก็จะปลอดภัย
“ดีมาก เด็กดี แม่รู้ว่าลูกเป็นลูกสาวของแม่ มีเพียงลูก เท่านั้นที่เป็นความสุขของตระกูลเรา ” เธอกุมมือเธอไว้ แน่น ยิ้มพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
เธอรีบเดินออกจากห้อง บอกข่าวดีให้กับพิมมี่
พิมมี่ได้ยินว่านารายอมแต่งงานแทนเธอ เธอยืนอยู่ หน้าคาราโอเกะ แล้วพูดขึ้นว่า “ให้ค่าเขามากเกินไป แล้ว ได้เป็นถึงคุณนายตระกูลปัญญาพนต์ เขาต้อง ขอบคุณฉันอย่างดีเลย”
ยิ้มด้วยสายตาที่ได้ใจ วางสายแล้วรินไวน์ชูขึ้น “มาทุกคน ฉันไม่ต้องแต่งงานกับตาพิการนั่นแล้ว ชนแก้ว “
“โอ้โห พิมมี่ แกนี่สุดยอดจริงๆเลย แกจะได้สั้นลา กับแฟนแกแล้วล่ะสิ” ผู้หญิงคนหนึ่งตรงเข้ามาพูดด้วย ความดีใจ
สามวันผ่านไปเร็วมาก วันนี้คนตระกูลปัญญาพนต์จะ มารับแล้ว หน้าบ้านตระกูลวรชัยลภัสมีรถLINCOLNที่ ติดคำว่า “ฮี้”จอดอยู่
พิมมี่มองจากระเบียงมองเห็นรถแล้วสายตาที่เฉยชา อย่างนี้แหละนะคนพิการ แพ้กระทั่งงานแต่งงานยังไม่มี ก็จะรับคนไปเกาะฟ้าแบบนี้เลย
มันก็นะ พิการยังยืนไม่ขึ้นเลย จะมีงานแต่งได้ยังไง ขายหน้าตระกูลปัญญาพนต์ซะเปล่าๆ
พิมมี่ยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก เธอหันหลังเดินเข้าห้องไป แล้วเปิดประตูห้องของนารา เห็นผู้หญิงยื่นเหม่อลอย อยู่ที่ระเบียน ชุดกระโปรงสีชมพูทั้งชุด ปล่อยผมตาม สบาย ไม่มีช่างแต่งหน้า ใบหน้าอันขาวใสของเธอไม่มี ความสดชื่นเลย วันนี้เป็นวันที่เธอต้องแต่งงาน หึๆ
พิมมี่ ค่อยๆเดินเข้าไปยืนข้างๆเธอ “นารา รถมาแล้ว นั่น แกก็แต่งงานแทนพี่ให้ดีล่ะ” เธอล้วงมือเข้ากระเป๋า เสื้อโค้ท ยิ้มเย้ย
นาราไม่ได้หันกลับมา ยังคงมองไปยังด้านนอก พิมมี่ เห็นน้องสาวไม่ได้สนใจเธอแล้วทำหน้างง “แกกลัวอะไรคุณชายสามพิการนั่น ไม่ได้มีมนุษยธรรมอะไรหรอกนะ แกแต่งไปครึ่งปีก็กลับมาได้แล้ว”
นาราค่อยๆหันหลังมา สายตาสีฟ้ากลมโตจ้องมองไป ที่พิมมี่
“ในเมื่อพี่รู้ว่าเขาไร้มนุษยธรรมแล้วทำไมไม่แต่งไป เองล่ะ ครึ่งปีหลังก็กลับมาได้แล้วนี่” เธอพูดด้วยน้ำ เสียงเรียบเบา
พิมมี่จ้องเขม็งที่เธอ “นี่แกหมายความว่ายังไง แกจะ เปลี่ยนใจงั้นหรือ แกอย่าลืมกับสิ่งที่ตัวเองรับปากไว้กับ แม่ล่ะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นาราเดินเข้าใกล้พิมมี่
“จำไว้นะ ที่ฉันตอบตกลงก็เพื่อพ่อ ตั้งแต่วันนี้ไป ฉัน ไม่มีอะไรติดค้างพวกคุณอีก บุญคุณสิบห้าปีนี้ หลังจาก ที่ฉันก้าวออกจากบ้านนี้ไปก็ถือว่าเราหายกัน
เธอค่อยๆเดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู ด้านนอกมีผู้ หญิงวัยกลางคนรอเธออยู่ “คุณนายสาม เชิญขึ้นรถค่ะ”
นาราเดินออกไปแล้วเดินลงบันได ข้างรถLINCOLNมี คนยืนเปิดประตูรถ เธอมองขึ้นไปหน้าต่างห้องชั้นบน พ่อคะ ลาก่อน พ่อต้องดูแลตัวเองให้ดีถึงจะคุ้มกับสิ่งที่ นาราทำนะคะ เธอโน้มตัวเข้าไปนั่งในรถ รถค่อยๆขับ ออกจากคฤหาสน์ตระกูลวรชัยลภัส
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ