ความทรงจําสีหม่น (60%)
7.29 ul.
“ยัยแว่น! ฉันบอกให้เอาการบ้านมา
“เอาการบ้านมาให้พวกฉัน ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
เสียงเข้มๆ ข่มขู่ ตามมาด้วยถ้อยค่าบีบบังคับจากสองแฝด นรกประจำห้อง หากแต่คำสั่งเหล่านั้นหาได้ทำให้คนที่โดนแบบ นี้เป็นประจำจนชินชาหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามศิริมาก ลับนั่งทำหน้านิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนร่วมห้องจำนวน ห้าคน ขาประจำที่มาขู่ลอกการบ้านของเธอ
“ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่องก็เอาให้พวกเขาไปซะสิ” คราวนี้เมริษา หรือมินนี่สาวสุดป๊อปประจำโรงเรียนทำเป็นพูดจาดี แต่แวว ตากลับกระด้างออกแนวบีบบังคับ สร้างภาพเป็นนางฟ้าใน คราบนางมารร้ายชัดๆ
“พวกเธอก็รู้นี่ ว่าอาจารย์สั่งว่าไม่ให้พวกเธอลอกการบ้าน ฉัน” คิริมาเอ่ยเสียงเรียบๆ อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้หวาดกลัวแก๊ง อันธพาลหลังห้องเลยสักนิด เพียงแต่เธอไม่อยากมีเรื่องให้ต้อง ถูกฝ่ายปกครองเรียกไปสอบสวน เพราะสุดท้ายคนที่ถูกลงโทษ ด้วยการหักคะแนนความประพฤติก็คือเธอ
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ทางโรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองมาพบ ซึ่งพ่อแม่ของทุกคนต่างก็มากันอย่างพร้อมหน้า ยกเว้นพ่อแม่ของเธอ และทุกครั้งพ่อแม่ ของทุกคนก็จะพากันโจมตีคนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเธอว่า ใส่ร้ายลูกของพวกเขาบ้างล่ะ ว่าเธอหาเรื่องลูกพวกเขาบ้างล่ะ เพราะเธอไม่มีพ่อกับแม่มาปกป้องเหมือนอย่างใครเขา สุดท้าย ความผิดก็มาตกที่เธออยู่ร่ำไป จนอาจารย์ฝ่ายปกครองคาดโทษ ว่าหากเกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นอีกเธอจะถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด ซึ่งนั่น มันไม่ยุติธรรมต่อเธอเลยสักนิด
“พวกฉันจะลอก…จะทำไม
“ใช่…ในเมื่อถ้าอาจารย์จับได้จะทำโทษเธอ ไม่ใช่พวกฉันสัก หน่อย”
วาจาแสนกระแทกใจทำให้คนฟังเม้มปากแน่นด้วยความคับ ข้องใจ นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้น ทว่ากลับต้องกำหมัดระงับอารมณ์ เอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“นั่นดิ ฉะนั้นเอาสมุดมาซะดีๆ
“ไม่!” คิริมายังคงยืนกรานค่าเดิม ใจจริงอยากจะตะโกนใส่ หน้าทุกคนว่าอย่ามายุ่งกับเธอ มีปัญญาก็ทำเอง หากแต่กลับ ทำได้เพียงเม้มปากนั่งนิ่ง
“ฉันบอกว่าเอามา!”
“เฮ้! พวกเธอไม่มีปัญญาหรือไงวะ ถึงได้มาข่มขู่ลอกกา รบ้านยัยนั่นอยู่ได้” น้ำเสียงกระด้างเลือดุดันที่โพล่งขึ้นทำให้ทุก คนต่างหันไปมองผู้มาใหม่
“พงษ์ พงษ์มาหามินนี่เหรอ” สาวป๊อปประจำโรงเรียนร้อง อุทานด้วยความยินดี แล้วรีบปรี่เข้าไปเกาะแขนของแฟนหนุ่มสุด หล่อด้วยสีหน้าระรื่น
“เปล่า” เขาตอบหน้าตาย ก่อนจะแกะมือของอีกฝ่ายออกจาก แขนของตัวเอง ท่าทางเหินห่างทําให้เมริษาถึงกับหน้าเสีย แต่ยัง ทำเป็นเชิดเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไร
“แล้วพงษ์มาทำอะไรที่นี่
“ฉันมาแข่งบาส”
“งั้นที่อาจารย์บอกว่าจะมีการแข่งบาสเชื่อมสัมพันธ์ ก็แสดงว่า เป็นการแข่งบาสระหว่างโรงเรียนพงษ์กับโรงเรียนมินนี่น่ะสิ” เห็นท่าทางเย็นชาของแฟนเด็กที่อายุห่างกันหนึ่งเธอก็ชวนคุย อย่างกระตือรือร้น
“ใช่” พงษ์สวัสดิ์ตอบห้วนๆ เริ่มมีสีหน้าเบื่อหน่ายกับคำถาม ฟังดูไร้สาระ ปากขยับ โต้ตอบกับเมริษา แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับ ลอบมองคิริมาเป็นระยะ
“อุ๊ย! งั้นมินนี่จะรอเชียร์นะ ปะพวกเราไปขึ้นสแตนด์กันเถอะ” เมริษาเอ่ยเอาใจแฟนหนุ่มของเธอ ก่อนจะหันไปชักชวนเพื่อนๆ โดยลืมเรื่องส่งการบ้านไปเสียสนิท
“เดี๋ยวก่อนมินนี่”
“พงษ์เปลี่ยนใจจะไปสนามบาสพร้อมมินนี่ใช่ไหมล่ะ” เจ้าของ ใบหน้าแต้มยิ้มหวานหยดรีบเดินกลับมาหาหนุ่มหล่อหน้าใสแล้วเอ่ยด้วยท่าทางระริกระ
“เปล่า…ฉันจะบอกเธอว่าเราจบกัน”
“พงษ์! ทำไมพงษ์พูดอย่างนั้น มินนี่ทำผิดอะไร” ถ้อยคำบอก เลิกง่ายๆ ต่อหน้าทุกคนทำให้สาวฮอตของโรงเรียนถึงกับร้อง เสียงหลงด้วยความตกใจ
“เธอไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก แต่เธอโง่ และฉันก็ไม่ชอบผู้หญิง โง่…จบนะ!” เขาเอ่ยเสียงเรียบๆ แต่แสนกระแทกใจ จนคนถูก บอกเลิกถึงกับวิ่งร้องไห้โฮจากไปด้วยความเสียใจปนอับอายที่ ถูกด่าว่าโง่
เห็นดังนั้นคิริมาก็ลอบยิ้มตรงมุมปากด้วยความสะใจ ก่อนจะ รีบทำหน้านิ่งเมื่อคนที่เพิ่งบอกเลิกสาวไปหมาดๆ ก้มลงมามอง หน้าเธอ พอได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ สาวน้อยก็เบิกตาโพลง โลก กลมได้อย่างน่าเหลือเชื่อพอๆ กับน่าโมโห เพราะเด็กผู้ชายผิว ขาวออร่า หน้าหล่อใสสไตล์โอปป้าเกาหลี จมูกโด่งเป็นสันปลาย เชิดกั้น ริมฝีปากหยักลึก และนัยน์ตาทว่าร้ายๆ ที่กำลังยืนล้วง กระเป๋าเก๊กท่าหล่ออยู่ตรงหน้าคือคนเดียวกันกับที่ลอยหน้ากวน ประสาทเธอไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่วันนี้ผมของเขาไม่เป็นสีเทา แล้ว กลับมาทำสีดำถูกระเบียบโรงเรียน พอมองชุดกีฬาที่อีก ฝ่ายสวมอยู่ถึงได้รู้ว่าทำไมเขาถึงทำหัวสีเทาได้ ก็เพราะเขาเรียน โรงเรียนเอกชนชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ ที่ค่าเทอมแสนจะ แพง แถมอาจารย์โคตรเทพ ซึ่งเพิ่งจะเปิดเทอมไปเมื่อวันจันทร์ที่ ผ่านมา โรงเรียนเขาเปิดหลังโรงเรียนเธอหนึ่งสัปดาห์ และถ้า เดาไม่ผิดพ่อกับแม่ของอีกฝ่ายคงจะเป็นผู้มีอุปการะคุณรายใหญ่ของโรงเรียนแหงๆ
พอโดนจ้องเอาๆ คิริมาก็ทำตัวไม่ถูก ชอบกล รีบเก็บสมุดและปากกาดใส่กระเป๋า แล้วตั้งลุกจากม้านั่งหินอ่อน หากอีกฝ่ายคว้าหมับเข้ามือเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนไม่จะ
“ขอบคุณเรื่องอะไร
ท่าทางเย็นชาจนโมโหทำให้พงษ์สวัสดิ์กลอกตาขึ้นฟ้า ก่อนจะสวนกลับด้วยเสียงๆ
คนเขาอุตส่าห์ช่วยจากเห็บหมาพวกนั้นไม่สำนึกอีก
“นายไม่ช่วยฉันหาทางเอาตัวรอดอยู่แล้ว” สาวแว่นไหล่ทําหน้าตาย
ท่าทางเย่อหยิ่งทำให้เขานึกหมั่นไส้ มุมปากหยักกระตุกยิ้ม มาดร้าย ครั้นเธอท่าจะมือหลุดพ้นจากมือ เขาก็ จงใจบีบรัดเข้า แล้วกระชากแรงจนร่างบางปลิวไป ตามความยาวของม้านั่งเกือบปะทะกับร่างสูงโปร่งที่ยืน หัวอยู่ จากนั้นเขาก้มเอ่ยเสียงเข้มๆ
“อวดดี!
“ใช่ อวดดี พอใจหรือยัง ถ้าแล้วปล่อย
“ไปสแตนด์กับเขาหรือไงแทนจะปล่อยเขากลับชวน คุยอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งการดึงมือของเธอไปแนบอกกว้างทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นตอบ
“ไป
กล่าวจบคิริมาบิดข้อมือจนหลุด ลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน แล้ว ก้าวเดินจากไป ทำให้คนไม่ถูกเมินกับอ้าปากกระนั้นยังฟันเช่นเขี้ยวเฮ
ครั้นทนไหวเขาก็ร้องเรียก แล้วของคนที่อาดโดยไม่สนจะหนุ่มฮอตอย่างเดิน
พงษ์สวัสดิ์กระชากคอเสื้อจากทางด้านหลังจนอีกฝ่ายเซมา หลับตาปี เมื่อตัวกว่าก้มมาหา แล้วจงใจกระซิบ
ยิมอยู่ทางนี้ต่างหากล่ะขาดคำคนเคยมาแข่งบาสที่ โรงเรียนแล้วหนหนึ่งก็จัดลากแขนเรียวติดไป โดยสนอีกฝ่ายจะกายต่อต้านแต่อย่างใด เห็น
วินาทีเขาปล่อยคนถูกคุกคามกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่านาน กลับต้องเบิกว้าง หัวใจเต้นจังหวะ และยืนตายนั้น เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็เดินเข้าประชิดแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วเอ่ย เป็นเชิงสั่งด้วยท่าทางเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
“ไปสิ…จะไปส่งการบ้านไม่ใช่เหรอ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ