ตอนที่4 แต่งงานแทนพี่สาว
ผิงผิงรีบยัดใส่มือนารา “อ่ะ เอาไป” แล้วแกล้งทำหน้า ไม่พอใจ
“รุ่นพี่ นี่ลำเอียงเกินไปหรือเปล่า ทําไมมีของนารา แต่ ของพวกเราไม่มี ต๊ะ ” ผิงผิงผมสั้นสวยและตากลมโต จ้องมองเคนโด้
เคนโด้เห็นนารารับไปแล้วเก็บเข้ากระเป๋า เขามอง เธอแล้วยิ้ม ในใจเขารู้สึกปริ่มเปรมอย่างบอกไม่ถูก เขา จูงมือนาราอย่างอ่อนโยน หันกลับไปมองผิงผิงแล้วบอก ว่า “รอเธอเจอคนที่รักเธอ เขาก็จะส่งของขวัญให้เธอ เอง””
“โอ๊ะ โอ ไม่ต้องมาทำหวานแถวนี้เลยนะ ” ไลลาก็ แกล้งทําเป็นไม่พอใจเหมือนกัน
“เคนโด้ไม่ต้องแล้ว เธอจะไปซ้อมบาสฯอยู่ไม่ใช่เหรอ แข่งอาทิตย์หน้าแล้ว” นาราหน้าแดงถูกชายหนุ่มจูงมือ แล้ววิ่งออกไป
“ซ้อมบาสฯไม่สำคัญเท่าไปส่งเธอ นารา อีกปีเดียวผม ก็เรียนจบแล้ว รอถึงอเมริกาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ดี เธอก็ใกล้เรียนจบแล้วเหมือนกัน ถึงเวลานั้นเรามาอยู่ ด้วยกันดีมั้ย”
เคโด้สูง185 เซนติเมตรเป็นที่รักใคร่ของสาวๆใน โรงเรียน แต่เขามองเพียงนาราคนเดียว หนึ่งปีที่แล้วหลังจากที่นาราเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่ เคนโด้ก็ เริ่มตามจีบเธอ หลังจากครึ่งปีนาราก็ตกลงเป็นแฟนกับ เขา
ตอนนั้นเคนโด้ดีใจกระโดดโลดเต้น จากนั้นมาสองคน ก็แสดงความรักกันในมหาวิทยาลัย ด้วยความที่อิจฉา นารา ผู้หญิงคนอื่นๆในมหาวิทยาลัยไม่มีใครคุยกับ นาราเลย มีเพียงผิงผิงกับไลลาเท่านั้นที่เป็นเพื่อนตาย ของนารา
ทั้งสามคนสาบานกันว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีสุข ร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน
เคนโด้และนาราเดินคุยกันสนุกสนาน พอถึงหน้า บ้านตระกูลวรชัยลภัส “นารา เข้าบ้านเถอ พรุ่งนี้เจอ กัน” เคนโด้ก้มจูบหน้าผากของนาราอย่างอ่อนโยน นารายิ้มมองผู้ชายสะพายเป้ ยิ้มสดใสประกายเหมือน พระอาทิตย์ ความหวานในใจของเธอค่อยๆเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ
เพียงแค่ได้พบเขา ความทรหดในชีวิตนี้ก็จางหายไป เธอขอบคุณที่เขาทำให้เธอมีความสุข “กลับไปเถอะ เคนโด้”เธอโบกมือให้เขา “เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม เข้าบ้านเถอะ” เคนโด้ยืนย้อนแสงพระอาทิตย์ ยิ้มอ่อนโยนเหมือนน้ำ นัยย์ตาซ่อนความรักไว้ไม่อยู่ พอ นาราเดินเข้าบ้านแล้วเขาถึงจะหันหลังกลับไป
นาราเดินเข้าบ้านก็เห็นแม่และพี่สาวนั่งอยู่บนโซฟาเธอเดินเข้าไปทักทาย “แม่ พี่พิมมี่ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
เธอกำลังจะขึ้นห้องไปทำการบ้าน แต่เขมินท์เรียกเธอ “นารา มานั่งนี่สิ แม่มีอะไรจะพูดด้วย
นาราหันหลังแล้ววางกระเป๋าลง นั่งตรงข้ามโซฟา เข มินท์ดูหญิงสาวที่กำลังนั่งลง นัยย์ตาแสงแวววับไหล ผ่าน
“นารา เธออยู่บ้านนี้นานแค่ไหนแล้ว แล้วรู้สึกเป็นยัง ไงบ้าง” เขมินท์จ้องเขม็งหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
มองมองๆ นารายิ่งอยู่ยิ่งสวย ในใจเขมินท์ก็ยิ่งเกลียด เธอ
“อยู่ที่นี่สิบห้าปีแล้วค่ะ อยู่บ้านนี้ดีมากเลยค่ะแม่ ” เขาเงยหน้าพร้อมดวงตากลมโตประกายดุจดวงดาว ใบหน้าเท่าฝ่ามือและจมูกโด่งสวย ริมฝีปากอมชมพูที่ ไม่ได้ผ่านการตกแต่งใดๆ ดูละเมียดละไมสวยสดใส ทำให้ใครมองแล้วก็หลงเสน่ห์ได้
เขมินท์จ้องเขม็งที่เธอแล้วพูดว่า “แกโกหก ทั้งๆที่แก อยู่บ้านนี้อย่างลำบาก แกยังบอกว่าอยู่ดีอีก นารา ตอน นี้มีตัวเลือกที่ดีกำลังรอเธออยู่ เธอสามารถออกจาก บ้านนี้ได้ ทำให้ชีวิตเธอได้อยู่สุขสบายมากขึ้น
นาราได้ยินว่าให้เธอออกไปจากบ้านนี้ เธอจับของ โซฟาไว้แน่น “แม่คะ อีกสองปีหนูก็จะเรียนจบแล้ว รอ หนูเรียนจบหางานทำได้แล้ว หนูจะไปจากบ้านนี้เองค่ะ”
เธอแค่อยากเรียนให้จบปริญญา ตอนนั้นเคนโด้บอก จะพาเธอไปอเมริกา อีกแค่สองปีเอง เธอออกไปไม่ได้
“นารา ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ไม่ต้องรอถึงสองปี หรอก ฉันกับพ่อแกคุยกันละ ว่าจะให้แกแต่งงานกับ หลานชายตระกูลปัญญาพนต์
แกก็จะได้เป็นคุณนายสามแล้ว แบบนี้แกก็ไม่ต้องทน กับชีวิตที่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”
เขมินท์พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา แล้วมองไปที่พิมมี่ เธอแสดงท่าทางได้ใจและดูเยาะเย้ย”
นาราตกใจกับสิ่งที่แม่พูด “ตระกูลปัญญาพนต์ ไม่ใช่ พี่พิมมี่เป็นคนแต่งเข้าไปเหรอคะ”
“ใช่สิ ตอนแรกก็เป็นพี่สาวแกเป็นคนแต่ง แต่ตอนนี้พี่ แกจะยกงานแต่งให้แก แกก็แต่งงานแทนพี่แกแล้วกัน ตำแหน่งคุณนายสามก็เป็นของแกแล้ว” เขมินท์แกล้ง ทําท่าทางเหมือนเสียดาย
“ไม่ค่ะแม่ คนที่จะแต่งกับตระกูลปัญญาพนต์คือพี่พิม มี่ ไม่ใช่หนู หนูไม่มีทางแต่งงานเด็ดขาด”
ในใจนาราร้อนรุ่มวุ่นวาย เธอรู้สึกเหมือนมีตาข่ายที่ ไม่มีลมผ่านได้มัดเธอไว้อย่างแน่นกับการจัดการอย่างนี้
“บอกให้แกแต่ง แกก็ต้องแต่ง พูดอะไรเยอะแยะไร้ สาระ” บนโซฟา พิมมี่ไม่พูดอะไรเลย เธอได้ยินนาราบอกว่าไม่แต่ง ก็รีบนั่งตัวตรงแล้วจ้องมองไปที่นารา
“ตระกูลปัญญาพนต์ คุณนาย อืม เธอได้ยินรึยัง ฉัน ให้งานแต่งที่เสนจะเพอร์เฟคขนาดนี้กับแก แกต้องของ คุณฉันนะ นังนารา ครั้งนี้แกอยากแต่งก็ต้องแต่ง ไม่ อยากแต่งก็ต้องแต่ง
พิมมี่หันหลังเดินขึ้นบันไดได้ครึ่งทาง แล้วหันกลับมา พูดอย่างเย็นชาว่า “อีกอาทิตย์นึง เขาก็จะแห่ขันหมาก มาแล้ว แกเตรียมตัวให้ดีด้วยล่ะ คุณนายปัญญาพนต์”
นารามองตามหลังพีมมี่ที่กำลังเดินขึ้นบันไดอย่าง เหม่อลอย
“นารา พี่แกไม่อยากแต่ง แกก็เห็นแก่สิบห้าปีที่พวก เราเลี้ยงแกมา แกก็อย่าปฏิเสธเลย ก็ถือซะว่าตอบแทน บุญคุณแล้วกัน ห้ามบอกพ่อแกว่าแกไม่แต่ล่ะ” เขมินท์ ยืนขึ้นมองเธอ
“แต่ว่าแม่คะ คนที่ตระกูลปัญญาพนต์จะแต่งงานด้วย คือพี่พิมมี่นะคะ หนูยังต้องเรียนหนังสือ อีกอย่างพี่กับ คุณชายรองตระกูลปัญญาพนต์
ก็รักกันอย่างจริงใจนะคะ” นารารู้แต่แรกแล้วว่าพิมมี่ และวิษณุส์รักกัน
“คนที่แกต้องแต่งงานด้วยคือคุณชายสาม จำไว้ พรุ่ง นี้ไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยสองสามวันนี้ก็เตรียมตัวแล้ว กัน” พูดจบ เขมินท์ก็เดินออกจากห้องรับแขกไป
คุณชายสาม ใครคือคุณชายสาม ได้ยินมาว่าที่เกาะ ฟ้าของตระกูลปัญญาพนต์มีชายพีการอาศัยอยู่ ก็คือ คุณชายสามงั้นหรือ เธอไม่เคยเจอผูชายที่ซ่อนตัวอยู่ที่ เกาะฟ้าเลยนะ
ไม่ๆ เธอจะแต่งงานกับคุณชายสามได้ยังไง นี่มัน อะไรกันเนี่ย เธอจะรอพ่อกลับมาแล้วถามให้ชัดเจน
ทำไม เพราะอะไรเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย ตั้งแต่ห้าขวบ ชีวิตเธอไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรเองเลย
ตอนนี้เธอมีเคนโด้แล้ว ความหวังของเธอใกล้เข้ามา ก็ ต้องมาเจอกับการจัดการชีวิตอีกแบบหนึ่งเหรอ
เธอหาอะไรกินง่ายๆในครัวเสร็จแล้วก็นั่งรอบุรินททร์ ทร์ที่ห้องรับแขก
เวลาสามทุ่ม บุรินททร์ทร์เพิ่งจะเดินเข้าบ้าน เขาเปิด ประตูห้องรับแขก เห็นนารานั่งอยู่บนโซฟา”
เขาขมวดคิ้ว นารา ทำไมยังไม่นอนล่ะลูก
นารายืนขึ้นไปช่วยรับกระเป๋าที่พ่อถือมาวางไว้บน โซฟา “พ่อคะ หนูรอพ่อค่ะ”
“หือ ทำไมลูก มีเรื่องอะไรรึเปล่า” บุรินททร์ทร์นั่งข้าง ลูก มองลูกที่กำลังเศร้าหมอง แล้วลูบหัวเธอเบาๆ
“พอคะ แม่บอกว่าจะให้หนูแต่งงานกับคุณชายสามตระกูลปัญญาพนต์ มันเรื่องจริงเหรอคะ” ดวงตากลม โตของเธออยู่ใต้แสงไฟที่สลัวๆยิ่งมองชัดเจน
บุรินททร์ทร์อึ้งไปสักพัก แล้วก้มหน้าลง “ลูกไม่ต้อง ไปฟังแม่พูดนะ คนที่จะแต่งงานคือพี่สาวของหนู มันไม่ เกี่ยวกับลูก ลูกตั้งใจเรียนก็พอนะลูก”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ